fbpx
WRITER: เขลลี่ เพิร์ล ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: อธิษฐาน ดวงคำ
EDITOR: Mustard Seed Team

คำตอบมาตรฐานที่ฉันมีเตรียมไว้เสมอเมื่อไหร่ก็ตามที่มีคนถามเกี่ยวกับสถานะโสดของฉัน นั่นก็คือ ฉันยังไม่เจอคนที่ใช่

ซึ่งมันเป็นความจริงแค่บางส่วน เพราะว่าในตอนนี้ฉันยังไม่แน่ใจว่าคนที่ใช่สำหรับฉันอยู่ที่ไหน แต่จริงๆ แล้วฉันสัญญากับตัวเองไว้ว่าฉันจะไม่คบกับใครที่พาฉันออกห่างจากพระเจ้า ดังนั้นในฤดูกาลแห่งความโสดนี้ ฉันจึงเลือกที่จะเป็นโสด

เมื่อฉันได้เลิกกับแฟนเมื่อหลายปีก่อน ฉันคิดว่ามันเป็นการดีที่สุดสำหรับฉันที่จะใช้ชีวิตโสดในช่วง 2-3 ปีหลังจากนั้น เพื่อรักษาจิตใจและอารมณ์ของตัวเองก่อนที่จะเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่อีกครั้ง

แฟนเก่าของฉันเขาไม่ใช่คริสเตียน และเขาก็เคารพในศาสนาของฉันและเข้าร่วมกิจกรรมอาสาต่างๆ ในโบสถ์ แต่เขามักจะแสดงท่าทีต่อต้านเล็กน้อยในทุกๆ ครั้งที่ฉันชวนเขามาโบสถ์ 

ในอีกแง่หนึ่ง ฉันใช้ชีวิตสองด้านเมื่อฉันอยู่กับแฟนเก่า ด้านหนึ่งฉันนมัสการพระเจ้าและอ่านพระคัมภีร์ แต่อีกด้านหนึ่ง ฉันเข้าเทียมเอกกับผู้ที่ไม่เชื่อพระเจ้า(2 โครินธ์ 6:14)

ในตอนนั้น  ฉันให้เหตุผลกับเพื่อนๆ และคนรู้จักว่า ฉันไม่ใช่คนคลั่งศาสนาและนอกจากนี้ฉันยังเจอพวกคริสเตียนที่ดำเนินชีวิตได้แย่ยิ่งกว่าคนที่ไม่เป็นคริสเตียนซะอีก ฉันจึงสรุปด้วยความยินดีว่ามันไม่ใช่สิ่งผิดที่จะเดทกับคนที่ไม่เป็นคริสเตียน

เมื่อสิ่งปัญหาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เกิดขึ้นกับฉันและแฟนเก่าของฉัน ฉันรู้สึกโมโห แต่ฉันก็คิดได้ว่ามันเป็นวิธีการของพระเจ้าที่จะบอกว่าฉันพระองค์ไม่ต้องการให้ฉันมีชีวิตสองด้านอีกต่อไป

ตอนนี้ฉันยอมรับว่าการที่จะอยู่เป็นโสดในช่วงฤดูกาลนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และมีช่วงเวลาที่ฉันรู้สึกน้อยใจพระเจ้าว่าทำไมพระองค์ถึงไม่ให้ผู้ชายที่เหมาะสมมาให้ฉัน ทำไมถึงให้ฉันเจอแต่คนที่ไม่ใช่คริสเตียน หรือถึงเจอคนที่เป็นคริสเตียนเขาก็เป็นคริสเตียนแค่ในนาม

“พระเจ้ามันไม่ใจร้ายไปหน่อยหรอ” ฉันบอกกับพระเจ้า แต่ฉันก็ยังคงเดินหน้าต่อไปเพราะ ฉันไม่ต้องการที่จะกลับไปใช้ชีวิตสองด้านเหมือนอย่างเดิม

อย่างไรก็ตาม มีช่วงเวลาหนึ่งที่ฉันลังเลใจและสมัครไปเดทออนไลน์ในเว็บไซต์หาคู่ แค่คิดว่าคนที่ใช่ นั้นอยู่ใกล้ฉันแค่เพียง
คลิ๊กเดียว

เพราะลึกๆ แล้วฉันก็อยากแต่งงานในสักวัน ฉันอยากจะมีใครสักคนที่จะใช้ชีวิตด้วยกันตลอดไป แต่ความคิดที่ว่าถ้าฉันยังเป็นโสดไปจนถึงอายุ 50 และอยู่กับเจ้าแมวเหมียวนั้นมันเป็นสิ่งที่น่ากลัวสำหรับฉัน

และในท้ายที่สุดฉันเจอบางคนในการเดทออนไลน์ ตอนแรกๆ มันก็ราบรื่นดี ฉันคิดว่าเขาเป็นคนที่ฉลาดและตลก ในนาทีนั้นฉันคิดว่า “ใช่ นั่นแหละ! ฉันได้เจอคนๆ นั้นแล้ว!” เขาไม่ใช่คริสเตียนและเขาบอกฉันว่า เขาไม่คิดว่าโบสถ์นั้นไม่ควรจะมายุ่งอะไรกับชีวิตส่วนตัวของพวกเรา

และในความอ่อนแอและการให้เนื้อหนังเป็นศูนย์กลางของชีวิตนั้น ฉันคิดว่า “ไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบไปซะหมด” แต่โชคดีที่พ่อของฉันมองเห็นสัญญาณบางอย่างว่าผู้ชายคนนั้นมีอะไรซ่อนอยู่มากกว่าแค่ที่ตาเห็น และได้ให้คำแนะนำกับฉันที่จะยุติความสัมพันธ์ ฉันรู้สึกกลัวและจบความสัมพันธ์นั้นไป

คุณอาจจะสงสัยว่า “ให้ตายสิ ทำไมเธอถึงจดจ่อกับการไม่ยอมหลงทางไปจากทางของพระเจ้า? แน่นอนว่าพระเจ้าสามารถที่จะเรียกเธอกลับมาได้แม้เธอจะไปไกลแค่ไหนก็ตาม​”

แต่มันมีอะไรที่มากกว่าการหลงทางและให้พระองค์พาเรากลับมา สำหรับฉันแล้วความสัมพันธ์กับพระเจ้านั้นศักดิ์สิทธิ์ ฉันต้องการมีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกับพระองค์ ซึ่งฉันรู้สึกว่ามันยากมากถ้าฉันเดทกับคนที่ไม่ได้แบ่งปันความเชื่อเดียวกัน

สำหรับฉัน คนที่บอกว่า “เคารพในศาสนาของฉัน” มันก็ไม่ได้มีความหมายอะไรมากไปกว่าผู้สังเกตการณ์ พวกเขามีความสุขที่เห็นฉันทำกิจกรรมต่างๆ ในโบสถ์ แต่ท่าทีของพวกเขาเปลี่ยนไปเมื่อพูดถึงจุดยืนเรื่องการมีเรื่องเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานหรือการอยู่ก่อนแต่ง

ฉันสามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำไหมว่าฉันรักพระเจ้าและแสวงหาพระคำของพระองค์ ถ้าหากฉันทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม? ฉันไม่ต้องการที่จะเดินจากพระเจ้าผู้ที่รักฉันด้วยความรักนิรันดร์(อิสยาห์ 54:8) และพระเจ้าผู้ทรงสัญญาที่จะประทานทุกสิ่งที่ฉันจำเป็น(ฟีลิปปี 4:19) แต่ความรักของมนุษย์นั้นอาจจะเป็นเพียงความรักผิวเผินและไม่ยั่งยืน

ใช่แล้ว พระเจ้าก็ยังคงรักเราแม้ว่าเราจะล้มลงและผิดพลาด  แต่ส่วนตัวฉันรับรู้ได้ถึงผลที่ตามมาของควาผิดพลาดและในการที่จะรักษาตัวเองนั้นมันเป็นขั้นตอนที่ยาวนานและเจ็บปวด

ฉันมีความเชื่อว่าพระเจ้าทรงรู้ว่าฉันต้องการอะไรที่สุด และถ้าพระประสงค์ของพระองค์คือให้ฉันได้แต่งงาน ฉันก็เชื่อและไว้วางใจว่าพระเจ้าจะจัดเตรียมคนที่ใช่ในเวลาของพระองค์

และฉันจินตนาการถึงคู่พระพรที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้ให้ฉันว่าเป็นผู้ชายที่รักพระเจ้าด้วยใจจริง เป็คนที่เต็มด้วยผลของพระวิญญาณ นั่นก็คือความรัก, ความปรานี, การให้อภัย(กาลาเทีย 5:22-23)

และเขาจะเป็นคนที่รู้ว่าความรักไม่ได้มีแค่ความรู้สึกที่ชุ่มชื่นหัวใจอยู่ตลอดเหมือนที่เราทุกคนรู้สึกตอนที่เริ่มต้นความสัมพันธ์อันน่าตื่นเต้น หากแต่เป็นคนที่อดทนนาน ไม่เห็นแก่ตัว ไม่ช่างจดจำความผิด(1 โครินธ์ 13:4-8) และเขาจะรักฉันเหมือนพระคริสต์ทรงรักคริสตจักร(เอเฟซัส 5:25)

อย่างไรก็ตาม ฉันเรียนรู้ที่จะยอมรับถ้าหากแผนการที่ดีกว่าของพระเจ้าสำหรับชีวิตฉันคือให้ฉันเป็นโสดต่อไปเพื่อที่จะรับใช้พระองค์อย่างที่เปาโลทำ นั้นคือการเทศนาและประกาศข่าวประเสริฐไปทั่วแผ่นดินโลก ฉันก็มีความสุขที่จะลงเรือลำนั้น ถึงแม้มันจะหมายความว่าฉันต้องเสียสละความฝันในการได้แต่งงานและใช้ชีวิตกับคนที่ฉันรัก

หากว่าคุณเป็นคนโสดเหมือนกับฉัน บางครั้งสังคมและครอบครัวของคุณอาจกดดันให้คุณมีคู่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อคุณจะได้ลงข่าวเกี่ยวกับการหมั้นหมายต่างๆ ในโซเชียลมีเดีย ตามด้วยรูปงานแต่งงานและภาพอัลตร้าซาวด์ของลูกครั้งแรก แต่ฉันอยากจะหนุนใจคุณในฤดูกาลของแห่งความโสดให้คุณลงลึกกับพระเจ้าและใกล้ชิดพระองค์ และไม่แลกช่วงฤดูกาลนี้กับการคบหาผู้ชายแค่เพื่อจะมาเติมเต็มช่องว่างของตัวเอง ฉันอยากให้คุณรู้ว่าแผนการที่ดีที่สุดของพระเจ้าก็คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้วจริงๆ มันไม่ไช่แผนการชุ่ยๆ แน่นอน

YOU MAY ALSO LIKE

ฉันเป็นคนบาปจริงหรือ? เป็นและไม่เป็น

ฉันเป็นคนบาปจริงหรือ? เป็นและไม่เป็น

WRITER: จาเนล ไบร์ทเท็นสไตน์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team หลายเดือนที่แล้ว มีคนบอกฉันว่าพวกเขาพบกลยุทธ์การสร้างวินัยแบบใหม่ที่ยอดเยี่ยมสำหรับลูกๆ ของพวกเขาโดยบังเอิญ เมื่อพวกเขาจับได้ว่าลูกของเขากำลังทำผิด เด็กจะหยุดทำ...

เมื่อฉันมีความวิตกกังวลแล้ว ฉันยังวางใจพระเจ้าได้ไหม?

เมื่อฉันมีความวิตกกังวลแล้ว ฉันยังวางใจพระเจ้าได้ไหม?

WRITER: แมเดลีน เกรซ ชคูลฟีลด์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: ปาลีญา ธนาวัฒนเจริญEDITOR: ธนากร พูลสินกูล ฉันรู้สึกราวกับว่ามีผ้าห่มผืนใหญ่ทับอยู่บนอกของฉัน เมื่อฉันลองหายใจลึกๆ เข้าไปในปอดและพยายามไอออกมาด้วยความรู้สึกแสบ...

คำสารภาพของผู้ที่มักทำตามความพอใจของผู้อื่น

คำสารภาพของผู้ที่มักทำตามความพอใจของผู้อื่น

WRITER: โจอันนา ตัน ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: Natty GraceEDITOR: ธนิตาวสี ชวาลปัญญาวงศ์ ถึงแม้ว่าฉันจะคุ้นเคยกับคำว่า “people-pleaser” หรือ “คนที่ต้องการเอาใจทุกคน” มาโดยตลอด แต่ฉันก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนเช่นนั้น...

Share This