WRITER: จาเนล ไบร์ทเท็นสไตน์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: Mustard Seed Team
EDITOR: Mustard Seed Team
หลายเดือนที่แล้ว มีคนบอกฉันว่าพวกเขาพบกลยุทธ์การสร้างวินัยแบบใหม่ที่ยอดเยี่ยมสำหรับลูกๆ ของพวกเขาโดยบังเอิญ เมื่อพวกเขาจับได้ว่าลูกของเขากำลังทำผิด เด็กจะหยุดทำ และพ่อแม่จะบอกกับลูกๆ ว่า “นั่นไม่ใช่ตัวตนของลูก!”
ฉันคิดแล้วคิดอีกเกี่ยวกับเรื่องนี้ และฉันเห็นถึงความเป็นไปได้ที่จะสนับสนุนสิ่งนี้ในเชิงพระคัมภีร์
ในอีกมุมหนึ่ง สำหรับพวกเราที่ต้อนรับพระเยซูเข้ามาในชีวิต พระเจ้าได้ทรงเปลี่ยนใจหินของเราให้เป็นใจเนื้อ สร้างเราใหม่จากภายใน เราถูกสร้างใหม่ มีชีวิตใหม่! การเถียงแม่หรือแม้กระทั่งการทิ้งผ้าเช็ดตัวที่เปียกไว้บนพื้น นั่นไม่ใช่ตัวตนของคุณอีกต่อไป
แต่อีกส่วนหนึ่งปรัชญาของเพื่อนทำให้ฉันรู้สึกไม่มั่นใจ เพราะในอีกทางหนึ่ง นั่นคือสิ่งที่ลูกๆ ของฉันเป็น จริงๆ แล้วมันก็คือสิ่งที่ฉันเป็นเหมือนกัน และนั่นเป็นเหตุผลที่เรายังคงทำสิ่งเหล่านั้นซ้ำๆ
พระธรรมมัทธิว 12:34 “ด้วยว่าปากนั้นพูดสิ่งที่มาจากใจ” ฉันชอบความคิดของเอมี่ คาร์ไมเคิล มิชชันนารีชาวไอริชเกี่ยวกับเรื่องนี้: “น้ำหวานเต็มแก้วไม่อาจทำให้น้ำรสขมกระเซ็นได้แม้แต่หยดเดียว แม้จะถูกเขย่าหรือทำให้หกก็ตาม”
บางครั้ง การหลีกหนีของฉันจากการถูกตราหน้าว่า—นั่นไม่ใช่ตัวฉัน—เป็นเพียงข้อแก้ตัวที่คลุมเครือ
การพูดกับตัวเอง “เธอทำได้ดีกว่านั้น! เธออยู่เหนือพฤติกรรมเหล่านั้น!”
แต่ฉันล่ะ? ฉันอยากจะพูดให้ได้แบบนั้นเหลือเกินเมื่อตอนที่ฉันโกหก ฉันไม่ใช่คนโกหก ความจริงคือการโกหกของฉันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มันมาจากภายในของฉัน การพูดว่า “ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น” แทบจะไม่ใช่ความจริงเลย
และถึงแม้ฉันอยากจะพูดกับลูกๆ ของฉันเมื่อเขาขโมยบางสิ่งบางอย่าง พวกเขาไม่ใช่หัวขโมย— แล้วถ้าหากคนที่ขโมยไม่ได้เรียกว่าหัวขโมย แล้วใครคือหัวขโมย? ต้องเป็นคนที่ลักขโมยเป็นประจำหรือเปล่า? ต้องขโมยกี่ครั้งถึงจะถือเป็นหัวขโมย?
ข้อดีและข้อเสียของการแปะป้ายคำนิยาม
ฉันเห็นว่าการต่อต้านการให้นิยามมีทั้งผลดีและผลไม่ดี ภายในร่างกายของเรามีทั้งพระลักษณะของพระเจ้าและการแช่งสาปของความบาป
ในด้านที่ดี ไม่มีใครในพวกเราที่เป็นอย่างใดอย่างหนึ่งได้ตลอดเวลา
พวกเรามีปากที่หยาบคายแต่ก็ไม่ได้สบถ 100% ทั้งวัน นิยามที่อยู่ในหมวดหมู่ 100% นั้นบอกว่า ฉันเป็นลูกของพระเจ้า 100% ของเวลาทั้งหมด ฉันแต่งงาน 100% ตลอดเวลา
ส่วนด้านที่ไม่ดี ความเย่อหยิ่งทำให้ฉันไม่ยอมรับส่วนที่แย่ที่สุดของตัวเอง ฉันจำได้ว่าตอนวัยรุ่น เมื่อพ่อแม่ของฉันเผชิญหน้ากับฉันเพื่อต้องการเค้นความจริง ฉันจะรู้สึกตกใจกลัว “จะบอกว่าฉันเป็นคนโกหกเหรอ? จะว่าฉันไม่น่าไว้วางใจเหรอ?”
เมื่ออ่านพระธรรม 1 ยอห์น 1:9 “ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงซื่อสัตย์และเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น” – สารภาพ แปลคำภาษากรีก หมายถึงการยอมรับ และพูดความจริง
การแปะป้ายนิยาม หรือชื่อเรียก มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นประโยชน์ ตราบใดที่เราตระหนักถึงข้อจำกัดของมัน เพื่อพวกมันเป็นสิ่งที่สร้างสรรค์มากกว่าทำลาย เราสามารถ
- ใช้นิยามเป็นจุดเริ่มต้นของความเสี่ยง เพื่อถามคำถามและแสวงหาความเข้าใจ แทนที่จะยึดติดกับธรรมเนียมปฏิบัติเดิมๆ นี่เป็นเหตุผลที่พวกเราหลายคนต่อต้านไม่ยอมรับการทดสอบบุคลิกภาพ เราคิดอย่างถี่ถ้วน ฉันเป็นมากกว่าคำนิยาม อย่าใส่กรอบให้ฉัน การแปะป้ายคำนิยามจะไม่มีประโยชน์เมื่อไม่ได้นำไปสู่ความเข้าใจที่แท้จริง
พิจารณาว่าการนิยามนั้นช่วยให้เรารู้จักผู้อื่นในแบบที่ “เดินในความรัก” หรือไม่ (เอเฟซัส 5:2)
การนิยามใดๆ ที่ได้ทำร้ายผู้อื่นและทำให้เขาห่างไกลจากการรู้จักพระเยซูควรเลิกซะ
“อย่าให้คำเลวร้ายออกจากปากของท่านทั้งหลาย แต่จงกล่าวคำดีๆ ที่เสริมสร้างและที่เหมาะกับความต้องการ เพื่อจะได้เป็นคุณแก่คนที่ได้ยิน” (เอเฟซัส 4:29)
การนิยามหรือชื่อเรียกของเราควรนำไปสู่การกลับใจและการเปลี่ยนแปลงเพื่อตัวเราเอง และความเห็นอกเห็นใจ และการฟื้นฟูเพื่อผู้อื่น
การตั้งชื่อของพระเจ้าทำให้เรามีทางเลือก
การตั้งชื่อนั้นมีพลังอำนาจ ไม่ว่าจะถูกนำไปใช้เพื่อสิ่งดีหรือไม่ดีก็ตาม
ฉันชอบรูปแบบในพระคัมภีร์ของพระเจ้าที่ทรงเปลี่ยนชื่อผู้คนตามพระประสงค์ของพระองค์ และวันหนึ่ง ฉันจะมีชื่อใหม่ (วิวรณ์ 2:17) คุณสามารถพูดได้ว่าฉันมีสองชื่อ การต่อสู้ด้านอัตลักษณ์ของคนบาปและผู้ที่ถูกไถ่แล้ว (เปาโลสื่อสารเรื่องนี้ออกมาได้อย่างสวยงามในพระธรรมโรม 7:21-8:2)
พระเจ้าเป็นผู้ที่ประทานชื่อที่ดีที่สุด และพระองค์เรียกชื่อฉัน ท่ามกลางคนอื่นๆ อีกมากมาย
- เพื่อน (ยอห์น 15:15)
- เป็นคนใหม่ และไม่ใช่ทาสอีกต่อไป (โรม 6:6, 8:15, กาลาเทีย 4:7)
- บุตรธิดา ทายาท (ลูกา 15:22-24, โรม 8:15)
- เสรีภาพ (โรม 8:2)
- ธรรมิกชน (1 โครินธ์ 1:2, เอเฟซัส 1:1, ฟีลิปปี 1:1, โคโลสี 1:2)
- ผู้ที่ถูกเลือก ผู้บริสุทธิ์และปราศจากตำหนิ (เอเฟซัส 1:4)
คุณนึกออกไหมว่าการได้รับชื่อที่ในที่สุดก็บ่งบอกทุกอย่างที่คุณถูกสร้างให้เป็นนั้นจะเป็นอย่างไร?
ครั้งหนึ่งฉันเคยอ่านอุปมาที่ทำให้นึกถึงเรื่องนี้ว่า :
คุณปู่ที่แก่ชราบอกหลานชายของเขาว่า “หลานเอ๋ย มีการต่อสู้ระหว่างหมาป่าสองตัวในเราทุกคน ตัวหนึ่งในนั้นคือปีศาจร้าย มันคือความโกรธ ความอิจฉาริษยา ความโลภ และความขุ่นเคืองใจ อีกตัวคือความดี มันคือความชื่นชมยินดี ความรัก ความหวัง ความอ่อนน้อมถ่อมตน ความเมตตา ความเข้าอกเข้าใจ และความกล้าหาญ”
เด็กผู้ชายคิดและถามคุณปู่ว่า “คุณปู่ หมาป่าตัวไหนชนะ?”
คุณปู่ตอบอย่างเงียบๆ ว่า “ตัวที่หลานเลี้ยงมัน”
ในการตั้งชื่อเราว่า “เป็นขึ้นใหม่” ฉันเห็นพระเยซูดึงเราออกจากตัวตนเก่าของเรา (กาลาเทีย 2:20) ให้ทางเลือกแก่เราว่าเราจะเลี้ยงดูตัวตนใด เรากำลังตัดสินใจในระดับที่เล็กและใหญ่เกี่ยวกับอัตลักษณ์นั้น เกี่ยวกับสิ่งที่ควบคุมหรือเป็นใหญ่ในเราทุกวัน (โรม 6:16)
กลยุทธ์หนึ่งของการเป็นพ่อแม่ของฉันคือการพูดบ่อยๆ และพูดอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับความบาปของตัวเอง และเกี่ยวกับความบาปของลูกๆ ด้วย แต่ไม่ใช่ในเชิงที่บอกว่า “เธอเป็นที่น่ารังเกียจ” แต่ในเชิงที่จริงใจและสัตย์ซื่อว่าเราเป็นใคร และใครที่เราไม่ได้เป็น
ฉันต้องการให้ลูกๆ ของฉันเห็นเส้นที่อยู่ตรงกลางหัวใจของพวกเขา หมาป่าในตัวพวกเขากำลังตะครุบอย่างหิวโหย และฉันก็ยังต้องการให้พวกเขาเห็นว่าหนึ่งในการต่อต้านที่มีพลังมากคือ การเพิ่มชื่อ: พวกเขาสามารถเป็นผู้พิชิตได้ แม้จะอายุเพียงหกขวบ
ฉันทำแบบนี้เพราะถ้าหากวันใดที่พวกเขาเดินออกจากบ้านไปด้วยบทเรียนอะไรก็ตาม มันควรเป็นบทเรียนที่ว่า เราต้องการพระเยซู
ฉันต่อสู้กับการเสแสร้งและความหลอกลวง ฉันมั่นใจว่าคนที่เคยอยู่กับฉันสามารถยืนยันเรื่องนี้ได้ ฉันคิดว่าเราทุกคนล้วนมีความเป็นฟาริสีในตัวเอง แววตาที่หยิ่งยโสจ้องมองและตัดสินผู้อื่น ไม่ว่าเราจะเป็นคริสเตียนหรือไม่
ข่าวร้ายคือ มันคือสิ่งที่ฉันเป็น
ข่าวดีคือ เพราะพระองค์เป็นซึ่งพระองค์เป็น ฉันจึงไม่ต้องอยู่กับสิ่งที่ฉันเป็น
Timothy Keller ศิษยาภิบาลและนักเขียนชาวอเมริกัน ได้กล่าวว่า “ข่าวประเสริฐคือสิ่งนี้ พวกเรามีบาปและมีข้อบกพร่องในตัวเองมากกว่าที่เราเคยเชื่อ แต่ในขณะเดียวกัน เราได้รับความรักและเป็นที่ยอมรับในพระเยซูคริสต์มากกว่าที่เราเคยกล้าจะตั้งความหวังไว้”
YOU MAY ALSO LIKE
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน
WRITER: ฉีฉี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: นิศารัตน์ มั่นเกตุEDITOR: กรชวัล เพชรเลิศอนันต์ มันเป็นอีกหนึ่งวันที่ยาวนาน ในระหว่างที่ดูแลพวกลูกๆ สะสางงานต่างๆ ก็แทบจะไม่มีเวลาให้ได้พักหายใจเลย เมื่อลูกๆ...
ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?
WRITER: เมดาลีน คาลู ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: PinkEDITOR: Thitikarn Nithiuthai (Mesy) ฉันยังจำช่วงเวลาที่ฉันเริ่มต้นความสัมพันธ์กับพระเยซูได้ ราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงที่อากาศหนาวเย็นของเดือนมกราคม ฮันนาห์...
เสียงที่ดังพอ
WRITER: GRACESaoriEDITOR: Mustard Seed Team เคยไหม? ที่ในบางครั้งเสียงของใครบางคนก็ดังกว่าเสียงของตัวเอง เสียงนี้มักดังเร้าอยู่ภายในใจ บ่อยครั้งในเมื่อเราอยู่ในช่วงที่คิดไม่ตก ฟุ้งซ่าน หาทางออกไม่เจอหลายๆ สิ่ง แต่จะมีเสียงๆ นี้แหละ ที่กลับดังขึ้นมาหัวใจ...