
WRITER: ดรีม ออฟ โฮป ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: ปาลีญา ธนาวัฒนเจริญ
EDITOR: สวิตตา เจริญศรีศิลป์ (อีฟฟี่เอง)
ในเดือนกรกฎาคม ฉันได้รับข่าวร้ายเกี่ยวกับญาติของฉันในไต้หวัน เธอเป็นมะเร็งอีกครั้งและครั้งนี้เธอเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย
ฉันรู้สึกตกใจมากเมื่อได้ยินข่าวนี้ เพราะฉันเพิ่งเห็นรูปของเธอในโซเชียลมีเดียที่ถ่ายอย่างมีความสุขขณะที่เธอไปท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น เธอได้ทำเคมีบำบัดจนครบแล้วและดูเหมือนว่าเธอจะหายดีแล้ว
นอกจากการอธิษฐานเผื่อเธอพร้อมน้ำตา ฉันอยากจะบินไปพบเธอเพราะฉันกลัวว่า ฉันจะไม่มีโอกาสได้เจอเธออีก
ในเวลานั้น ฉันกำลังอยู่ในช่วงของการทำทีสิสและวันกำหนดส่งใกล้เข้ามาแล้ว มากไปกว่านั้น ตั๋วเครื่องบินในช่วงนั้นราคาแพงมาก อีกทั้งฉันไม่ได้รับเงินค่าจ้างจากมหาวิทยาลัยแล้ว ฉันไม่มั่นใจว่าถ้าซื้อตั๋วเครื่องบินในราคานั้นอาจทำให้สภาพการเงินของฉันมีปัญหา
ฉันสับสันมากไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร
ความไม่แน่นอนทำให้เราเริ่มอธิษฐานและทำบางสิ่ง
เมื่อฉันเริ่มอธิษฐานเผื่อการตัดสินใจนี้ พระธรรม 2 โครินธ์ 12:9 เตือนฉันว่า “การมีพระคุณของเราก็เพียงพอกับเจ้า”
ข้อพระธรรมนี้ให้ความมั่นใจแก่ฉันในการตัดสินใจซื้อตั๋วเครื่องบิน ถึงแม้ว่าฉันจะรู้ว่าฉันไม่สามารถช่วยเหลือญาติของฉันได้เลย แต่ฉันกลัวว่าฉันจะเสียใจที่ไม่ได้ไปเยี่ยมเธอ หลังจากที่ฉันตัดสินใจที่จะไป ฉันเพิ่งรู้ว่าพาสปอร์ตของฉันหมดอายุ ขอบคุณพระเจ้าที่ฉันสามารถต่ออายุทันก่อนที่ฉันจะบิน
ฉันบินไปใต้หวัน สองวันให้หลังจากที่ฉันซื้อตั๋วเครื่องบิน
ใครมีสิทธิกล่าวโทษ
ฉันใช้เวลาบนเครื่องบิน 6 ชั่วโมงในการคิดว่า ทำไมพระเจ้าที่น่ารักถึงยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้นกับญาติของฉันที่อายุเพียง 17 ปี
ฉันรู้สึกหมดหวังเมื่อพยายามนึกถึงวิถีการใช้ชีวิตของเธอ พ่อแม่ของเธอในการดูแลเรื่องการกินของเธอในช่วงที่เธอป่วย “ถ้าเพียงแต่พวกท่านยอมฟังคำแนะนำของฉันตั้งแต่ต้น ไม่พาเธอไปเที่ยว ไม่พาเธอออกไปกินอาหารข้างนอก…”
ฉันรู้สึกโกรธ แต่พระคัมภีร์เตือนฉันว่า “อย่าพิพากษา เพื่อพระเจ้าจะไม่ทรงพิพากษาท่านทั้งหลาย” (มัทธิว 7:1) ฉันคิดได้ว่าหลายๆครั้งที่ฉันทำทีสิสจนถึงดึกดื่น ฉันกำลังทำให้ร่างกายของฉันเป็นอันตราย แล้วฉันเป็นใครที่จะไปตัดสินคนอื่น
ในขณะนั้นเอง ฉันอธิษฐานขอการอภัยจากพระเจ้า ฮีบรู 4:16 กล่าวว่า “ฉะนั้นขอให้เราเข้ามาถึงพระที่นั่งแห่งพระคุณด้วยความกล้า เพื่อเราจะได้รับพระเมตตา และจะพบพระคุณที่ช่วยเราในยามต้องการ”
เราสามารถยกย่องพระเจ้าได้แม้ในช่วงเวลาที่เจ็บปวด
เมื่อฉันและครอบครัวถึงไต้หวัน พ่อแม่ของเธอบอกพวกเราว่าเธอเพิ่งฟื้นขึ้นมา ความจริงคือเมื่อเธอได้ยินว่าพวกเราจะมา อาการของเธอก็กลับมาดีขึ้น
แต่เมื่อเราได้พบเธอ ใจของฉันแตกสลาย ฉันเห็นสายระโยงระยางต่อกับร่างกายเล็กๆ ของเธอ ยาแก้ปวดที่ถูกฉีดเข้าร่างกายเธอผ่านสายยางไม่ได้ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดของเธอ เธอขดตัวเหมือนลูกบอลบนเตียง เธอไม่สามารถกินหรือดื่ม หรือแม้กระทั่งพูดได้ เมื่อเธอมองเห็นพวกเรา เธอเริ่มร้องไห้ พ่อแม่ของเธอบอกว่า เธอเป็นเด็กเข้มแข็ง ตลอดช่วงเวลาที่ทำเคมีบำบัด เธอแทบไม่เคยร้องไห้และไม่เคยพูดว่าปวด เป็นเรื่องที่ดีที่ให้เธอปลดปล่อยด้วยการร้องไห้ในตอนนี้
ฉันอยู่ที่ไต้หวันทั้งหมด 5 วัน ช่วงเวลานั้น ฉันกังวลถึงทีสิสของฉัน แต่ฉันก็ได้มีโอกาสใช้เวลาเพื่อคิดถึงชีวิตของฉันเอง
มองย้อนกลับไป ฉันไม่เคยเข้าใจพระธรรมสดุดี 63:3 กล่าวว่า “เพราะว่าความรักมั่นคงของพระองค์ดีกว่าชีวิต ริมฝีปากของข้าพระองค์จะยกย่องพระองค์” ความจริงคือ ฉันไม่เคยรู้วิธีที่จะยกย่องพระเจ้าในช่วงเวลาที่ไม่ดี และเมื่อฉันกำลังเขียนบทความนี้ ฉันมีโอกาสอ่านคำอธิบายพระธรรมตอนนี้ของ David Wilkerson ที่เขียนว่า “ชีวิตของเรานั้นสั้น เหมือนหญ้าที่อยู่ในฤดูหนึ่งและตายไปในอีกฤดูหนึ่ง แต่ความรักและพระเมตตาของพระเจ้าดำรงอยู่ตลอดกาล หนึ่งล้านปีต่อจากนี้ พระเยซูจะยังคงอ่อนโยนและรักเราเหมือนที่พระองค์ทรงเป็นในตอนนี้ คนอื่นๆสามารถเอาชีวิตไปจากคุณได้ แต่ไม่มีใครสามารถพรากความรักและพระเมตตาของพระเจ้าได้”
ฉันได้เข้าใจว่า ไม่ว่าสถานการณ์ของเราจะเป็นอย่างไร เรามีพระบิดาที่รักเราคอยเฝ้าดูเราในทุกสถานการณ์ พระองค์ทรงเห็นทุกน้ำตาที่เราร้องไห้
พระองค์ทรงรู้ความเจ็บปวดที่เราทนอยู่ และพระองค์ทรงรู้ภาระที่เราแบก
พระองค์ทรงรู้ทุกความต้องการ รู้ทุกๆ ความคิดของเรา เราสามารถสรรเสริญพระองค์ได้เพราะพระองค์ทรงมอบบางสิ่งที่ดีกว่าปัญหาหรือสถานการณ์แย่ๆที่เราเผชิญอยู่ให้แก่เราแล้ว พระองค์ทรงมอบอิสระจากความบาปและชีวิตนิรันดร์แก่เรา(โรม 6:22)
เราไม่ควรหยุดอธิษฐาน
บางทีตอนนี้คุณอาจจะอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากและมองไม่เห็นความหวัง คุณอาจจะรู้สึกเศร้าเสียใจ อย่าหยุดที่จะอธิษฐาน อธิษฐานอย่างกล้าหาญและขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า เราต้องเชื่อว่าเราคือบุตรชายและบุตรหญิงในความรักของพระเจ้า
ความเชื่อทำให้เราจ้องมองที่กางเขนเมื่อเรามองไม่เห็นพระหัตถ์ของพระเจ้า หรือไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ของพระเจ้าในความทุกข์ที่เราเผชิญอยู่
เมื่อฉันกลับมาที่มาเลเซีย ฉันขอบคุณพระเจ้าที่ฉันสามารถจัดการส่งทีสิสได้ทันเวลา และฉันเริ่มได้รับเงินค่าจ้างใหม่อีกครั้ง ฉันได้รับเงินทุนที่ครอบคลุมในช่วงที่ฉันหายไป อีกครั้งที่พระเจ้ายืนยันกับฉันว่า พระคุณของพระเจ้าเพียงพอกับฉัน
ในช่วงเดือนกันยายน ญาติของฉันพ่ายแพ้ต่อการต่อสู้กับโรคมะเร็งและกลับบ้านไปอยู่กับพระเจ้า มองย้อนกลับไปทำให้ฉันเห็นว่าทริปไต้หวันในครั้งนั้นมีความหมายกับฉันมากเกินกว่าที่ฉันจะจินตนาการได้ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้รับคำตอบในทุกคำถาม แต่เราจะยังจ้องมองที่ไม้กางเขนและพักพิงในความรักและพระเมตตาของพระเจ้า วางใจว่าวันหนึ่งทุกอย่างจะสมเหตุสมผล
YOU MAY ALSO LIKE
กังวลจนไม่หลับไม่นอน
WRITER: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ฉันนอนไม่หลับทั้งคืน บางคืนเราก็มีอาการนอนไม่หลับ หลับๆ ตื่นๆ พอเช้าตื่นมาก็ไม่สดชื่น อารมณ์ไม่ดี การนอนไม่หลับส่งผลกระทบต่อคนส่วนใหญ่เป็นครั้งคราว แต่สําหรับบางคนอาจเจอปัญหานี้เป็นประจำ...
ทำไมเราถึงไม่กล้าปฏิเสธ
WRITER: ซาร่า โซ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: สุมิตรา ชามรามดาบานEDITOR: ปวีณา นิลบุตร “ถ้าใช่ก็จงบอกว่าใช่ ถ้าไม่ใช่ก็จงบอกว่าไม่ใช่” (ยากอบ 5:12) ขณะที่ฉันเขียนข้อความนี้ ฉันเพิ่งจะพูดว่า "ไม่" ที่จะฟังความขัดข้องใจของแม่เรื่องคนสนิทในครอบครัว...
พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)
WRITER: แคทเธอรีน ฟลินน์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ในปี 2003 ฉันอายุ 24 ปี และอาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษตอนที่ฉันถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยเพื่อนร่วมห้องของฉัน...