fbpx
WRITER: แมดาไลน์ ทูว์นีย์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: ศุภิสรา เจริญศรีศิลป์
EDITOR: Mustard Seed Team

เมื่อหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา คนรู้จักของฉันที่คริสตจักร ดึงฉันไปข้างๆ ก่อนเริ่มการนมัสการรอบเช้า เพื่อจะพูดถึงลักษณะนิสัยที่อ่อนแอของฉัน เธอคิดว่าฉันนั้นยุ่งอยู่กับการช่วยเหลือผู้คนในคริสตจักรมากเกินไปจนลืมความต้องการของตัวเอง ในความคิดเห็นของเธอ ฉันควรจะช่วยเหลือคนอื่นไปพร้อมๆ กับการยืนหยัดเพื่อตัวเองมากขึ้นด้วย

ฉันยิ้มและพึมพำขอบคุณเธอสำหรับความห่วงใยอย่างงงๆ

แต่ในความคิดลึกๆ ของฉัน ฉันกำลังโกรธ โกรธมากๆ ฉันรู้สึกว่าคำพูดของเธอกำลังเหยียดหยามฉัน และมันไม่เหมาะสมเลยที่จะเข้ามาพูดกับฉันแบบนั้น ฉันไม่ได้เป็นคนที่ขี้กลัวหรือรู้สึกไม่ปลอดภัย ในขณะที่ฉันกำลังล้มลงและมีข้อบกพร่องเหมือนทุกๆ คน ฉันเชื่อว่าพระเจ้าได้มอบของประทานในการช่วยเหลือและการให้ด้วยใจกว้างขวางกับฉัน ฉันจะคอยมองหาคนที่ต้องการความช่วยเหลืออยู่เสมอ และฉันเห็นของประทานนี้เป็นดั่งสมบัติของฉัน

จนถึงวันนี้ คนรู้จักของฉันคนนั้นก็ยังไม่รู้ว่าฉันรู้สึกอย่างไร ฉันเลือกที่จะตัดการตอบสนองในเชิงที่ไม่ดีออกไป เพื่อจะหลีกเลี่ยงไม่ให้พายุที่ไม่จำเป็นเข้ามา แต่กระนั้นเองฉันก็ยังสงสัยว่า การที่ฉันหลีกเลี่ยงความขัดแย้งโดยการไม่เผชิญหน้ากับเธอนั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่จะทำแล้วจริงๆ หรอ?

ในฐานะที่เราเป็นกายของพระคริสต์ เราต่างจำเป็นที่จะสามารถตอบสนองต่อความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทั้งในคริสตจักรและในชีวิตของเราได้ให้เป็นไปในแนวทางที่ดี ดังต่อไปนี้

-แต่ละคนมีสันติสุข

-เสริมสร้างความรัก

-ดึงพวกเราขึ้นในฐานะผู้เชื่อในพระกายเดียวกัน ที่เราจะสามารถรับใช้พระเจ้าทั้งในคริสตจักรและโลกภายนอกได้

แล้วเราจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร?

อัครทูตเปาโลพูดถึงสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ ผ่านจดหมายถึงผู้เชื่อในเมืองโคโลสี เพราะว่าการสอนเทียมเท็จคริสตจักรเลยต้องเผชิญความทุกข์ยากลำบากจากการแบ่งพรรคแบ่งพวกกันอย่างหนัก ในพระธรรมโคโลสี 3:13-15 เปาโลได้แสดงให้เราเห็นถึง 3 หลักการที่เราสามารถปรับใช้ได้ในปัจจุบัน เพื่อที่จะช่วยเราในการรับมือกับความขัดแย้ง

1. ให้อภัยผู้อื่นเหมือนอย่างที่พระเจ้าทรงให้อภัยเรา

จงอดทนต่อกันและกัน และถ้าใครมีเรื่องราวต่อกัน ก็จงให้อภัยกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้อภัยพวกท่านอย่างไร ท่านก็จงทำอย่างนั้นด้วย (โคโลสี 3:13)

การให้อภัยเป็นการแสดงออกที่สำคัญมากๆ สำหรับเปาโล คำนี้ได้ถูกใช้ 3 ครั้งในพระคัมภีร์เพียงข้อเดียว เราไม่เพียงแต่ถูกเรียกให้ให้อภัยกันเท่านั้น แต่เราจำเป็นต้องให้อภัยกัน เหมือนอย่างองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้อภัยเราด้วย

นั่นหมายความว่า ไม่ว่าสิ่งร้ายใดๆ ที่คนอื่นกระทำต่อเรา เราจะไม่เก็บมาสะสมไว้ในใจ ซึ่งหมายความอีกได้ว่าเราต้องลบความขมขื่น หรือความโกรธใดๆ ที่เราอาจจะรู้สึกต่อพวกเขาไปด้วย การให้อภัยที่พระเจ้าให้อภัยเรานั้น ไม่เพียงปลดปล่อยคนที่ทำผิดกับเราให้เป็นอิสระเท่านั้น แต่ยังปลดปล่อยตัวเราด้วย

คนรู้จักของฉันคนนั้นมีความประทับใจในตัวฉันที่บางทีอาจจะไม่เป็นความจริง แต่นั่นก็ไม่เป็นไร ฉันรู้ว่าฉันเป็นใคร และพระเจ้าทรงรู้เช่นกันว่าฉันเป็นใคร แทนที่จะสนใจว่าอะไรเป็นสิ่งที่ผลักดันให้เธอมาให้ความเห็นกับฉันแบบนั้น ฉันเลือกที่จะฝึกให้อภัยคนอื่นในทุกๆ วัน ซึ่งจะเป็นการปลดปล่อยเราทั้งคู่ด้วย

2. สวมทับด้วยความรัก

แล้วจงสวมความรักทับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ความรักผูกพันทุกสิ่งไว้อย่างสมบูรณ์ (โคโลสี 3:14)

พระเยซูทรงตรัสสั่งให้เรารักกันและกัน (ยอห์น 13:34-35) อย่างไรก็ตาม เราจะรักคนที่เรามีความขัดแย้งด้วยได้อย่างไร? ถ้าเช่นนั้น เราจำเป็นต้องตัดสินใจอย่างมีสติที่จะรักเขา เลือกที่จะยอมรับเขาอย่างที่เขาเป็น รวมทั้งข้อเสียทั้งหมดของเขา และจำไว้ว่าพวกเขากำลังอยู่ในระหว่างการถูกสร้างเหมือนกันกับเรา เราจำเป็นต้องสวมทับด้วยความรัก

การรักใครบางคนที่เรามีความขัดแย้งด้วยจะกลายเป็นเรื่องง่าย ถ้าเราเข้าใจแรงจูงใจของการกระทำของเขา คนรู้จักของฉันมีเจตนาดี ดังนั้น การแสดงความรักให้กับเธอจึงเป็นทางเดียวที่จะสร้างความงุนงงและความเจ็บปวดในใจให้กับเธอ

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ฉันไม่ควรจะพูดคุยกับเธออย่างเปิดใจเกี่ยวกับการแสดงออกของเธอและผลกระทบที่เธอทำกับฉันนะ ฉันยังสามารถทำแบบนั้นได้ และฉันอาจจะทำแบบนั้นสักวันหนึ่ง ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ถ้าฉันเผชิญหน้ากับเธอ ฉันจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับเธอเพราะความรัก ไม่ใช่ทำเพราะความเจ็บปวดหรือการกล่าวโทษ

พระเจ้าทรงเป็นความรัก ในขณะที่เรายังเป็นศัตรูกับพระองค์ พระองค์ทรงรักเรา (เอเฟซัส 2:4-5) ถ้าความรักของพระองค์ทรงสามารถทำให้เรามีชีวิตอยู่ร่วมกับพระองค์ได้ แล้วเราไม่ควรจะแบ่งปันความรักนี้ให้กับคนอื่นหรอ?

3. ปล่อยให้สันติสุขเข้ามาสู่หัวใจของเรา

และจงให้สันติสุขของพระคริสต์นำพาจิตใจของท่านทั้งหลาย พระเจ้าทรงเรียกท่านให้มาเป็นกายเดียวกันก็เพื่อสันติสุขนี้ และจงมีใจขอบพระคุณ (โคโลสี 3:15)

การอยู่ในความขัดแย้งเป็นเรื่องที่เครียดและต้องใช้พลังงานจิตใจเยอะมาก แล้วทำไมใครๆ ถึงเลือกที่จะใช้ชีวิตแบบนั้นอยู่หละ? ในเมื่อเราสามารถเลือกที่จะรับสันติสุขที่พระคริสต์มอบให้ไว้กับเราได้ (ยอห์น 14:27)

การเลือกที่จะยอมรับสันติสุขของพระคริสต์ในสถานการณ์นั้นเป็นพระพรอย่างมากในชีวิตของฉัน มันไม่ง่ายที่จะปรับใช้เสมอไป แต่มันช่วยให้ฉันได้รู้ว่า ความยุ่งเหยิงข้างในจิตใจและความเครียดที่ฉันพยายามหลีกเลี่ยงในชีวิตของฉัน สามารถหยุดได้ด้วยการเชื่อวางใจให้พระเยซูทำงานในเวลาที่สมบูรณ์แบบของพระองค์ ด้วยความคิดแบบนี้ การเลือกสันติสุขคือทางเลือกที่ดีกว่า!

คริสตจักรเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ต่อพระเยซู การที่จะให้คริสตจักรทำงานได้อย่างราบรื่น พระองค์เรียกร้องให้เรามีสันติสุขก่อน

ดังนั้น ถ้าคุณกำลังยึดติดกับปัญหาหรือความขัดแย้งในวันนี้ คุณจะปล่อยมันไปเพื่อเห็นแก่พระเยซูได้ไหม?

มันคงดีที่จะพูดว่าความขัดแย้งคือสิ่งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่น่าเสียดายที่เราทุกคนต่างก็เป็นคนที่ไม่สมบูรณ์แบบที่มาอยู่ร่วมกันบนโลกที่แตกสลาย ที่ที่เป็นพื้นที่แห่งการนองเลือดสำหรับการไม่ลงรอยและการต่อสู้กัน

จะมีอะไรที่สบายใจไปกว่าการที่ได้รู้ว่า เรามีพระเจ้าที่สมบูรณ์แบบ ผู้ทรงรักเราในความแตกสลายของเรา และนำทางเราในการตอบสนองหรือรับมือกับความขัดแย้งต่างๆ ตามแบบอย่างที่เหมือนกับพระคริสต์ ผ่านความรักและคำสอนของพระองค์!

YOU MAY ALSO LIKE

ความผิดพลาด 3 อย่างที่สอนผมเรื่องพระปัญญาและเวลาของพระเจ้า

ความผิดพลาด 3 อย่างที่สอนผมเรื่องพระปัญญาและเวลาของพระเจ้า

WRITER: ราฟาเอล ชาง ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: กาญจนา​ กาญจนพาทีEDITOR: ปวีณา นิลบุตร เมื่อตอนอายุประมาณ 20 ต้นๆ ผมได้วางแผนชีวิตว่าจะต้องเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เป็นนักดนตรี และเป็นผู้รับใช้ในคริสตจักรก่อนอายุ 25 ปี...

จากโรคบูลิเมียสู่โรคซึมเศร้า: พระเยซูทรงจับฉันไว้แน่นท่ามกลางความเจ็บป่วยทางจิตใจ

จากโรคบูลิเมียสู่โรคซึมเศร้า: พระเยซูทรงจับฉันไว้แน่นท่ามกลางความเจ็บป่วยทางจิตใจ

WRITER: เชวอง ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: ปาลีญา ธนาวัฒนเจริญEDITOR: สรสิทธิ์ ฑัมมารักขิตานนท์ เมื่อฉันมาเป็นคริสเตียนตอนอายุ 16 ไม่นานฉันก็ตระหนักได้ว่าชีวิตมันตรงข้ามกับคำสอนหลายๆ อย่างของเหล่าศิษยาภิบาล ชีวิตมันไม่ได้ง่ายเลย ความจริง...

พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)

พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)

WRITER: แคทเธอรีน ฟลินน์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ในปี 2003 ฉันอายุ 24 ปี และอาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษตอนที่ฉันถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยเพื่อนร่วมห้องของฉัน...

Share This