WRITER: เมดาลีน คาลู ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: Pink
EDITOR: Thitikarn Nithiuthai (Mesy)
ฉันยังจำช่วงเวลาที่ฉันเริ่มต้นความสัมพันธ์กับพระเยซูได้ ราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้
ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงที่อากาศหนาวเย็นของเดือนมกราคม ฮันนาห์ เพื่อนของฉันนำฉันอธิษฐานและสารภาพบาป ขณะที่เรานั่งอยู่บนรถของเธอที่จอดอยู่ด้านนอกร้านค้า เพื่อยืนยันในความเชื่อ ฉันรับพระเยซูคริสต์เข้ามาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของฉัน
ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทันที ฉันรู้สึกสะอาดและโล่ง ราวกับว่าความผิดพลาดในอดีตและการติดสินใจแย่ๆ ทั้งหมดของฉันถูกลบออกไปหมด ที่สำคัญกว่านั้นฉันรู้สึกเป็นที่รักและได้รับการยอมรับในสิ่งที่ฉันเป็น แม้ว่าฉันจะล้มเหลวและมีข้อบกพร่อง เป็นความรักที่มาจากพระเจ้าเท่านั้น
หลายเดือนผ่านไป ฉันได้รับโอกาสที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับพระเจ้า ด้วยความรู้สึกขอบพระคุณและหัวใจที่กระหายอยากรู้จักพระผู้ช่วยให้รอดมากขึ้นและมากขึ้น ฮันนาห์กลายเป็นที่ปรึกษาและสอนฉันเกี่ยวกับพระมหาบัญชา (มัทธิว 28:19-20) ที่พระเจ้าทรงเรียกให้พวกเราประกาศข่าวประเสริฐตามพระวจนะของพระองค์
ฉันนึกถึงเพื่อนสนิทที่ยังไม่รู้จักพระเยซูขึ้นมาทันที ฉันตระหนักว่าการต่อสู้และความเจ็บปวดที่เพื่อนๆ ของฉันพบเจอ มักจะสะท้อนถึงการค้นหาเป้าหมายในชีวิต เพื่อค้นหาตัวตน
สิ่งนี้ทำให้ฉันปวดใจ
ฉันอยากจะช่วยให้เพื่อนๆ ได้รู้จักอิสรภาพ สันติสุข และความรักจากพระบิดาผู้ทรงเมตตา เหมือนกับที่ฉันได้รู้จัก นอกจากนี้ ฉันรู้สึกกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่เพื่อนๆ ของฉันจะถูกแยกจากพระเจ้าชั่วนิรันดร์ หากพวกเขาไม่ได้เข้าสู่ความสัมพันธ์กับพระองค์ ดังนั้น ฉันจึงตัดสินใจที่จะ “ช่วย” ให้เพื่อนๆ ของฉันตลอดเส้นทางสู่ความรอด ซึ่งนำไปสู่เหตุการณ์ที่น่าอึดอัดใจระหว่างเพื่อนๆ และตัวฉัน
มันเกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์หนึ่ง เมื่อเพื่อน ๆ และฉันไปเที่ยวอัมสเตอร์ดัม เพื่อนบางคนในกลุ่มของเราอยากจะไปเที่ยวย่านโคมแดงในคืนวันเสาร์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวแห่กันไปดูหญิงขายบริการทางเพศหลังประตูกระจกโคมแดง
ฉันไม่เห็นด้วยกับสิ่งนี้ ในขณะที่เพื่อนๆ ของฉันคิดว่ามันเป็นประสบการณ์ทะเล้นที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยอะไร แค่มองผ่านหน้าต่างเท่านั้น แต่ฉันนึกถึงสถานการณ์สิ้นหวังที่ผลักดันให้พวกผู้หญิงเหล่านี้ต้องมาอยู่ในที่ดังกล่าว ฉันเห็นใจพวกเขา
ฉันบอกกับเพื่อนๆ ว่าพระเจ้ามีพระประสงค์ให้ร่างกายของเราบริสุทธิ์และเป็นที่พอพระทัยของพระองค์ (โรม 12:1) และในฐานะที่เป็นคริสเตียน ฉันไม่แสวงหาสิ่งที่เป็นของโลกนี้ แต่ฉันแสวงหาพระเจ้าแทน ซึ่งพวกเขาควรทำเช่นกัน อืม อย่างที่คนอังกฤษมักพูดกันว่ามันพังไม่เป็นท่า เพื่อนบางคนพูดกับฉันตรงๆ ว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของฉันในการที่จะบอกให้พวกเขาควร หรือไม่ควรทำอะไร และที่สำคัญที่สุดคือ พวกเขาควรเชื่ออะไร
ฉันอยากให้เพื่อนๆ ได้รู้จักความรักของพระเยซู แต่ความล้มเหลวนั้นช่วยให้ฉันเห็นว่าฉันไม่มีส่วนรับผิดชอบในความรอดของพวกเขา- แต่เป็นตัวพวกเขาเอง พระเจ้าปรารถนาให้เราทุกคนเต็มใจเลือกความสัมพันธ์กับพระองค์ และฉันไม่สามารถบังคับใครให้เลือกได้ ไม่ว่าจะด้วยความอับอาย หรือวิธีการอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ฉันมีหน้าที่ต้องแบ่งปันข่าวประเสริฐ จากเหตุการณ์น่าอึดอัดใจในครั้งนั้น ฉันเรียนรู้ที่จะประกาศกับเพื่อนๆ ด้วยวิธีที่แตกต่างออกไป ด้วยความหวังที่ว่าจะนำพวกเขามาถึงความสว่างของพระคริสต์
นี่คือ 4 วิธีที่ฉันได้เรียนรู้ในการประกาศกับเพื่อนที่ไม่เป็นคริสเตียน
1. ให้ความเชื่อสะท้อนผ่านการดำเนินชีวิต
ฉันสามารถเป็นผู้ประกาศเรื่องพระคริสต์ที่ดีได้ เมื่อเพื่อนเห็นวิธีที่ฉันดำเนินชีวิตคริสเตียน ฉันรักพระวจนะในพระธรรมมัทธิว 5:16 “ทำนองเดียวกันพวกท่านจงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อ
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลังจากที่ฉันได้เป็นคริสเตียนก็คือ ฉันไม่พูดคำสบถอีกเลย เพื่อนของฉันไม่เพียงแค่รับรู้ความเปลี่ยนแปลง แต่ตอนนี้พวกเขาถึงกับต้องขอโทษฉัน หากเผลอพูดคำสบถต่อหน้าฉัน
แทนที่จะพูดจาในแง่ลบ ตอนนี้ฉันพยายามจะใช้ถ้อยคำให้กำลังใจและหนุนใจผู้คนที่อยู่รอบข้างฉัน (1 เธสะโลนิกา 5:11) ฉันพยายามจะแสดงความรักของพระเจ้าแก่เพื่อนๆ ด้วยความอดทน ความเมตตา และความเห็นอกเห็นใจพวกเขา เหมือนอย่างที่พระเยซูทรงทำแก่เรา
2. แบ่งปันคำพยาน
พระเจ้าทรงทำงานผ่านชีวิตของเราอย่างต่อเนื่อง และเรามักจะแบ่งปันประสบการณ์เหล่านี้ให้เพื่อนๆ ของเรา เมื่อฉันและสามีประสบปัญหาด้านการเงิน พระเจ้าทรงช่วยให้ผ่านพ้นและทรงจัดเตรียมรายได้จากแหล่งต่างๆ อาทิ เพื่อนๆ ค่าจ้างที่เกินคาดคิด และทุนการศึกษาสำหรับสามีของฉัน!
เพื่อนๆ ของฉันไม่เพียงแค่เป็นสักขีพยานว่าพระเจ้าเปลี่ยนแปลงชีวิตของฉันอย่างไร แต่พวกเขายังได้เรียนรู้เกี่ยวกับพระเจ้าผ่านสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตฉันด้วย
ฉันสังเกตว่าเพื่อนๆ ของฉันยอมรับฟังเรื่องของพระเจ้า เมื่อพวกเขาได้สัมผัสสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำในฐานะพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่และพระบิดาผู้เต็มไปด้วยความรัก เพื่อนบางคนเริ่มถือว่าสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตมาจากพระพรของพระเจ้า ไม่ใช่มาจากผลของการทำงานหนักหรือโชคชะตาใดๆ
3. สร้างพื้นที่ปลอดภัยในการเคารพซึ่งกันและกัน
ฉันและเพื่อนสร้างพื้นที่ปลอดภัยในความสัมพันธ์ของพวกเรา เป็นที่ซึ่งเราจะเคารพซึ่งกันและกัน และแต่ละคนเป็นตัวของตัวเองได้อย่างอิสระ เรายอมรับความอ่อนแอของกันและกัน และให้อภัยกันเมื่อเราทำผิดพลาด
ฉันพูดคุยเรื่องพระเจ้ากับเพื่อนๆ แต่ตอนนี้ฉันใช้วิจารณญาณและชั่งน้ำหนักแต่ละสถานการณ์อย่างรอบคอบก่อนที่ฉันจะแสดงความคิดเห็น แทนที่จะกระหน่ำพูดข้อพระคัมภีร์ใส่พวกเขา
เพราะว่าเรามีพื้นที่ปลอดภัย เพื่อนๆ ของฉันรู้สึกสบายใจที่จะถามคำถามเกี่ยวกับพระเจ้า เพราะเขารู้ว่าฉันจะไม่ตัดสินหรือเสแสร้งเรื่องศีลธรรมกับพวกเขา
4. อธิษฐานเผื่อความรอดของเพื่อนๆ
คุณได้ดูภาพยนต์เรื่อง War Room แล้วหรือไม่? ผู้หญิงสูงวัยในหนังมีตู้เสื้อผ้าสุดพิเศษ ที่เธอเรียกมันว่า “War Room” มีไว้สำหรับอธิษฐานเป็นประจำ อธิษฐานแบบลึกซึ้ง หรืออธิษฐานเผื่อคนที่อยู่รอบข้างเธอ
ฉันอธิษฐานเผื่อความรอดของเพื่อนๆ อย่างมาก ฉันเขียนรายชื่อของคนที่ฉันหวังว่าวันหนึ่งพวกเขาจะได้มีความสัมพันธ์กับพระคริสต์ และติดรายชื่อเหล่านี้ไว้ในห้องว่าง-“war room” ของฉันเอง ขณะที่ฉันเฝ้าเดี่ยวกับพระเจ้า ฉันจะอธิษฐานเผื่อรายชื่อเหล่านั้นเพื่อเพื่อนๆ ของฉันและคนที่ฉันรัก
สักวันหนึ่งเพื่อนๆ ของฉันอาจจะเชื่อในพระคริสต์ หรืออาจจะไม่เชื่อก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ฉันก็จะยังคงเป็นเพื่อนและรักพวกเขาด้วยความรักที่พระองค์ทรงสำแดงแก่ฉัน ฉันบอกกับตัวเองว่าจะไม่ล้มเลิกความหวังว่าวันหนึ่งเพื่อนจะรับพระเยซูเข้ามาในหัวใจ จนกว่าจะถึงวันนั้น ฉันจะมีความเชื่อ มั่นใจในพระเมตตาของพระองค์ และอธิษฐานอยู่เสมอ
YOU MAY ALSO LIKE
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน
WRITER: ฉีฉี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: นิศารัตน์ มั่นเกตุEDITOR: กรชวัล เพชรเลิศอนันต์ มันเป็นอีกหนึ่งวันที่ยาวนาน ในระหว่างที่ดูแลพวกลูกๆ สะสางงานต่างๆ ก็แทบจะไม่มีเวลาให้ได้พักหายใจเลย เมื่อลูกๆ...
เสียงที่ดังพอ
WRITER: GRACESaoriEDITOR: Mustard Seed Team เคยไหม? ที่ในบางครั้งเสียงของใครบางคนก็ดังกว่าเสียงของตัวเอง เสียงนี้มักดังเร้าอยู่ภายในใจ บ่อยครั้งในเมื่อเราอยู่ในช่วงที่คิดไม่ตก ฟุ้งซ่าน หาทางออกไม่เจอหลายๆ สิ่ง แต่จะมีเสียงๆ นี้แหละ ที่กลับดังขึ้นมาหัวใจ...
ช่วยด้วย! ฉันหยุดคิดมากไม่ได้
WRITER: เรเชล มอร์แลนด์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: JoshuaEDITOR: สรสิทธิ์ ฑัมมารักขิตานนท์ ฉันมือสั่นขณะที่ฉันกำลังว้าวุ่นกับการหาข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตในมือถือว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน ไม่กี่วินาทีต่อมา...