fbpx
WRITER: บรี โรสติก ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR/EDITOR: Mustard Seed Team

สัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองมินนีแอโพลิส ได้ใช้เข่ากดไปที่คอของ จอร์จ ฟลอยด์ ซึ่งเป็นคนแอฟริกันอเมริกัน ในระยะเวลา 9 นาทีที่เราเห็นถึงการร้องอ้อนวอนขอชีวิตอย่างสิ้นหวัง ในที่สุดจอร์จก็ได้เสียชีวิตลง เขาถูกฆ่าบนถนนช่วงกลางวันแสกๆ โดยสถาบันที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อปกป้องประชาชน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นและเกิดการแพร่กระจายไปทั่วทุกช่องในทีวีและเฟซบุ๊ก

การทำลายล้างหมายถึงการลบล้างให้สูญสิ้นไป การทำลายล้างเป็นคำที่ฉันไม่ค่อยได้ใช้โดยเฉพาะในการพูดถึงมนุษย์ แต่มันก็คงไม่มีคำพูดใดที่จะเหมาะสมกับช่วงเวลานี้เมื่อชีวิตของผู้ชายและผู้หญิงผิวดำ พี่น้องหญิงชาย และลูกๆ ของเราถูกทำให้หมดสติและเสียชีวิตลงอย่างไม่ยุติธรรม ดูเหมือนว่าไม่มีสิ่งใดที่คนแอฟริกันอเมริกันจะสามารถทำได้ พวกเขาได้แต่รู้สึกอึดอัดเมื่อนั่งดูข่าวฆาตกรรมที่ขึ้นโชว์ในหน้าแรกของทุกๆ โซเชียลมีเดีย

ในฐานะผู้หญิงผิวดำที่อาศัยอยู่ในอเมริกา ฉันได้เห็นถึงความโศกเศร้าที่พวกเราต้องแบกรับไว้จนกระทั่งพวกเราล้มลงและไม่สามารถขยับเขยื้อนได้

ความกลัวเข้ามาทักทายเราเมื่อเราก้าวออกจากบ้าน ความรู้สึกโล่งใจและความโกรธเข้ามาเมื่อเรากลับเข้าบ้าน พวกเราควรจะทำอะไร? ในฐานะผู้เชื่อ? ในฐานะมนุษย์? ในฐานะเหยื่อ? พวกเราควรหันแก้มอีกด้านให้ศัตรู? พวกเราควรจะแกล้งทำเป็นว่ามันไม่ได้เกิดขึ้น เพราะมันไม่ได้สร้างผลกระทบกับเราโดยตรง? ถ้าเป็นการร้องไห้หล่ะ เราสามารถร้องไห้ได้มากเท่าไหร่? บางทีมันเหมือนกับว่า เราไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากติดตามข่าวที่น่าตกใจ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เราแปลกใจเท่าไหร่ มันถึงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง พวกเราไม่สามารถที่จะนั่งดูอยู่เฉยๆ และทำเหมือนว่าทุกอย่างนั้นปกติได้อีกต่อไปได้

ถ้าคุณลองดูในพระคัมภีร์ คุณจะพบข้อพระคำและตัวอย่างมากมายในการตอบสนอง ไม่ว่าจะเป็นการหันแก้มอีกด้านให้ศัตรูหรือตาแทนตาฟันแทนฟัน แต่หัวใจของพระคัมภีร์คือพระเยซู และพระองค์คือคำตอบว่าคริสเตียนทั้งหลายควรจะตอบสนองอย่างไร

ไม่ว่าเราจะมีสีผิวอะไรหรือเป็นคนเชื้อชาติไหน เราทุกคนล้วนมีหน้าที่ในการแสดงออกเป็นการกระทำ

พระเยซู ผู้ทรงเป็นนักเคลื่อนไหว(Activist)

พระเยซูเป็นใคร? ถ้าคุณแค่เชื่อในพระเยซูผู้ทรงอ่อนโยน ใจดีและไวต่อความรู้สึก คุณคงไม่ได้เข้าใจภาพทั้งหมดของพระเยซู เราไม่สามารถมองข้ามความรุนแรง ความดุดัน และความกล้าท้าทายของพระเยซูได้ ตำแหน่งของพระองค์ในการเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของโลกนี้นั้น ทำให้พระองค์ทรงเป็นทั้งนักสนับสนุน(Advocate) และนักเคลื่อนไหว(Activist) พระองค์ไม่ได้นิ่งเฉยอยู่เงียบๆ ในขณะที่มนุษย์ต้องทนทุกข์ พระองค์ค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาในโลกเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกนี้ พระองค์สละชีวิตของพระองค์ สละความสะดวกสบาย และสละบ้านบนสวรรค์เพื่อรื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้าและมนุษยชาติ พระองค์ทรงทำอย่างนั้นโดยแสดงความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ท้าทายสิ่งที่เป็นอยู่ และเปลี่ยนแปลงโลกนี้

สำแดงความเห็นอกเห็นใจ

หัวใจของพวกเราควรจะโศกเศร้าเสียใจ ไม่ว่าผิวของเราจะเป็นสีอะไรหรือมีศรัทธาความเชื่อในอะไร อย่างไรก็ดีเราค่อยๆ คุ้นเคยและเคยชินกับความตาย การสังหารหมู่ สงครามยาเสพติด วิดีโอเกม สงครามระหว่างแก๊ง และข่าวจากสื่อต่างๆ ทำให้การฆ่าชายและหญิงผิวดำผู้บริสุทธิ์นั้นกลายเป็นเรื่องปกติ มันถาโถมเข้ามาและทำให้ความรู้สึกของเราถูกครอบงำ จนถึงจุดที่เราเจ็บปวดกับความเจ็บปวดเหล่านั้น

บางคนเลือกที่จะไม่สนใจสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น พยายามที่จะพิสูจน์ให้เห็น หรือโฟกัสแต่เงื่อนไขของตัวเอง แต่พระเยซูได้ทรงเป็นแบบอย่างในการตอบสนองที่แตกต่างออกไป

พระเยซูทรงละทิ้งสวรรค์เพราะความทุกข์ยากของพวกเรา และเลือกที่จะมาทรงสภาพเป็นมนุษย์เพื่อที่พระองค์จะสามารถมาอยู่ในสภาพเดียวกันกับพวกเรา(ฮีบรู 4:15)

พระองค์ทรงถูกขับเคลื่อนด้วยความเห็นอกเห็นใจต่อมนุษยชาติ ขอให้ความเห็นอกเห็นใจเดียวกันนี้ ผลักดันให้พวกเราเข้าใจความรู้สึกของผู้ที่กำลังทุกข์ทรมานอยู่กับความอยุติธรรมทางเชื้อชาติ และเสียใจอย่างสุดซึ้งเมื่อความเห็นอกเห็นใจทำให้เราเห็นสิ่งต่างๆ ผ่านมุมมองของผู้อื่น การที่เรามีมุมมองเหล่านั้นควรที่จะช่วยกระตุ้นให้เราแสดงออกเป็นการกระทำ

กล้าท้าทายสิ่งที่เป็นอยู่

พระเมสิยาห์ทรงกลับด้านความคิดของโลกใบนี้ พระองค์ทรงรักษาคนป่วยในวันสะบาโต (ลูกา 3:1-6) รักษาชีวิตของหญิงล่วงประเวณี(ยอห์น 8:10-11) และทรงพลิกคำนิยามของความสำเร็จและพระพรไปอีกด้านนึงในคำสอนของพระเยซู ซึ่งรู้จักกันดีคือผู้เป็นสุข(มัทธิว 5:3-12) อุดมการณ์ที่ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงหัวใจของพระเจ้านั้น ได้ถูกเปิดเผยและทำลายผ่านการพิสูจน์และการกระทำของพระองค์

บางครั้ง อาจเป็นเรื่องน่ากลัวที่เราคิดจะทำในสิ่งที่แตกต่างหรือสวนกระแส

แต่พวกเราต้องทำในส่วนของเรา เท่าที่เราจะทำได้ และในที่ๆ เราอยู่

สำหรับพวกเราบางคน มันหมายถึงการท้าทายความเข้าใจของคนที่อยู่ในโซเชียลมีเดียของเรา คนที่นั่งทานอาหารเย็นโต๊ะเดียวกันกับเรา คนในที่ทำงาน และคนที่โบสถ์ของเราด้วย สำหรับคนอื่นๆ มันอาจดูเหมือนการเข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการ และการเผชิญหน้ากับนักการเมืองที่ทำหน้าที่ร่างกฎหมายใหม่ แต่สำหรับบางคนอาจหมายถึงการเลี้ยงลูกให้คิดนอกกรอบเพื่อที่จะไม่ต้องอยู่ในกรอบแบบที่พวกเขาเคยถูกสอน

ประเด็นคือ พวกเราจะต้องทำบางสิ่งบางอย่าง พวกเราจะต้องมีกลยุทธ์เหมือนพระเยซู คือยึดมั่นในบทบัญญัติ ในขณะที่ยังปฏิบัติตามกฎของแผ่นดินสวรรค์ที่ส่งเสริมการสละชีวิตของเราเพื่อมิตรสหายของเรา(ยอห์น 15:13) และรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง(ลูกา 12:30-31) มันถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องกล้าเผชิญหน้ากับความคิดและสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดความอยุติธรรมต่อมนุษยชาติ โดยเฉพาะคนผิวดำที่ดูเหมือนว่าจะเป็นเป้าหมายในเวลานี้ การท้าทายสิ่งที่ผิดที่เกิดขึ้นในตอนนี้คือการสร้างพื้นที่สำหรับการเปลี่ยนแปลงอย่างที่ควรจะเป็น

การเปลี่ยนแปลงโลก

ถ้าการเปลี่ยนแปลงโลกมันง่ายเหมือนกับร้องเพลง “change the world” ของนักร้อง Eric Clapton และวง Babyface ก็คงจะดี แต่การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมนั้นต้องอาศัยเวลา ความพยายาม กำลัง ความอดทนและความทุ่มเท การเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นจากตัวเรา ความลับคือตระหนักว่าเราไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นคิดเกี่ยวกับการสร้างการเปลี่ยนแปลงระดับโลก

หัวใจของเราคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้

และนี่คือเหตุผลว่าทำไมความเห็นอกเห็นใจจึงเป็นแรงผลักดันที่สำคัญ เราไม่จำเป็นต้องเป็นเหมือนแม่ชีเทเรซ่า แต่ให้ลองนึกถึงบางสิ่งที่คุณสามารถทำได้ในตอนนี้

คุณจะส่งเสริมสันติภาพและความรักให้กับทุกคนได้อย่างไร?

คุณจะทำให้ผู้อื่นเข้าใจและเห็นคุณค่าของชีวิตได้อย่างไร?

คุณจะเป็นผู้สนับสนุนเพื่อช่วยให้ความกลัวค่อยๆ หายไปจากหัวใจของผู้อื่นได้อย่างไร?

คุณจะทำอย่างไรให้การปกป้องคนผิวดำเป็นเรื่องที่นิยมทำกันในอนาคต?

ฉันขอหนุนใจคุณให้มาร่วมกับฉันในการอธิษฐาน และทูลขอพระเจ้าว่าอะไรคือสิ่งที่เราสามารถแสดงความเห็นอกเห็นใจได้ และสร้างการเปลี่ยนแปลงในโลกนี้ ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็กการกระทำของคุณนั้นสำคัญ

พระบิดา ขอบพระคุณสำหรับความรัก พระคุณและความเมตตา ขอบคุณสำหรับพระบุตรของพระองค์ที่เป็นเครื่องบูชาเพื่อช่วยชีวิตของเรา ขอให้ความรักนั้นเป็นตัวอย่างสำหรับฉันในการแสดงความรักกับผู้อื่น ขอทรงโปรดสำแดงให้ฉันเห็นวิธีในการแบ่งปันความรักนั้นออกมาเป็นการกระทำให้กับผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ที่เป็นทุกข์กับความอยุติธรรม อธิษฐานในพระนามพระเยซู อาเมน

YOU MAY ALSO LIKE

การอ้างว่าการเป็นคริสเตียนเป็นทางเดียวไปสู่พระเจ้านั้นไม่หยิ่งไปหน่อยหรือ?

การอ้างว่าการเป็นคริสเตียนเป็นทางเดียวไปสู่พระเจ้านั้นไม่หยิ่งไปหน่อยหรือ?

WRITER: คริส เวล ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: สรสิทธิ์ ธัมมารักขิตานนท์EDITOR: นารดา ไทรงามคริส เวล เป็นบรรณาธิการของพันธกิจมานาประจำวันในสหราชอาณาจักร เขามีของประทานในการสอนพระคัมภีร์  ไม่ว่าจะผ่านทางการเทศนา การนำกลุ่มศึกษาพระคัมภีร์ หรือการเขียนบทความ ...

4 บทเรียนสำคัญของชีวิตจากซีรีส์ START-UP

4 บทเรียนสำคัญของชีวิตจากซีรีส์ START-UP

WRITER: รีเบคกา ลิม ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI TRANSLATOR/EDITOR: Mustard Seed Teamรูปภาพจาก: Facebook หมายเหตุจากผู้เขียน: เนื้อหามีการสปอยล์ หลายๆ สัปดาห์ที่ผ่านมา สงครามการเลือกทีมของตัวละครนั้นได้เกิดขึ้นทั่วในโลกอินเตอร์เน็ต ถ้าคุณได้เห็นรูปของคิมซอนโฮ...

ฉันจะตอบสนองต่อความอยุติธรรมทางเชื้อชาติได้อย่างไร?

ฉันจะตอบสนองต่อความอยุติธรรมทางเชื้อชาติได้อย่างไร?

WRITER: เบลลา นิวเบอร์รี่ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI TRANSLATOR: ปาลีญา ธนาวัฒนเจริญ EDITOR: Mustard Seed Team ฉันเห็นความเจ็บปวด ฉันเห็นการประท้วง ฉันเห็นการจลาจล ฉันได้ยินเรื่องราวและบทสนทนา และหัวใจของฉันแตกสลายเพื่อประเทศของฉัน เพื่อพี่น้องของฉัน ในฐานะผู้เชื่อ...

Share This