fbpx
WRITER: ฮันนาห์ สเปลาดิง ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: ปาลีญา ธนาวัฒนเจริญ
EDITOR: Mustard Seed Team

คำที่กำลังเป็นที่นิยมในสังคมปัจจุบันคือคำว่าตัวตนไม่ว่าจะเป็น เชื้อชาติ เพศ รสนิยมทางเพศ ศาสนา สถานะทางสังคม หรือสถานะความสัมพันธ์ มันมีหลายวิธีที่เราจะอธิบายถึงตัวตนของเรา

เป็นเรื่องธรรมดาที่จะสับสนในการค้นหาว่าอะไรคือตัวตนที่แท้จริงของเรา แม้กระทั่งคริสเตียนเอง เราสามารถยึดตัวตนของเรากับสิ่งของต่างๆ แทนที่จะเป็นพระคริสต์

มีช่วงเวลาในชีวิตของฉันที่สูญเสียตัวตนไปกับความต้องการความสัมพันธ์ที่โรแมนติก เมื่อตอนที่ฉันอยู่มัธยมปลาย ฉันต้องการที่จะมีแฟนมากจึงทำให้ฉันต้องมีความสัมพันธ์ที่ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า บางความสัมพันธ์ก็ไปกันไม่รอด แต่บางความสัมพันธ์ก็ไม่ได้เกิดขึ้นทั้งๆ ที่ฉันอยากให้มันเกิดขึ้น ในช่วงปิดเทอมก่อนขึ้น.6 ฉันมาถึงจุดที่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย หลงทาง และห่างไกลจากพระเจ้า

วันหนึ่ง เมื่อฉันได้คิดย้อนไปถึงช่วงเวลาก่อนที่ฉันจะมีแฟนครั้งแรก ฉันยังจำได้ว่าในช่วงปีแรกๆ ของมัธยมปลาย ฉันรู้สึกติดสนิทกับพระเจ้า ฉันไม่เคยรู้สึกกังวลที่จะต้องมีความแฟน มันทำให้ฉันเข้าใจว่า ฉันได้ให้ความต้องการที่จะมีแฟนเข้ามาคั่นระหว่างฉันกับพระเจ้า ฉันไม่ไว้วางใจในพระเจ้าแห่งความรักในการให้พระองค์เขียนเรื่องราวความรักของฉัน แต่ฉันกลับพยายามที่จะแย่งปากกาและเขียนเรื่องราวความรักของตัวฉันเอง

หลังจากที่ฉันเข้าใจ ฉันตัดสินใจว่าอยากจะกลับมาติดสนิทกับพระเจ้าอีกครั้ง ฉันต้องการมอบปากกาคืนให้กับพระองค์และวางใจในเรื่องราวที่พระองค์จะเขียนให้ฉัน ว่ามันจะดียิ่งกว่าเรื่องราวใดๆ ที่ฉันเขียนขึ้นมาด้วยตัวฉันเอง

แต่อย่างไรก็ตาม การพูดนั้นง่ายกว่าการทำ ฉันจำเป็นต้องย้ายโฟกัสตัวตนของฉันกลับไปหาพระคริสต์ และไม่ให้สถานะทางความสัมพันธ์เป็นตัวกำหนดตัวตนของฉัน และนี่คือสามสิ่งที่ช่วยฉัน

1. ประมวลความคิดของฉันกับพระเจ้า

ในช่วงเวลาที่ฉันพยายามให้พระเจ้าเป็นที่หนึ่งอีกครั้ง ฉันพบว่าการจดบันทึกเป็นตัวช่วยที่ดีมาก ฉันเป็นนักเขียนและเป็นคนที่ชอบคำเขียนต่างๆ เพราะฉะนั้นการจดคำอธิษฐานของฉัน มันช่วยให้ฉันได้ใครครวญถึงประสบการณ์ต่างๆ

ฉันยังได้จดข้อความหรือข้อพระคำในสมุดบันทึกของฉัน มันช่วยให้ความคิดของฉันกลับมายังเป้าหมายที่อยากจะรู้จักพระเจ้ามากยิ่งขึ้น ในช่วงเวลานั้น พระวจนะที่ช่วยเตือนฉันว่าพระเจ้าทรงอยู่ใกล้มาจากพระธรรมสดุดี 73:23-26

ถึงกระนั้นก็ดี ข้าพระองค์อยู่กับพระองค์เสมอ
พระองค์ทรงจับมือขวาของข้าพระองค์ไว้
พระองค์ทรงนำขาพระองค์ด้วยคำปรึกษาของพระองค์
และภายหลังพระองค์จะทรงนำข้าพระองค์ให้ได้รับเกียรติยศ
นอกจากพระองค์ ข้าพระองค์มิมีผู้ใดในฟ้าสวรรค์นอกจากพระองค์แล้ว
ข้าพระองค์ไม่ปรารถนาใดใดในโลก
เนื้อหนังและจิตใจของข้าพระองค์จะวายไป
แต่พระเจ้าทรงเป็นกำลังใจของข้าพระองค์
และเป็นส่วนของข้าพระองค์เป็นนิตย์

2. จัดลำดับความสำคัญของฉันใหม่

หนึ่งในปัญหาของฉันคือการที่ฉันโฟกัสทั้งความคิดและพลังงานไปกับการมีความสัมพันธ์ที่โรแมนติกมากเกินไป จุดศูนย์กลางในชีวิตของฉันคือความปรารถนาของตัวเอง แทนที่จะเป็นความปรารถนาของพระเจ้าที่มีให้ฉัน

เมื่อฉันได้เข้าใจความจำเป็นในการให้พระเจ้าเป็นที่หนึ่งในชีวิต และรู้จักพระเจ้ามากขึ้น ฉันจึงเริ่มปรับทิศทางของฉันไปที่พระเจ้า เมื่อใดที่ฉันเริ่มคิดถึงความสัมพันธ์ที่โรแมนติกมากเกินไป หรือรู้สึกสลดใจเพราะการอยู่เป็นโสด ฉันจะอธิษฐานกับพระเจ้าและคอยเตือนตัวเองว่าพระเจ้าทรงมีแผนการสำหรับฉัน

กระบวนการนี้จะค่อยเป็นค่อยไป ฉันยังค้นพบว่าตัวเองยังกระวนกระวาย กังวล และรู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ในชีวิตของฉัน เมื่อฉันยอมให้ความต้องการของฉันควบคุม แต่เมื่อฉันให้พระเจ้าเป็นศูนย์กลางในความคิด การตัดสินใจและความสัมพันธ์ ฉันจะได้พบกับสันติสุข แม้กระทั่งตอนนี้ ฉันยังคอยเตือนตัวเองว่าการให้พระเจ้าเป็นที่หนึ่ง คือสิ่งที่สำคัญที่สุดและเป็นสิ่งที่คุ้มค่าที่สุด

3. ระบุตัวตนกับพระเยซูคริสต์

การที่รู้ว่าฉันถูกรักโดยพระเจ้าและพระเจ้าทำให้ฉันสมบูรณ์ และพระเจ้าคือทุกสิ่งที่ฉันต้องการ ความจริงนี้ช่วยฉันในการจัดการกับชีวิตในรูปแบบใหม่ แทนที่จะหาคู่ชีวิตที่เข้ามาเติมเต็มความรู้สึกของฉันหรือความต้องการฝ่ายจิตวิญญาณ ฉันสามารถที่จะหาคู่ชีวิตเพราะฉันอยากที่จะหาเพื่อนมาร่วมวิ่งในการแข่งที่พระเจ้าทรงเรียกให้ฉันวิ่ง

มันไม่ใช่สิ่งที่ผิดที่เราจะต้องการบางสิ่งหรือสิ่งสำคัญสิ่งอื่นๆ เช่น คะแนนที่ดี หรือ เพื่อนที่ดี แต่ความแตกต่างคือเมื่อเราระบุตัวตนของเราว่า เราเป็นบุตรของพระเจ้า เราจะเริ่มแสวงหาสิ่งอื่นๆ ด้วยทัศนคติแบบเดียวกับพระเยซู คือเพื่อที่จะถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า (สดุดี 37:4)

เมื่อฉันมองย้อนกลับไปในชีวิตของฉัน สิ่งที่ทำให้ฉันแปลกใจที่สุดคือพระเจ้าไม่ได้รอจนฉันเรียนรู้ทุกอย่างหมดก่อนที่จะนำคนสำคัญเข้ามาในชีวิตของฉัน เมื่อฉันได้พบเดวิดครั้งแรก เป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงตอนที่ฉันอยู่ม.6 เมื่อฉันกำลังพยายามที่จะติดสนิทกับพระเจ้ามากขึ้นและวางใจในพระองค์เกี่ยวกับความสัมพันธ์โรแมนติกของฉัน

แต่สิ่งที่แตกต่างที่สุดในความสัมพันธ์ของฉันกับเดวิด กับความสัมพันธ์กับคนอื่นๆ ที่ผ่านมา คือการที่พระเจ้านำเราสองคนมาเจอกัน เดวิดกับฉันเราเจอกันที่งานสัมมนาคริสเตียน และเราทั้งสองคนกำลังอยู่ในจุดเดียวกันในการเดินทางของความเชื่อ ในช่วงแรกๆ ของความสัมพันธ์นั้น เราต่างแบ่งปันเรื่องราวในอดีตที่เราต่อสู้กับความต้องการความสัมพันธ์ที่โรแมนติกและการขาดความไว้วางใจในพระเจ้า และในช่วงเวลาที่เรารู้จักกันและกัน เราทั้งคู่กำลังอธิษฐานขอพระเจ้าที่จะเปิดเผยคนที่เหมาะสมกับเราในเวลาของพระองค์ และนั้นคือสิ่งแรกที่ทำให้ฉันรักเดวิด คือการที่เขากำลังตั้งใจในการมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าเหมือนกับฉัน

ฉันอธิษฐานอย่างหนักก่อนที่จะเริ่มความสัมพันธ์กับเดวิด เพราะตามแผนการของฉัน ฉันอยากจะรอจนกว่าจะเข้ามหาวิทยาลัยถึงเริ่มเดตอีกครั้ง แต่ฉันเลือกที่จะวางใจในพระเจ้าในเรื่องความสัมพันธ์ของเรา และเมื่อเราใกล้ชิดกันมากขึ้น ฉันยิ่งมั่นใจในความสัมพันธ์ของฉันกับเดวิดว่ามันไม่ได้ขัดต่อน้ำพระทัยของพระเจ้า ตอนนี้ฉันกำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 2 และฉันดีใจที่จะพูดว่าฉันกับกำลังจะฉลองครบรอบ 2 ปีกับเดวิด

ฉันยังคงต่อสู้กับการวางตัวตนของฉันไว้ผิดที่ผิดทางในบางครั้ง มันเป็นการทดลองที่ฉันจะมองไปที่เดวิดเพื่อเติมเต็มความต้องการของฉัน แต่ฉันค้นพบว่าเมื่อฉันวางใจในพระเจ้าและหันกลับมาหาพระองค์ด้วยกัน เราจะสามารถรักกันและกันได้ดีที่สุด

YOU MAY ALSO LIKE

ช่วงเวลาที่ผมพยายามฆ่าตัวตาย

ช่วงเวลาที่ผมพยายามฆ่าตัวตาย

WRITER: ราฟาเอล ชาง ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: Gift NatthananEDITOR: ธนากร พูลสินกูล ยา เศษแก้วที่แตก น้ำตา และเลือดที่ไหล ความกลัวและความสิ้นหวัง เป็นหนึ่งในค่ำคืนที่มืดมิดที่สุดในชีวิตของผม ผมแทบไม่อยากจะตื่นขึ้นมาเพื่อพบเจอกับวันพรุ่งนี้...

เมื่อการทดสอบบุคลิกภาพทำร้ายฉัน

เมื่อการทดสอบบุคลิกภาพทำร้ายฉัน

WRITER: กาเบรียล ลี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: กาญจนา​ กาญจนพาทีEDITOR: Mustard Seed Team อินโทรเวิร์ต (Introvert) เป็นคนเงียบ ขี้อายและไม่ชอบพบปะคนอื่น  ส่วนคนเอ็กซ์ทราเวิร์ต (หรือ เอ็กซ์โทรเวิร์ต ใช้ในทางจิตวิทยา (Extravert or Extrovert)) เป็นคนเสียงดัง...

เมื่อบุคลิกภาพของฉันทำให้ฉันรู้สึกด้อยค่า

เมื่อบุคลิกภาพของฉันทำให้ฉันรู้สึกด้อยค่า

WRITER: แองนิส ลี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: สรสิทธิ์ ฑัมมารักขิตานนท์EDITOR: พิม ผู้จัดการแผนกของฉันเพิ่งเข้าร่วมอบรมหลักสูตรบุคลิกภาพ DISC และอยากทำให้พวกเราทำแบบทดสอบด้วย เป้าหมายของเธอคืออยากให้พวกเราเรียนรู้ถึงสไตล์การทำงานของกันและกัน...

Share This