
WRITER: ลินห์ วิงน์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: นุชจรี ปันคำ
EDITOR: ธัญธร จันทสุทธิบวร
“ฉันต้องรอนานแค่ไหน?” ฉันถามคำถามนี้กับตัวเองทุกวัน เมื่อไม่นานนี้ฉันจำเป็นต้องหยุดการทำงานที่อเมริกา เนื่องจากความล่าช้าของเอกสารตรวจคนเข้าเมือง และฉันก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะได้รับการแก้ไข
ในระหว่างที่ฉันรออยู่นั้น ฉันไม่สามารถกลับประเทศบ้านเกิดของตัวเอง เพื่อไปพบครอบครัวได้เพราะจะทำให้เอกสารที่กำลังดำเนินการอยู่นั้นมีปัญหาทุกๆ วันผ่านไปอย่างเดียวดาย ฉันรู้สึกติดขัดไม่ว่าฉันจะพยายามทำอะไร
เมื่อระยะเวลาของการรอคอยเพิ่มขึ้น มารก็ปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยไว้ในหัวของฉันและการต่อสู้เพื่อความเชื่อได้เริ่มขึ้น
ฉันท้อแท้ใจและเริ่มตั้งคำถามกับพระบิดาบนสวรรค์ของฉัน “พระเจ้าทรงรักฉันไหม? ถ้ารัก ฉันก็คงไม่ต้องรออย่างนี้ ทำไมสิ่งต่างๆ จึงเป็นเรื่องยากสำหรับฉัน หรือฉันจะเล็กเกินกว่าที่พระองค์จะเห็นได้นะ”
แม้ในท่ามกลางความสงสัย ความไม่รู้ และความสับสน ฉันขอให้พระเจ้าสอนฉันในสิ่งที่พระองค์ต้องการให้ฉันเรียนรู้จากสถานการณ์นี้ และช่วยให้ฉันมั่นคงในพระองค์ ในช่วงเวลาที่รอคอย พระองค์แสดงความเมตตาต่อฉันโดยสอนบทเรียนอันมีค่าให้ฉันผ่านถ้อยคำของพระองค์และพี่น้องคริสเตียน
การรอคอยทำให้เราได้มองย้อนกลับไปและจดจำบางอย่าง
“มองย้อนกลับไปดูการเดินทางในอดีตของเธอกับพระเจ้าและดูความสัตย์ซื่อของพระองค์ที่มีต่อเธอ” นี่เป็นหนึ่งบทเรียนที่ฉันได้เรียนรู้ผ่านการศึกษาพระธรรมโยชูวาบทที่24 โยชูวาเตือนชาวอิสราเอลว่าพระเจ้าผู้สัตย์ซื่อและผู้มีอำนาจปกครองมาตั้งแต่จุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์
เมื่อฉันใช้เวลาในการอ่านไดอารี่ของฉันเมื่อหลายปีก่อน คำถามของฉันเกี่ยวกับความรักของพระเจ้านั้นก็ได้รับคำตอบ อย่างที่ได้บอกไปว่าฉันเคยมีประสบการณ์กับความดีงามของพระองค์มาก่อน
พระเจ้าคือผู้ที่ปกป้องฉันเมื่อฉันตัดสินใจออกมาจากครอบครัว ย้ายไปอยู่ต่างประเทศและต้องปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตใหม่ๆ
ฉันมาอเมริกาด้วยความสามารถทางภาษาอังกฤษที่ ไม่ได้เก่งนัก และประวัติของการเรียนที่เวียดนามก็ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย พระเจ้าทรงนำคนที่ดีเข้ามาในชีวิตของฉัน ไม่ว่าจะคนที่คอยดูแลฉัน คนที่ให้กำลังใจ คนที่คอยแก้ไขการเขียนของฉันอย่างอดทน และคนที่อธิบายให้ฉันรู้วิธีการใช้คำศัพท์ภาษาอังกฤษในบริบทที่เหมาะสม ฉันสำเร็จการศึกษาระดับวิทยาลัยและได้รับการเสนองานในสหรัฐอเมริกาก็เป็นเพราะการจัดเตรียมของพระองค์
พระเจ้าทรงแสนดีต่อฉันในทุกสถานการณ์ ขณะที่ฉันอ่านบันทึกส่วนตัวของฉัน ฉันร้องไห้เพราะความสัตย์ซื่อของพระเจ้าและเพราะความเชื่อของฉันในขณะนั้น ในตอนท้ายของหน้านั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันมักจะเขียนว่า “ฉันไม่รู้อนาคตของฉัน แต่ฉันเชื่อในพระเจ้าผู้ทรง รู้อนาคตของฉัน” ฉันได้รับการหนุนใจให้มีความหวังและความไว้วางใจในพระเจ้าต่อไป พระเจ้าผู้ทรง สัตย์ซื่อตั้งแต่เริ่มต้นและจะยังคงสัตย์ซื่อเสมอไป (ฮีบรู 10:23)
การรอคอยสอนเราถึงความสำคัญของพี่น้องและคริสตจักร
ช่วงเวลาที่ฉันอดทนรอคอย ช่วยให้ฉันได้รู้ว่าฉันต้องการพี่น้องคริสเตียนท่านอื่นๆ และคริสตจักรในชีวิตของฉัน
ตอนแรกหลังจากเรียนจบฉันได้งานที่ดีและทำงานล่วงเวลาเพื่อหารายได้พิเศษ ฉันใช้ตารางงาน ที่ยุ่งของฉันเป็นข้ออ้างที่จะไม่ไปโบสถ์
อย่างไรก็ตามเมื่อฉันตกงานและรู้สึกว่าฉันไม่เหลืออะไรแล้ว ฉันกลับไปที่คริสตจักรของฉัน ฉันรู้สึกซาบซึ้งใจที่เห็นสมาชิกในคริสตจักรต้อนรับการกลับมาของฉันอย่าง ชื่นบาน พวกเขาให้โอกาสฉันได้รับใช้ในคริสตจักรขณะรอเอกสาร พวกเขาหนุนใจฉันและทำให้ฉันเข้มแข็งขึ้นผ่านการอธิษฐานเผื่อของพวกเขา
ศิษยาภิบาลและสมาชิกคริสตจักรบางคนเล่าให้ฉันฟังว่าพวกเขาเรียนรู้ที่จะขอบคุณพระเจ้าสำหรับช่วงเวลาที่ยากลำบากในชีวิตได้อย่างไร พวกเขาสอนให้ฉันใช้พระธรรมสดุดีเพื่อสรรเสริญพระเจ้าอย่างที่พระองค์ทรงเป็นและหนุนใจให้ฉันคอยมองดูที่พระเจ้าแทนที่จะมุ่งเน้นไปที่ปัญหา มีพี่น้องคริสเตียนท่าน หนึ่งได้หนุนใจฉันว่า
พระเจ้าทรงรักเธอมากจนพระองค์ยอมให้เธอตกอยู่ในถิ่นทุรกันดาร จากนั้นพระองค์จะทำให้เธอเติบโตและเตรียมเธอให้พร้อมสำหรับงานของพระองค์ จงเตรียมพร้อม! ชีวิตคริสเตียนอาจไม่ใช่ชีวิตที่ราบรื่น แต่มันจะเป็นชีวิตที่สวยงาม เพราะพระเจ้าจะสถิตกับเธอ (ยากอบ 1:2-4)
เมื่อฉันใส่ใจในถ้อยคำหนุนใจเหล่านั้น ฉันได้กลับมามีความสัมพันธ์กับพระเจ้าอีกครั้ง และได้สัมผัสกับสันติสุข และความสุขที่อธิบายไม่ได้ของพระองค์ “เรามอบสันติสุขไว้กับพวกท่าน สันติสุขของเราที่ให้กับท่านนั้น เราไม่ได้ให้อย่างที่โลกให้ อย่าให้ใจของท่านเป็นทุกข์ อย่ากลัวเลย” (ยอห์น 14:27)
โดยรวมแล้วในช่วงเวลานี้ฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับความสำคัญของคำอธิษฐานของผู้อื่น ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยให้ฉันยืนหยัดในความเชื่อของฉันเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ฉันสนใจและอธิษฐานเผื่อผู้อื่นในการต่อสู้ของพวกเขาอีกด้วย ดังที่ในพระธรรมปัญญาจารย์ที่พูดถึงความเข้มแข็งของชุมชนไว้ว่า “สองคนก็ดีกว่าคนเดียว… ด้วยว่าถ้าหนึ่งคนล้มลง อีกคนหนึ่งจะได้พยุงเพื่อนของตนให้ลุกขึ้น… เชือกสามเกลียวจะขาดง่ายก็หามิได้ (ปัญญาจารย์ 4:9-12)
จะเป็นอย่างไรถ้าการรอคอยเป็นพระพร? สำหรับฉัน มันเป็นพระพรจริงๆ ในการรอคอยของฉัน เมื่อฉันไม่มีอะไรนอกจากความเชื่อของฉัน ประสบการณ์จากพระเจ้าในการดูแล การสอนวินัย ความสัตย์ซื่อและความรักที่ไม่เปลี่ยนแปลงของพระเจ้า
พระองค์ใช้เวลานี้เพื่อนำฉันและเตือนฉันว่าฉันไม่ได้อยู่คนเดียว ฉันเป็นของพระองค์และคริสตจักร ซึ่งคือครอบครัวใหญ่ของพระองค์
หลังจากหลายเดือนแห่งการรอคอยได้ผ่านพ้นไป พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของฉันด้วยตอนจบที่สวยงาม เอกสารของฉันได้รับการอนุมัติ มันเกิดขึ้นขณะที่รัฐบาลถูกปิดเนื่องจากความล่าช้าในการอนุมัติการออกกฎหมายเงินทุน ไม่มีใครเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นได้ ตอนนี้ฉันสรรเสริญพระเจ้าอย่างต่อเนื่องสำหรับทุกสิ่งที่พระองค์ทรงทำและการผจญภัยครั้งใหม่ของฉันกับพระองค์ได้เริ่มขึ้นแล้ว
YOU MAY ALSO LIKE
ช่วยด้วย! ฉันหยุดคิดมากไม่ได้
WRITER: เรเชล มอร์แลนด์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: JoshuaEDITOR: สรสิทธิ์ ฑัมมารักขิตานนท์ ฉันมือสั่นขณะที่ฉันกำลังว้าวุ่นกับการหาข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตในมือถือว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน ไม่กี่วินาทีต่อมา...
พระเจ้าอยู่ที่ไหนในเวลาที่ผมเครียด?
WRITER: ซามูเอล เฮรีอันโต ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: ณัฐฤทัย อาสาประโคน EDITOR: Mustard Seed Team ผมเติบโตมาในครอบครัวคริสเตียน ทว่าช่วงมัธยมปลายผมกลับมีคำถามมากมายในเรื่องความเชื่อ คำถามเกี่ยวกับพระเจ้าเริ่มพรั่งพรูออกมาตอนที่ได้เรียนวิชาเคมี ฟิสิกส์...
ทำไมเราถึงไม่กล้าปฏิเสธ
WRITER: ซาร่า โซ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: สุมิตรา ชามรามดาบานEDITOR: ปวีณา นิลบุตร “ถ้าใช่ก็จงบอกว่าใช่ ถ้าไม่ใช่ก็จงบอกว่าไม่ใช่” (ยากอบ 5:12) ขณะที่ฉันเขียนข้อความนี้ ฉันเพิ่งจะพูดว่า "ไม่" ที่จะฟังความขัดข้องใจของแม่เรื่องคนสนิทในครอบครัว...