WRITER: แจ็ค โซ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: ณัฐฤทัย อาสาประโคน
EDITOR: สุพิชชา จันทสุทธิบวร
สวัสดี ฉันชื่อแจ็คและฉันเสพติดนิยายลามก
ฉันใช้เวลานานมากกว่าจะรู้ว่าตัวเองชอบเสพสื่อประเภทนี้ และยังทิ้งเวลานานกว่าเดิมอีกในการยอมรับว่าตัวเองเป็นพวกคลั่งไคล้ ฉันคิดว่าฉันก็แค่คนนึงที่ชอบอ่านหนังสือมาก
มันเริ่มมาจากการที่ฉันเป็นเด็กที่สนอกสนใจในการอ่านและเป็นนักอ่านขี้สงสัย ช่วงตอนประถมฉันเคยอ่าน Sweet Valley High กับ Sweet Valley University จนแทบจะท่องบทได้ ส่วนตอนมัธยมปลาย เพื่อนคนหนึ่งก็แนะนำให้อ่านแฮรี่พอตเตอร์ฉบับแฟนฟิคดู
แฟนฟิคคือการที่แฟนคลับถ่ายทอดจินตนาการของตัวเอง โดยการนำเอาตัวละครในเรื่องที่ชอบมาแต่งใหม่ ให้มีเรื่องราวและสถานการณ์เป็นไปอย่างที่พวกเขาต้องการ (สมมติหรือแต่งขึ้น) เปรียบเสมือนพื้นที่ฝึกหัดของนักเขียนหน้าใหม่ ที่ให้พวกเขาได้ลองเขียนได้ทุกแนว ไม่ว่าจะเป็นแนวตลก แนวผจญภัยสายบู๊ แนวดราม่า หรือแนวโรแมนติก
ตอนที่แฮรี่พอตเตอร์เล่มใหม่ยังไม่วางแผง ฉันก็หาแฟนฟิคอ่านระหว่างรอเพื่อแก้ขัด อ่านทุกอย่างตั้งแต่เรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อเดาเหตุการณ์จริงในหนังสือหรืออดีตย้อนหลังของตัวละครรุ่นเก่า
แล้วฉันยังอ่านพวกนิยายโรแมนติกด้วย ตอนแรกแค่ลองอ่านด้วยความอยากรู้ เลยเลือกอ่านเฉพาะเรื่องที่เหมาะสำหรับเด็ก แต่เขาเขียนดีมากจนฉันต้องตามอ่านบทที่ล็อคไว้สำหรับคนอ่านที่อายุ 13 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นฉากพิเศษระหว่างตัวละครสองตัว เพราะฉันอยากรู้ว่าเรื่องมันจะจบยังไง ก็เลยพยายามอ่านแบบผ่านๆ แค่ให้พอรู้เรื่องราว
นั่นคือความผิดพลาดครั้งแรกของฉัน
ข้ออ้างที่ฉันบอกตัวเอง
“แต่มันถูกเขียนได้ดีมาก” กลายเป็นข้ออ้างที่ฉันบอกตัวเองมาตลอดหลายปี ฉันเปรียบตัวเองเป็นนักอ่าน ยิ่งเรื่องราวที่อ่านมีความหลากหลายมากเท่าไหร่ ฉันก็อดทนต่อราคะตัณหาหรือความหลงทางโลกมากขึ้นเช่นกัน
ในฐานะคริสเตียน ฉันรู้ว่าสื่อลามกเหล่านี้คือการต่อสู้ แต่ก็ยังให้กำลังใจตัวเองว่า 1. หลักๆ แล้วมันส่งผลโดยตรงกับผู้ชาย และ 2. มันจะถือว่าผิดก็ต่อเมื่อคุณเห็นส่วนของร่างกาย
สิ่งที่ฉันอ่านค่อนข้างอธิบายชัดเจนจนเห็นภาพ แต่มันก็เป็นแค่ตัวอักษร ฉันบอกตัวเองว่าคนเราไม่สามารถจินตนาการภาพของสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนได้
แต่ไม่ว่าฉันจะเคยหรือไม่เคยเห็น การอ่านก็ทำให้เกิดการเรียนรู้ ราวกับว่าฉันได้ไปยืนอยู่ตรงนั้นจริงๆ ในฐานะคนที่ไม่เคย (และตอนหลังก็เลือกที่จะไม่มี) มีชีวิตที่โรแมนติก นิยายหรือหนังสือลามกจึงกลายเป็นที่ที่ฉันจะได้ซึมซับอารมณ์และความรู้สึกของตัวละครที่มีชีวิตแบบนั้น
เมื่อปัญหาระคายออกมา
ผ่านมาจนอายุ 20 กว่าแล้ว แต่ฉันเพิ่งรู้ว่าตัวเองมีปัญหา ฉันและเพื่อนสนิทเข้าร่วมการประชุมเพื่อการสร้างสาวกประจำปี 2013 และฉันถึงรู้ว่าที่ผ่านมาฉันหลงผิด ต่อสู้ดิ้นรนกับตัณหาและภาพลามกอนาจาร
พอกลับถึงบ้านฉันก็ทำการลบประวัติการค้นหาบนอินเตอร์เน็ตทิ้ง และขอให้เพื่อนสนิทของฉันคอยช่วยเหลือที่เราจะช่วยกันข้ามผ่านการต่อสู้กับความไม่บริสุทธิ์นี้ ฉันพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่านี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิต แต่ผ่านไปเดือนสองเดือนฉันก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมอีก
ฉันมีนิสัยที่อยากจะกำจัดออกมานานมากแล้ว และนิยายประเภทนี้ก็เป็นความบันเทิงและ “ยาใจ” ที่ฉันพึ่งพิงเวลาที่รู้สึกเศร้า เหนื่อย เหงา หรือแค่เบื่อเฉยๆ บางทีฉันก็บอกพระเจ้า “ให้ทราบไว้ก่อน” ว่าเดี๋ยวจะมาขอการอภัยจากพระองค์เวลาที่รู้สึกว่าการทดลองกำลังจะเกิดขึ้น จากนั้นก็ต่อสู้กับจิตวิญญาณสักหน่อยก่อนที่จะถลำตัวลึกลงไป
เวลาได้ยินคำพยานของคนที่เอาชนะปัญหาของตัวเองได้ ฉันก็ได้แต่สงสัยว่าทำไมฉันถึงเอาชนะปัญหาของฉันไม่ได้สักที ฉันก็อยากใช้ชีวิตให้ได้อย่างพระเยซู และอย่างที่พระองค์ทรงสอน แต่ฉันทำไม่ได้ จริงๆ (โรม 7:18-19) มีบางเวลาที่ฉันรู้สึกท้อใจที่ต้องสารภาพบาปนี้กับเพื่อนของฉันอยู่บ่อยๆ จนคิดอยู่เหมือนกันว่าจะมีวันไหนไหมนะที่ทั้งเพื่อนและพระเจ้าจะรู้สึกเบื่อหน่ายที่ต้องมาคอยฟังฉันว่า “ฉันกลับไปอ่านมันอีกแล้ว ฉันขอโทษ”
พูดให้ถูกก็คือขณะที่ฉัน “พักสงบ” ในพระคุณและการให้อภัยจากพระคริสต์ ฉันกลับไม่ได้เตรียมใจที่จะหันมาเอาใจใส่พระวิญญาณบริสุทธิ์เลย
ดังนั้น ฉันจึงไม่สามารถมอบความปรารถนาทั้งสิ้นให้พระเจ้า (โรม 8:6-7) และพบการกลับใจที่แท้จริงได้สักที
และแล้วพระเยซูก็เข้ามาแทรกแซงสื่อที่ฉันเสพ. . .
คืนหนึ่ง ฉันเพิ่งขอการอภัยล่าสุดจากพระเจ้าเสร็จ และเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ที่ตัดสินใจลบประวัติการค้นหาบนอินเตอร์เน็ตทิ้ง
แล้วจู่ๆ ฉันก็นึกถึงหนังสือเรื่องหนึ่งที่เคยเป็น “ความสบายใจ” ไม่ได้เป็นเรื่องที่ชี้นำและไม่ได้
โรแมนติกอะไร ก็เป็นเรื่องที่ดีทีเดียวเรื่องหนึ่ง ฉันอยากจะเซฟเอาไว้กันลืม ก็เลยกลับไปหน้าที่ฉันเพิ่งลบทิ้ง บอกตัวเองว่าแค่จะขอดูหัวเรื่องนิดหน่อย
ฉันรู้สึกถึงความไม่ชอบใจของพระเจ้าอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ยืนยันกับตัวเองว่ารอบนี้ฉันไม่ได้ทำบาป หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง ระหว่างที่ฉันกำลังหาอยู่ จู่ๆ คอมเครื่องใหม่ของฉันก็ปิดแล้วเปิดใหม่เอง มีข้อความปรากฏบนหน้าจอสีฟ้าว่า “:( คอมพิวเตอร์ตรวจพบข้อผิดพลาด”
มันเป็นข้อความแสดงข้อผิดพลาดทั่วไป แต่อิโมจิหน้าเศร้านั้นเหมือนกับพระเยซูกำลังพูดกับฉันว่า “สวัสดี นี่ฉันเอง คุณกำลังทำอะไรอยู่?” ฉันหวังว่าตอนนั้นฉันจะเข้าใจ แต่ก็เปล่าเลย ฉันกดปุ่มเซฟหน้านั้นไว้ อยากจะอ่านก่อนนอนแล้วก็รู้สึกผิดไปด้วย
วันต่อมา ฉันตื่นขึ้นมาก็รู้สึกมีเสียงพูดอยู่ในหัวไม่หยุด
ฉันเรียกตัวเองว่าผู้ติดตามพระคริสต์ แต่ฉันเต็มใจจะมอบทุกอย่างให้พระองค์จริงหรือเปล่า
แล้วพระวจนะจากพระคัมภีร์ก็พรั่งพรูเข้ามาในหัวฉันผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นคำพูดของดาวิดที่บาดใจฉันมาก “เราจะถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัวแด่พระยาเวห์พระเจ้าของเรา โดยที่เราไม่เสียอะไรเลยนั้นไม่ได้” (2 ซามูเอล 24:24) เคยมีเพลงหนึ่งที่เขียนขึ้นจากพระคำท่อนนี้ บอกว่าอย่าถวายให้พระเจ้าด้วยสิ่งเล็กน้อยไปกว่าพืชผลแรกที่ดีที่สุด ให้เหมาะสมกับพระเกียรติของพระเยซู แล้วดูฉันสิ อยากจะถวายทุกอย่างให้พระเจ้าที่หน้าแท่นบูชา แต่ก็ยังไม่อยากเสียอะไรไป
ฉันเลยไปลบสิ่งที่เซฟไว้ในคอม แม้พระเจ้าจะบอกว่าอย่าให้เหลืออะไรไว้เลย ฉันยังคงติดกับข้ออ้างเดิมที่ว่าภาษาที่เขียนมันอ่านสนุก และเนื้อหาก็ไม่ได้มีพิษภัยอะไร พระองค์ตอบกลับมาว่า “ยังไม่รู้อีกเหรอว่าเรื่องราวและคำพูดที่สวยงามนั้นมาจากเรา?”
ฉันก็พยายามบอกพระเจ้าเหมือนกันว่าลิงก์ที่ฉันเซฟไว้นั้นไม่สำคัญอะไรเลย ยังไงเดี๋ยวฉันก็ลืมอยู่ดีและพระองค์ตอบว่า “แล้วลูกจะทิ้งมันไปเพื่อเราได้ไหมถ้ามันไม่สำคัญกับลูกอีกแล้ว?” ฉันก็ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน
การฟื้นฟูใหม่จากพระเจ้า
ฉันเอาชนะสื่อลามกเหล่านั้นได้หรือยัง? ยัง ฉันคิดว่าฉันยังทำไม่ได้ ด้วยกำลังของตัวเอง มันอาจจะเป็นบาปที่ฉันต้องต่อสู้ไปชั่วชีวิตของฉัน แต่แทนที่จะจมอยู่กับความรู้สึกผิด ฉันเลือกโผเข้าหาพระคุณของพระเจ้า เชื่อมั่นว่าพระองค์จะไม่เหนื่อยที่ต้องฟังคำสารภาพบาปของฉัน พระองค์ทรงซื่อสัตย์และเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของฉันและจะทรงชำระฉันให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น (1 ยอห์น 1:9)
พระคุณพระเจ้าที่ฉันได้รู้จักนั้นนำให้ฉันกลับใจและรับการเปลี่ยนใหม่โดยพระโลหิตอันล้ำค่าของพระเยซูคริสต์ พร้อมกับการย้ำเตือนถึงการทรงสถิตของพระองค์ในชีวิตฉัน พระองค์ทรงรู้ พระองค์ทรงเห็น และพระองค์ทรงปวดร้าวทุกครั้งที่ฉันหลงผิด
เมื่อไหร่ที่ความคิดลุ่มหลงผ่านเข้ามาในหัวของฉัน ฉันจะรีบลุกออกมาและร้องขอพระเมตตาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า และฉันจะส่งข้อความหาเพื่อนที่ฉันไว้ใจ ให้เขาช่วยอธิษฐานเผื่อ ฉันพยายามระมัดระวังสิ่งเร้าต่างๆ รวมทั้งอารมณ์ที่เป็นพลังงานลบ การเป็นคนคลั่งไคล้ในบางสิ่ง และการเป็นคนขี้เกียจ
พระเจ้าทรงให้สัญญากับเราว่าเมื่อใดที่เรา “ตรึงราคะและตัณหา” ของเนื้อหนังไว้ที่กางเขนแล้ว (กาลาเทีย 5:24) ด้วยการช่วยเหลือของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราจะไม่กระหายหาสิ่งเหล่านั้นอีก แต่กลับกัน พระองค์จะให้เราอิ่ม “ด้วยของดีตลอดชีวิตของเรา วัยหนุ่มของเราจึงกลับคืนมาใหม่อย่างวัยนกอินทรี” (สดุดี 103:5)
YOU MAY ALSO LIKE
การอ้างว่าการเป็นคริสเตียนเป็นทางเดียวไปสู่พระเจ้านั้นไม่หยิ่งไปหน่อยหรือ?
WRITER: คริส เวล ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: สรสิทธิ์ ธัมมารักขิตานนท์EDITOR: นารดา ไทรงามคริส เวล เป็นบรรณาธิการของพันธกิจมานาประจำวันในสหราชอาณาจักร เขามีของประทานในการสอนพระคัมภีร์ ไม่ว่าจะผ่านทางการเทศนา การนำกลุ่มศึกษาพระคัมภีร์ หรือการเขียนบทความ ...
4 บทเรียนสำคัญของชีวิตจากซีรีส์ START-UP
WRITER: รีเบคกา ลิม ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI TRANSLATOR/EDITOR: Mustard Seed Teamรูปภาพจาก: Facebook หมายเหตุจากผู้เขียน: เนื้อหามีการสปอยล์ หลายๆ สัปดาห์ที่ผ่านมา สงครามการเลือกทีมของตัวละครนั้นได้เกิดขึ้นทั่วในโลกอินเตอร์เน็ต ถ้าคุณได้เห็นรูปของคิมซอนโฮ...
ฉันจะตอบสนองต่อความอยุติธรรมทางเชื้อชาติได้อย่างไร?
WRITER: เบลลา นิวเบอร์รี่ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI TRANSLATOR: ปาลีญา ธนาวัฒนเจริญ EDITOR: Mustard Seed Team ฉันเห็นความเจ็บปวด ฉันเห็นการประท้วง ฉันเห็นการจลาจล ฉันได้ยินเรื่องราวและบทสนทนา และหัวใจของฉันแตกสลายเพื่อประเทศของฉัน เพื่อพี่น้องของฉัน ในฐานะผู้เชื่อ...