WRITER: เกล็น หว่อง ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: เฮจี คิม
EDITOR: Mustard Seed Team
ผมมาจากครอบครัวที่อบอุ่นและมีเพื่อนดีๆ มากมาย แต่เคยมีวันที่ผมรู้สึกว่าผมอยู่ใต้ร่มเงาของคนเหล่านั้น พวกเขาดูเหมือนจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ความสัมพันธ์และการรับใช้ ในขณะที่ผมดูเหมือนจะพ่ายแพ้ต่อความสำเร็จในเรื่องการเรียนและเรื่องส่วนตัว ยิ่งไปกว่านั้นผมมักจะเป็นที่รู้จักในฐานะ “ลูกชาย” “น้องชายคนเล็ก” หรือ “เป็นเพื่อนของ….”
ความรู้สึกเหล่านี้มันลามไปถึงการรับใช้ ผมไม่เคยรู้สึกว่าจิตวิญญาณผม “ดีพอ” ที่จะเป็นผู้นำได้ เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมพยายามจะพัฒนาตัวเอง ผมกลับได้รับการเตือนถึงข้อบกพร่องหรือจุดด้อยของผมแทนที่จะเป็นจุดเด่นหรือข้อดี เช่น ในขณะที่รับใช้ในทีมนมัสการ บางคำติชมที่ผมได้รับมีตั้งแต่ “หยิ่งเกินไป” “อ่อนประสบการณ์” “อุดมคติมากเกินไป” หรือ “ศาสนศาสตร์ไม่แน่นพอ”
ผมเอาคำเหล่านั้นมาตีความว่าผมไม่ดีพอกับอะไรสักอย่าง จนทำให้เชื่อว่าผมเป็นเพียงแค่ตัวเลือกที่สองหรือสาม และผมคงไม่มีวันได้เป็นตัวเลือกแรก
คำหลอกหลวงเหล่านั้นควบคุมทุกแง่มุมของชีวิต ผมยึดติดกับมันมาหลายปีโดยที่ไม่รู้ตัวเลย และเป็นผลทำให้ผมรู้สึกสับสนกับชีวิต
เป็นเวลาสามปี ที่เมื่อใดก็ตามเริ่มจะมีเหตุการณ์ที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้ง ผมก็จะวิตกกังวลทันที ผมจะรู้สึกตื่นตระหนกจากความเชื่อที่ผิดๆ คิดว่าเป็นความผิดของผมเองที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง คิดว่าตัวผมเองไม่สามารถทำอะไรให้ถูกต้องหรือเป็นคนที่สำคัญได้ โดยธรรมชาติแล้วแนวความคิดและพฤติกรรมของผมไม่ได้มีผลกระทบต่อผมเพียงคนเดียว แต่รวมถึงคนรอบข้างผมด้วย
เป็นระยะเวลาหลายปีที่ผมยึดมั่นในความเชื่อที่ว่า การเปิดเผยปัญหาของตัวเองกับผู้อื่นจะยิ่งทำให้ความรู้สึกไม่มั่นคงแย่ลง อย่างไรก็ตามระหว่างที่ผมเข้าค่ายที่คริสตจักรแห่งหนึ่ง มีบางสิ่งกระตุ้นให้ผมถามพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่า “มีอะไรที่อยากจะบอกผมไหม?”
ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว
ส่วนหนึ่งของคำตอบมาจากช่วงเวลาที่เงียบสงบของผมตอนที่เฝ้าเดี่ยวในพระธรรมโรมบทที่ 3
หนึ่งในอุปสรรคที่ยากที่สุดของผมคือ การที่ผมเคยคิดว่ามันเหมือนกันระหว่างความล้มเหลว (จากการคาดหวัง) กับการที่ไม่สามารถใช้ชีวิตบนความคาดหวังของคนอื่นหรือตนเองได้
ผมเคยคิดว่าตัวเองจะดูเป็นคนดีมีคุณธรรมโดยการลดคุณค่าตัวเองลง แต่จริงๆ แล้วมันเป็นการบิดเบือนความจริงจากพระคัมภีร์
มันแปลกนะที่การดุด่าว่ากล่าวที่ฟังดูเหมือนเป็นการตัดสินกลับทำให้ผมรู้สึกสบายใจ เพราะมันทำให้ผมมั่นใจได้ว่าไม่ใช่ผมคนเดียวที่สับสน ในพระธรรมโรมบทที่3 ข้อ10 และ 23 อัครทูตเปาโลสอนเราว่า “ไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมสักคนเดียว ทุกคนทำบาปและเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า”
แต่เพราะพระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน ความชอบธรรมของพระเจ้าจึงมีให้แก่เราทุกคนที่เชื่อมั่นศรัทธาในพระองค์ (โรม 3:22) เมื่อเราเชื่อเราก็ได้เป็นคนชอบธรรมโดยพระคุณของพระองค์เป็นเหมือนของขวัญผ่านสิ่งที่พระเยซูได้กระทำ (โรม 3:24) ซึ่งมีอยู่ในพระองค์เท่านั้น ไม่มีที่ไหนและไม่มีใครเลยที่ให้คุณค่าเรา
การต่อสู้อย่างต่อเนื่อง
แต่อย่างไรก็ตาม ผมยังคงเผชิญกับการต่อสู้อย่างต่อเนื่องเพื่อนำความคิดของตัวเองไปสู่การเชื่อฟัง
ผมต้องต่อสู้กับตัวเองในการไม่กลับไปใช้รูปแบบความคิดที่เป็นพิษ (Toxic Thinking Patterns) มันเป็นเรื่องจริงนะ แต่พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าและสิ่งที่พระองค์ตรัสก็เป็นจริงเช่นกัน
ข้อความสำคัญที่ผมยึดมั่นคือ พระธรรมเอเฟซัส 2:8-9 “เพราะว่าท่านทั้งหลายได้รับความรอดแล้วด้วยพระคุณโดยทางความเชื่อ ความรอดนี้ไม่ใช่มาจากตัวท่าน แต่เป็นของประทานจากพระเจ้า ไม่ใช่มาจากการกระทำ เพื่อไม่ให้ใครอวดได้”
สิ่งนี้ท้าทายผมทุกครั้งที่ผมต้องการพิสูจน์คุณค่าในตัวเองด้วยกำลังของผมเอง พระธรรมเอเฟซัส 2:9ข เตือนเราว่า “ไม่ใช่มาจากการกระทำ เพื่อไม่ให้ใครอวดได้” แต่เป็นเพราะพระคุณของพระเจ้าที่ผมไม่จำเป็นต้องพยายามแสวงหาการยอมรับจากมนุษย์ ผมรู้ว่าพระเจ้ากำลังขัดเกลาผมเพื่อให้เกิดผลได้มากกว่าเดิมแม้ในขณะที่ผมอ่อนแอ
ในอนาคต หากความคิดเช่นนั้นจะเข้ามาอีกครั้ง ผมจะเตือนตัวเองถึงสิ่งที่พระเยซูได้ทรงกระทำเพื่อผม
เพราะว่าการเสียสละของพระองค์นั้นเพียงพอแล้ว ผมเป็นคนชอบธรรมโดยพระเจ้า
เพราะว่าผมเป็นคนชอบธรรมโดยพระเจ้า ผมเป็นของพระองค์
เพราะผมเป็นของพระองค์ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
หากมีคนไม่เห็นด้วยหรือมองข้ามความจริงนี้ไป ผมยังคงรักพวกเขาต่อไปเหมือนที่ผมถูกรักโดยพระเจ้าและพักสงบอยู่ในความจริงที่ไม่ตัดสินคุณค่าของผมได้
YOU MAY ALSO LIKE
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน
WRITER: ฉีฉี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: นิศารัตน์ มั่นเกตุEDITOR: กรชวัล เพชรเลิศอนันต์ มันเป็นอีกหนึ่งวันที่ยาวนาน ในระหว่างที่ดูแลพวกลูกๆ สะสางงานต่างๆ ก็แทบจะไม่มีเวลาให้ได้พักหายใจเลย เมื่อลูกๆ...
ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?
WRITER: เมดาลีน คาลู ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: PinkEDITOR: Thitikarn Nithiuthai (Mesy) ฉันยังจำช่วงเวลาที่ฉันเริ่มต้นความสัมพันธ์กับพระเยซูได้ ราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงที่อากาศหนาวเย็นของเดือนมกราคม ฮันนาห์...
เสียงที่ดังพอ
WRITER: GRACESaoriEDITOR: Mustard Seed Team เคยไหม? ที่ในบางครั้งเสียงของใครบางคนก็ดังกว่าเสียงของตัวเอง เสียงนี้มักดังเร้าอยู่ภายในใจ บ่อยครั้งในเมื่อเราอยู่ในช่วงที่คิดไม่ตก ฟุ้งซ่าน หาทางออกไม่เจอหลายๆ สิ่ง แต่จะมีเสียงๆ นี้แหละ ที่กลับดังขึ้นมาหัวใจ...