WRITER: ฮันนาห์ สเปลาดิง ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: ปาลีญา ธนาวัฒนเจริญ
EDITOR: Mustard Seed Team
คำที่กำลังเป็นที่นิยมในสังคมปัจจุบันคือคำว่า “ตัวตน” ไม่ว่าจะเป็น เชื้อชาติ เพศ รสนิยมทางเพศ ศาสนา สถานะทางสังคม หรือสถานะความสัมพันธ์ มันมีหลายวิธีที่เราจะอธิบายถึงตัวตนของเรา
เป็นเรื่องธรรมดาที่จะสับสนในการค้นหาว่าอะไรคือตัวตนที่แท้จริงของเรา แม้กระทั่งคริสเตียนเอง เราสามารถยึดตัวตนของเรากับสิ่งของต่างๆ แทนที่จะเป็นพระคริสต์
มีช่วงเวลาในชีวิตของฉันที่สูญเสียตัวตนไปกับความต้องการความสัมพันธ์ที่โรแมนติก เมื่อตอนที่ฉันอยู่มัธยมปลาย ฉันต้องการที่จะมีแฟนมากจึงทำให้ฉันต้องมีความสัมพันธ์ที่ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า บางความสัมพันธ์ก็ไปกันไม่รอด แต่บางความสัมพันธ์ก็ไม่ได้เกิดขึ้นทั้งๆ ที่ฉันอยากให้มันเกิดขึ้น ในช่วงปิดเทอมก่อนขึ้นม.6 ฉันมาถึงจุดที่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย หลงทาง และห่างไกลจากพระเจ้า
วันหนึ่ง เมื่อฉันได้คิดย้อนไปถึงช่วงเวลาก่อนที่ฉันจะมีแฟนครั้งแรก ฉันยังจำได้ว่าในช่วงปีแรกๆ ของมัธยมปลาย ฉันรู้สึกติดสนิทกับพระเจ้า ฉันไม่เคยรู้สึกกังวลที่จะต้องมีความแฟน มันทำให้ฉันเข้าใจว่า ฉันได้ให้ความต้องการที่จะมีแฟนเข้ามาคั่นระหว่างฉันกับพระเจ้า ฉันไม่ไว้วางใจในพระเจ้าแห่งความรักในการให้พระองค์เขียนเรื่องราวความรักของฉัน แต่ฉันกลับพยายามที่จะแย่งปากกาและเขียนเรื่องราวความรักของตัวฉันเอง
หลังจากที่ฉันเข้าใจ ฉันตัดสินใจว่าอยากจะกลับมาติดสนิทกับพระเจ้าอีกครั้ง ฉันต้องการมอบปากกาคืนให้กับพระองค์และวางใจในเรื่องราวที่พระองค์จะเขียนให้ฉัน ว่ามันจะดียิ่งกว่าเรื่องราวใดๆ ที่ฉันเขียนขึ้นมาด้วยตัวฉันเอง
แต่อย่างไรก็ตาม การพูดนั้นง่ายกว่าการทำ ฉันจำเป็นต้องย้ายโฟกัสตัวตนของฉันกลับไปหาพระคริสต์ และไม่ให้สถานะทางความสัมพันธ์เป็นตัวกำหนดตัวตนของฉัน และนี่คือสามสิ่งที่ช่วยฉัน
1. ประมวลความคิดของฉันกับพระเจ้า
ในช่วงเวลาที่ฉันพยายามให้พระเจ้าเป็นที่หนึ่งอีกครั้ง ฉันพบว่าการจดบันทึกเป็นตัวช่วยที่ดีมาก ฉันเป็นนักเขียนและเป็นคนที่ชอบคำเขียนต่างๆ เพราะฉะนั้นการจดคำอธิษฐานของฉัน มันช่วยให้ฉันได้ใครครวญถึงประสบการณ์ต่างๆ
ฉันยังได้จดข้อความหรือข้อพระคำในสมุดบันทึกของฉัน มันช่วยให้ความคิดของฉันกลับมายังเป้าหมายที่อยากจะรู้จักพระเจ้ามากยิ่งขึ้น ในช่วงเวลานั้น พระวจนะที่ช่วยเตือนฉันว่าพระเจ้าทรงอยู่ใกล้มาจากพระธรรมสดุดี 73:23-26
ถึงกระนั้นก็ดี ข้าพระองค์อยู่กับพระองค์เสมอ
พระองค์ทรงจับมือขวาของข้าพระองค์ไว้
พระองค์ทรงนำขาพระองค์ด้วยคำปรึกษาของพระองค์
และภายหลังพระองค์จะทรงนำข้าพระองค์ให้ได้รับเกียรติยศ
นอกจากพระองค์ ข้าพระองค์มิมีผู้ใดในฟ้าสวรรค์นอกจากพระองค์แล้ว
ข้าพระองค์ไม่ปรารถนาใดใดในโลก
เนื้อหนังและจิตใจของข้าพระองค์จะวายไป
แต่พระเจ้าทรงเป็นกำลังใจของข้าพระองค์
และเป็นส่วนของข้าพระองค์เป็นนิตย์
2. จัดลำดับความสำคัญของฉันใหม่
หนึ่งในปัญหาของฉันคือการที่ฉันโฟกัสทั้งความคิดและพลังงานไปกับการมีความสัมพันธ์ที่โรแมนติกมากเกินไป จุดศูนย์กลางในชีวิตของฉันคือความปรารถนาของตัวเอง แทนที่จะเป็นความปรารถนาของพระเจ้าที่มีให้ฉัน
เมื่อฉันได้เข้าใจความจำเป็นในการให้พระเจ้าเป็นที่หนึ่งในชีวิต และรู้จักพระเจ้ามากขึ้น ฉันจึงเริ่มปรับทิศทางของฉันไปที่พระเจ้า เมื่อใดที่ฉันเริ่มคิดถึงความสัมพันธ์ที่โรแมนติกมากเกินไป หรือรู้สึกสลดใจเพราะการอยู่เป็นโสด ฉันจะอธิษฐานกับพระเจ้าและคอยเตือนตัวเองว่าพระเจ้าทรงมีแผนการสำหรับฉัน
กระบวนการนี้จะค่อยเป็นค่อยไป ฉันยังค้นพบว่าตัวเองยังกระวนกระวาย กังวล และรู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ในชีวิตของฉัน เมื่อฉันยอมให้ความต้องการของฉันควบคุม แต่เมื่อฉันให้พระเจ้าเป็นศูนย์กลางในความคิด การตัดสินใจและความสัมพันธ์ ฉันจะได้พบกับสันติสุข แม้กระทั่งตอนนี้ ฉันยังคอยเตือนตัวเองว่าการให้พระเจ้าเป็นที่หนึ่ง คือสิ่งที่สำคัญที่สุดและเป็นสิ่งที่คุ้มค่าที่สุด
3. ระบุตัวตนกับพระเยซูคริสต์
การที่รู้ว่าฉันถูกรักโดยพระเจ้าและพระเจ้าทำให้ฉันสมบูรณ์ และพระเจ้าคือทุกสิ่งที่ฉันต้องการ ความจริงนี้ช่วยฉันในการจัดการกับชีวิตในรูปแบบใหม่ แทนที่จะหาคู่ชีวิตที่เข้ามาเติมเต็มความรู้สึกของฉันหรือความต้องการฝ่ายจิตวิญญาณ ฉันสามารถที่จะหาคู่ชีวิตเพราะฉันอยากที่จะหาเพื่อนมาร่วมวิ่งในการแข่งที่พระเจ้าทรงเรียกให้ฉันวิ่ง
มันไม่ใช่สิ่งที่ผิดที่เราจะต้องการบางสิ่งหรือสิ่งสำคัญสิ่งอื่นๆ เช่น คะแนนที่ดี หรือ เพื่อนที่ดี แต่ความแตกต่างคือเมื่อเราระบุตัวตนของเราว่า เราเป็นบุตรของพระเจ้า เราจะเริ่มแสวงหาสิ่งอื่นๆ ด้วยทัศนคติแบบเดียวกับพระเยซู คือเพื่อที่จะถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า (สดุดี 37:4)
เมื่อฉันมองย้อนกลับไปในชีวิตของฉัน สิ่งที่ทำให้ฉันแปลกใจที่สุดคือพระเจ้าไม่ได้รอจนฉันเรียนรู้ทุกอย่างหมดก่อนที่จะนำคนสำคัญเข้ามาในชีวิตของฉัน เมื่อฉันได้พบเดวิดครั้งแรก เป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงตอนที่ฉันอยู่ม.6 เมื่อฉันกำลังพยายามที่จะติดสนิทกับพระเจ้ามากขึ้นและวางใจในพระองค์เกี่ยวกับความสัมพันธ์โรแมนติกของฉัน
แต่สิ่งที่แตกต่างที่สุดในความสัมพันธ์ของฉันกับเดวิด กับความสัมพันธ์กับคนอื่นๆ ที่ผ่านมา คือการที่พระเจ้านำเราสองคนมาเจอกัน เดวิดกับฉันเราเจอกันที่งานสัมมนาคริสเตียน และเราทั้งสองคนกำลังอยู่ในจุดเดียวกันในการเดินทางของความเชื่อ ในช่วงแรกๆ ของความสัมพันธ์นั้น เราต่างแบ่งปันเรื่องราวในอดีตที่เราต่อสู้กับความต้องการความสัมพันธ์ที่โรแมนติกและการขาดความไว้วางใจในพระเจ้า และในช่วงเวลาที่เรารู้จักกันและกัน เราทั้งคู่กำลังอธิษฐานขอพระเจ้าที่จะเปิดเผยคนที่เหมาะสมกับเราในเวลาของพระองค์ และนั้นคือสิ่งแรกที่ทำให้ฉันรักเดวิด คือการที่เขากำลังตั้งใจในการมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าเหมือนกับฉัน
ฉันอธิษฐานอย่างหนักก่อนที่จะเริ่มความสัมพันธ์กับเดวิด เพราะตามแผนการของฉัน ฉันอยากจะรอจนกว่าจะเข้ามหาวิทยาลัยถึงเริ่มเดตอีกครั้ง แต่ฉันเลือกที่จะวางใจในพระเจ้าในเรื่องความสัมพันธ์ของเรา และเมื่อเราใกล้ชิดกันมากขึ้น ฉันยิ่งมั่นใจในความสัมพันธ์ของฉันกับเดวิดว่ามันไม่ได้ขัดต่อน้ำพระทัยของพระเจ้า ตอนนี้ฉันกำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 2 และฉันดีใจที่จะพูดว่าฉันกับกำลังจะฉลองครบรอบ 2 ปีกับเดวิด
ฉันยังคงต่อสู้กับการวางตัวตนของฉันไว้ผิดที่ผิดทางในบางครั้ง มันเป็นการทดลองที่ฉันจะมองไปที่เดวิดเพื่อเติมเต็มความต้องการของฉัน แต่ฉันค้นพบว่าเมื่อฉันวางใจในพระเจ้าและหันกลับมาหาพระองค์ด้วยกัน เราจะสามารถรักกันและกันได้ดีที่สุด
YOU MAY ALSO LIKE
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน
WRITER: ฉีฉี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: นิศารัตน์ มั่นเกตุEDITOR: กรชวัล เพชรเลิศอนันต์ มันเป็นอีกหนึ่งวันที่ยาวนาน ในระหว่างที่ดูแลพวกลูกๆ สะสางงานต่างๆ ก็แทบจะไม่มีเวลาให้ได้พักหายใจเลย เมื่อลูกๆ...
ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?
WRITER: เมดาลีน คาลู ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: PinkEDITOR: Thitikarn Nithiuthai (Mesy) ฉันยังจำช่วงเวลาที่ฉันเริ่มต้นความสัมพันธ์กับพระเยซูได้ ราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงที่อากาศหนาวเย็นของเดือนมกราคม ฮันนาห์...
เสียงที่ดังพอ
WRITER: GRACESaoriEDITOR: Mustard Seed Team เคยไหม? ที่ในบางครั้งเสียงของใครบางคนก็ดังกว่าเสียงของตัวเอง เสียงนี้มักดังเร้าอยู่ภายในใจ บ่อยครั้งในเมื่อเราอยู่ในช่วงที่คิดไม่ตก ฟุ้งซ่าน หาทางออกไม่เจอหลายๆ สิ่ง แต่จะมีเสียงๆ นี้แหละ ที่กลับดังขึ้นมาหัวใจ...