fbpx
WRITER: รีแบคก้า ลิม ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR/EDITOR: Mustard Seed Team

โน้ตจากผู้เขียน: รีวิวนี้มีการสปอยอยู่

ความสัมพันธ์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักนั้นได้ละลายหายไปด้วยความเกลียดและขุ่นเคืองใจได้อย่างไร?

คำถามนี้คือหัวใจของซีรีส์เรื่อง “A World of Married Couple” ซึ่งเป็นบทสรุปของซีรีส์เกาหลีที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกสลับไปสลับมาระหว่างความสงสัยความไม่เชื่อใจตลอดแปดสัปดาห์ที่ผ่านมา และได้จุดประกายบทการสนทนา ทำให้ได้ครุ่นคิดเกี่ยวกับความจงรักภักดีและความเชื่อใจ และได้ทำลายสถิติเรทติ้งของซีรีส์เกาหลีอีกด้วย

ซีรีส์เรื่องนี้ได้ปรับบทประพันธ์มาจากซีรีส์ของ BBC เรื่อง “Doctor Foster” ละครที่มีพล็อตแบบสุดขั้วบีบคั้นอารมณ์(excessively exaggerated melodramas) ซีรีส์เรื่องนี้เกี่ยวกับคู่แต่งงานอีแทโอและจีซอนอู และการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยความขมขื่น การแก้แค้นเพื่อให้ได้รับสิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูกชาย ซีรีส์เปิดฉากด้วยภาพของหมอจีซอนอูว่าเป็นคนที่มีชีวิตอันสมบูรณ์แบบ เธอเป็นหมอที่ทำงานจน สามารถขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งที่สูง เธอมีสามีที่ทั้งทุ่มเทและดูอ่อนเยาว์และมีลูกชายที่น่ารัก

แต่ภาพความสมบูรณ์แบบนั้นก็ถูกทำลายเป็นเสี่ยงๆ เมื่อเธอพบหลักฐานว่าสามีของเธอกำลังนอกใจเธอกับผู้หญิงที่ชื่อดาคยองซึ่งเด็กกว่ามาก และด้วยการดำเนินเรื่องอย่างรวดเร็วฉับไว(ถ้าเปรียบเทียบกับซีรีส์เกาหลีอื่นๆ) และนำคนดูเข้าไปสู่การเดินทางอันดุเดือด ทำให้เราคาดเดาต่างๆ นาๆ ว่าตัวละครแต่ละตัวจะผ่านพ้นจุดสูงสุด(หรือต่ำสุด) ไปได้อย่างไรเมื่อพวกเขาต่างสร้างความหายนะให้กับชีวิตของกันและกัน

มันเริ่มต้นด้วยการล่อลวงของการทดลอง

เมื่อซอนอูพยายามจะรื้อฟื้นชีวิตของเธอ “A World of Married Couple” บอกใบ้เกี่ยวกับเหตุผลที่น่าจะเป็นไปได้ที่นำแทโอไปสู่การทรยศความไว้วางใจของเธอ ผ่านความแตกต่างระหว่างตัวละครในซีรีส์

พวกเราได้เห็นแม่ของแทโอพยายามที่จะโทษว่าการที่ลูกชายของเขาไม่ซื่อสัตย์นั้นเป็นความผิดของซอนอู เพราะเธอน่าอึดอัดเกินไป ประสบความสำเร็จเกินไป เธอดูดีและหรูหราเกินไป เราได้ยินตัวละครบอกว่า “เธอไม่เคยมีเวลาให้เขาเพียงพอ” หรือให้ข้อมูลกับเราว่าการนอกใจมันเป็นส่วนหนึ่งของสัญชาตญานของผู้ชาย ดังนั้นมันไม่มีประโยชน์ที่จะต้องมาต่อสู้กันเรื่องนี้ และในท้ายที่สุดแทโอได้บอกกับภรรยาเก่าของเขาด้วยความเสียใจว่า สองปีหลังจากหย่าเขาพยายามมองหาสิ่งใหม่ๆ และน่าตื่นเต้น แต่ “ความรักมันก็เหมือนกันหมดเมื่อคุณแต่งงาน” 

มันช่างน่าโมโหที่ต้องนั่งดูแต่ละตัวละครที่ถูกแทโอกล่าวโทษ และให้รับผิดชอบต่อความผิดพลาดที่เขาทำต่อภรรยา ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกประหลาดใจ

พวกเรารู้สึกผิดที่กำลังหาข้อแก้ตัวสำหรับความบาปที่พวกเราได้ทำลงไป เมื่อเราถูกล่อลวงด้วยการทดลองหรือไม่?

พวกเราไม่เคยเห็นจุดเริ่มต้นจริงๆ ที่อีแทโอกับดาคยองเริ่มเป็นชู้กัน หรืออะไรเป็นสิ่งที่ทำให้เขาเข้าหาเธอ และอาจเป็นไปได้ว่านี่คือจุดที่ซีรีส์เรื่องนี้ต้องการทำขึ้นมา มันไม่ได้สำคัญที่วิธีการที่มันเริ่มต้นขึ้น แต่อะไรที่เราทำเมื่อเราผชิญหน้ากับการทดลองแบบหน้าต่อหน้าต่างหากที่สำคัญ และซีรีส์เรื่องนี้ก็แสดงออกชัดเจนและไร้ความเห็นอกเห็นใจเหมือนในพระธรรมยากอบ 1:14-15 ว่า “…แต่ทุกคนถูกล่อลวงด้วยตัณหาของตัวเอง คือถูกตัณหานั้นล่อลวงและชักนำ เมื่อตัณหาฟักตัวขึ้นแล้วก็ก่อให้เกิดบาป และเมื่อบาปเจริญเต็มที่แล้วก็ก่อให้เกิดความตาย”

บ่อยแค่ไหนที่เราหลอกลวงตัวเอง(ยากอบ 1:16) เมื่อลองคิดดูถึงสิ่งที่เรามีอยู่มันไม่เพียงพอจริงๆ หรอ? และตอนจบของซีรีส์ แทโอยอมรับว่าเขามองไม่เห็นว่าสิ่งที่เขามีอยู่ตรงหน้านั้นดี และเขาไม่ได้ตระหนักว่าเขาสูญเสียอะไรไปจนเมื่อเขาไม่เหลืออะไรเลย ไม่มีครอบครัว ไม่มีบ้าน และอาชีพที่ถูกแขวนไว้บนเส้นด้าย ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นก็เพื่อความสุขที่ขโมยมาเพียงชั่วครู่

ฉันยังไม่เคยแต่งงานและยังไม่เคยอยู่ในความสัมพันธ์ที่มีการนอกใจ แต่ฉันได้ยินเรื่องราวมากมาย จากเพื่อนๆ และคนที่ฉันรัก ซึ่งพบว่าตัวเองเข้าไปพัวพันกับสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันเพื่อรับรู้ถึงการกระทำอันสุดขั้วของตัวละคร ซีรีส์นี้ทำให้เรามีความเข้าใจลึกซึ้งถึงการต่อสู้ดิ้นรน เมื่อการตกหลุมรักนั้นจบลงและความรักกลายเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ

ไม่ว่าสถานะการแต่งงานของเราจะเป็นอย่างไร ความรู้สึกเบื่อหน่ายและไม่พอใจ หรือความรู้สึกอยากได้อยากมีมากกว่าในสิ่งที่เรามีอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนต่างมี

เมื่อฉันได้ดูตัวละครแต่ละตัวที่ต่อสู้กับความท้าทายและการทดลองของของพวกเขา เราจะเห็นได้ว่าพวกเขาแต่ละคนไม่มีความสุขในเส้นทางของตัวเองเลย

นี่ช่วยให้ฉันเห็นว่า สิ่งที่เราต้องการนั้นอาจจะไม่ใช่ความตื่นเต้นของการผจญภัยครั้งใหม่ หรือความตื่นเต้นของงานชิ้นใหม่ หรือคู่ครองที่ดีขึ้น แต่เป็นการตระหนักว่าสิ่งที่เรามีนั้นมันดีและเป็นของขวัญที่สมบูรณ์แบบจากเบื้องบน จากพระบิดาแห่งความสว่าง “ในพระองค์ไม่มีการแปรปรวน หรือเงาของการเปลี่ยนแปลง” (ยากอบ 1:17) แม้ว่าความรู้สึกของเราจะเปลี่ยนไปก็ตาม

พวกเราจะตอบสนองอย่างไรต่อการทรยศ

จุดหักเหของซีรีส์เรื่องนี้มาจากตอนจบของตอนที่สอง เมื่อซอนอูให้โอกาสแทโอในการกลับใจ และบอกกับเขาว่าเธอสามารถให้อภัยกับการนอกใจได้แต่ไม่สามารถให้อภัยกับการโกหกได้ แต่เขาเลือกที่จะไม่สารภาพและปั่นหัวเธอ กล่าวหาเธอว่าคิดมากเกินไปและไม่ไว้ใจเขา

สิ่งนี้ปลดปล่อยความแค้นของเธอและทำให้ซีรีส์ดำเนินเรื่องอย่างเข้มข้น น่าติดตามมากยิ่งขึ้น และเกมการวางแผนขณะที่เธอเปิดเผยความลับของสามีของเธอในรูปแบบที่น่าอับอายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยการทำลายชื่อเสียงที่ดีของเธอและจุดยืนอยู่ในสังคมของเธอด้วย

ในขณะที่ซีรีส์ค่อยๆ เปิดเผยถึงความบ้าคลั่งของซอนอู ทำให้เราเห็นภาพสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อความไม่ซื่อสัตย์และความไม่ไว้วางใจก่อตัวขึ้น และเราได้อนุญาตให้ “ความอิจฉา และความมักใหญ่ใฝ่สูง” เข้ามาครอบงำและมันจะนำพาไปสู่ “ความวุ่นวายและการทำชั่วทุกอย่าง” (ยากอบ 3:16)

บางทีถ้าทั้งสองคน “ยอมที่จะฟังอย่างมีเหตุผล” (ยากอบ 3:17) ยอมที่จะฟังซึ่งกันและกัน พวกเขาอาจจะมีโอกาสที่จะกอบกู้ชีวิตการแต่งงานของพวกเขา?

ซีรีส์ไม่ได้ให้คำตอบกับเราในคำถามนี้ แต่ได้แสดงให้เห็นถึงการทำลายที่เกิดขึ้นเมื่อเราตอบสนองต่อการทรยศด้วยการให้ความสำคัญกับความเจ็บปวด และเลือกที่จะสร้างเหตุการณ์ทำร้ายซึ่งกันและกัน แทนที่จะหว่านสันติสุข ไม่มีใครมีจุดจบที่มีความสุขจริงๆ

เมื่อไม่มีการไถ่

แม้ว่าซีรีส์ “A World of Married Couple” ได้เน้นไปที่ความสัมพันธ์ของแทโอและซอนอู มันไม่ใช่แค่โลกของคู่แต่งงานคู่หนึ่ง แต่เป็นหลายๆ คู่ที่ได้ตอบสนองด้วยวิธีการที่แตกต่างกันเมื่อเกิดการนอกใจหรือการใช้ความรุนแรง ในขณะที่เราเห็นความหวังอันริบหรี่ในความสัมพันธ์เหล่านี้ เรายังได้เห็นผลลัพธ์ที่แท้จริงของการตัดสินใจของเรา ทั้งต่อตัวเราและคนรอบข้าง

ซีรีส์สรุปด้วยตอนจบแบบปลายเปิด แต่ในฉากสุดท้ายซอนอูได้บอกกับเราด้วยเสียงพากษ์ว่า

…เมื่อมีสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างคู่แต่งงาน มันเหมือนกับการตัดคนๆ หนึ่งจากความสัมพันธ์ที่พวกเขาทั้งสองได้แบ่งปันชีวิตร่วมกัน ความเจ็บปวดถูกส่งต่อซึ่งกันและกัน หากเราสามารถอดทนในทุกๆ วัน ใคร่ครวญอย่างจริงจังถึงความผิดพลาดที่พวกเราทำโดยไม่หมกมุ่นกับความเจ็บปวดนั้น ไม่แน่บางทีพวกเราอาจจะรอดก็ได้

ทำอย่างไรที่พวกเราจะสามารถผ่านความเจ็บปวดจากการตัดสินใจหรือสถานการณ์ที่พวกเราไม่สามารถควบคุมได้อย่างไร? อย่างที่ซอนอูและแทโอได้แสดงให้เราเห็นว่า การยึดติดในช่วงเวลาเหล่านั้นจะสร้างผลกระทบที่เจ็บปวดลึกภายใน แต่เมื่อพวกเรายอมจำนนทุกสิ่งไว้ในมือของพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของเวลา และยอมให้ความเจ็บปวดนั้นค่อยๆ ปรับเปลี่ยนและสอนพวกเรา และใช้สติปัญญาที่มาจากเบื้องบน (ยากอบ 3:17) ในเวลานั้นมันจะทำให้พวกเราเข้าใกล้แผนการการทรงไถ่ของพระเจ้าในชีวิตของเรามากขึ้น

YOU MAY ALSO LIKE

การอ้างว่าการเป็นคริสเตียนเป็นทางเดียวไปสู่พระเจ้านั้นไม่หยิ่งไปหน่อยหรือ?

การอ้างว่าการเป็นคริสเตียนเป็นทางเดียวไปสู่พระเจ้านั้นไม่หยิ่งไปหน่อยหรือ?

WRITER: คริส เวล ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: สรสิทธิ์ ธัมมารักขิตานนท์EDITOR: นารดา ไทรงามคริส เวล เป็นบรรณาธิการของพันธกิจมานาประจำวันในสหราชอาณาจักร เขามีของประทานในการสอนพระคัมภีร์  ไม่ว่าจะผ่านทางการเทศนา การนำกลุ่มศึกษาพระคัมภีร์ หรือการเขียนบทความ ...

4 บทเรียนสำคัญของชีวิตจากซีรีส์ START-UP

4 บทเรียนสำคัญของชีวิตจากซีรีส์ START-UP

WRITER: รีเบคกา ลิม ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI TRANSLATOR/EDITOR: Mustard Seed Teamรูปภาพจาก: Facebook หมายเหตุจากผู้เขียน: เนื้อหามีการสปอยล์ หลายๆ สัปดาห์ที่ผ่านมา สงครามการเลือกทีมของตัวละครนั้นได้เกิดขึ้นทั่วในโลกอินเตอร์เน็ต ถ้าคุณได้เห็นรูปของคิมซอนโฮ...

ฉันจะตอบสนองต่อความอยุติธรรมทางเชื้อชาติได้อย่างไร?

ฉันจะตอบสนองต่อความอยุติธรรมทางเชื้อชาติได้อย่างไร?

WRITER: เบลลา นิวเบอร์รี่ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI TRANSLATOR: ปาลีญา ธนาวัฒนเจริญ EDITOR: Mustard Seed Team ฉันเห็นความเจ็บปวด ฉันเห็นการประท้วง ฉันเห็นการจลาจล ฉันได้ยินเรื่องราวและบทสนทนา และหัวใจของฉันแตกสลายเพื่อประเทศของฉัน เพื่อพี่น้องของฉัน ในฐานะผู้เชื่อ...

Share This