fbpx
WRITER: สวิตตา เจริญศรีศิลป์ 
EDITOR: Mustard Team

ฉันเชื่อว่าช่วงที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนสำหรับหลายๆ คน เราต่างมีแผนงานต่างๆ ที่คิดไว้ หรือแม้แต่ตัดสินใจทำบางสิ่งบางอย่าง แต่เมื่อเจอสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดที่ทำให้ทุกอย่างต้องยุดชะงัก ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่ามันจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่และชีวิตของเราจะเป็นยังไงต่อไปในขณะที่ทุกอย่างไม่แน่นอน

เมื่อสองสามวันก่อนฉันได้ฟังเทศนาและได้รับการหนุนใจอย่างมากจากประโยคที่ว่า “ทำไมเราต้องรอคอยในเวลานี้ด้วย…? ก็เพราะหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตอยู่เหนือการควบคุมของเราแต่เรากลับอยู่ในวัฒนธรรมที่สอนให้ต้องควบคุมชีวิตของเราเองถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งการรอคอยหรืออยู่ในจุดเปลี่ยนของชีวิต ฉันหวังว่าบทความนี้จะเป็นที่หนุนใจคุณ 🙂

ไม่นานมานี้เพราะสถานการณ์โควิดทำให้ฉันต้องกลับไปอยู่ที่บ้านเพื่อกักตัว แต่ผ่านมาได้ไม่กี่วันฉันกับพ่อก็มีปัญหากัน ความจริงแล้วการกลับบ้านครั้งนี้เป็นเหมือนไฟฉายที่ส่องเข้ามาในความมืดทำให้เห็นปัญหาที่แอบซ่อนอยู่ลึกๆมานานแล้ว การที่เรากลับมาอยู่ด้วยกันทำให้เราได้เห็นรากฐานความสัมพันธ์จริงๆ ของครอบครัวเรา ที่ผ่านมาครอบครัวฉันเราไม่ได้ใช้เวลาพูดคุยกันบ่อยนัก ถึงแม้เราจะเจอกันและกินข้าวนอกบ้านด้วยกันทุกอาทิตย์ แต่เมื่อถึงวันจันทร์เราต่างมีหน้าที่ของตัวเองที่ต้องรับผิดชอบ อย่างไรก็ตามหลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น ฉันก็ได้แยกตัวมาอยู่ที่อื่น ฉันรู้สึกสิ้นหวังและเหนื่อยล้าเพราะไม่รู้ว่าจะแก้ไขปัญหาที่มีสะสมมาเนิ่นนานนี้ได้อย่างไร และจะมีวันที่ฉันจะได้เป็นอิสระจากปัญหานี้จริงๆ ไหม?

ลึกๆ แล้วฉันรู้สึกถูกกดดันและถูกคาดหวังในสิ่งที่ฉันไม่ได้เป็นจากพ่ออยู่เสมอ ฉันไม่แน่ใจว่าเหตุผลที่พ่อพูดต่อว่าฉันอยู่บ่อยครั้งเป็นเพราะท่านคาดหวังให้ฉันเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่น้องๆ รึเปล่า? แต่ที่ฉันรู้ก็คือคำพูดของท่านมีผลต่อชีวิตฉันเป็นอย่างมาก เหมือนมีดที่บาดลึกลงไปในจิตใจซึ่งเป็นแผลที่ไม่มีใครมองเห็น ปีนี้ฉันอายุย่างเข้า 26 แล้วฉันรู้ว่าพระเจ้าทรงมีพระประสงค์เจาะจงในชีวิตของฉันและฉันอยากติดตามพระองค์ แต่อีกใจนึงฉันก็อยากเป็นลูกที่ดีที่ทำให้พ่อของฉันพึงพอใจ ส่วนตัวแล้วช่วงเวลานี้ของฉันเป็นเหมือนภาพเรือที่หยุดนิ่งอยู่กลางทะเลสาบ ทั้งหมดแรงและกำลัง ทำได้เพียงรอคอยทิศทางและคำตอบ

พระเจ้าทรงใช้ความทุกข์เพื่อเราจะพบพระองค์

จากจุดนั้นทำให้ฉันได้ค้นลึกลงไปในชีวิตของตัวเองอีกครั้ง ฉันพบว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ซึ่งเป็นต้นตอของปัญหาหลายๆ อย่างในชีวิตที่คอยรั้งฉันไว้ มันส่งผลกระทบต่อทุกส่วนในชีวิตของฉัน ไม่ว่าจะเป็นด้านอารมณ์ ความสัมพันธ์ อนาคตและทัศนคติในการใช้ชีวิตของฉัน ส่วนตัวแล้วฉันเชื่อว่า

พระเจ้าทรงใช้เหตุการณ์นี้เพื่อเปิดเผยปมที่ลึกที่สุดในชีวิตของฉันเพื่อปลดปล่อยฉัน ท่ามกลางความสิ้นหวังและสับสน เวลานี้ไม่มีอะไรที่ฉันจะวางใจหรือพึ่งพาได้อย่างแท้จริงนอกจากพระเจ้า

พระองค์ไม่ได้เป็นพระเจ้าที่อยู่ไกลที่กำลังสงสารหรือคอยมองฉันร้องไห้อยู่ห่างๆ แต่ในทางกลับกัน พระองค์ทรงเป็นพ่อที่ฉันสัมผัสได้ ทรงอยู่ใกล้และทรงเสียใจเมื่อเห็นฉันทุกข์ใจ ในวันที่ฉันไม่เหลืออะไร พระเจ้าทรงโอบอุ้มและย้ำเตือนฉันว่า ฉันเป็นที่รักยิ่ง ฉันมีคุณค่าและพระองค์ก็ทรงรักฉันมาก มันเป็นอะไรที่มากกว่าแค่คำพูดเพราะฉันได้สัมผัสความรักของพระองค์และรู้ว่าพระองค์ทรงรักฉันมากจริงๆ ในวันนั้นฉันได้สวมเสื้อที่มีลายข้อพระธรรมอิสยาห์ 43:4 ที่บอกว่า “เพราะว่าเจ้ามีค่าในสายตาเรา.. และเราเองรักเจ้า…” จากจุดนั้นฉันได้พบกับพระเจ้าในแบบที่ลึกซึ้งพระเจ้าทรงใช้สถานการณ์ภายนอกเพื่อให้ฉันได้พบกับความจริงในใจ

พระเจ้านำเราใกล้หัวใจของพระองค์

เมื่อมองย้อนกลับไป ฉันได้ทบทวนเหตุการณ์ต่างๆ ที่สำคัญในชีวิต ฉันได้เห็นการช่วยกู้ของพระเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า ได้เห็นว่าพระองค์ทรงทำให้ฉันเติบโตมากขึ้นเพียงใดผ่านสถานการณ์เหล่านี้ มันทำให้ฉันรู้สึกขอบคุณพระเจ้าจากใจจริง การขอบพระคุณทำให้ฉันมีจิตใจและสายตาที่จับจ้องอยู่ที่พระเจ้า และหันความสนใจของฉันออกจากตัวเอง ปัญหา และความไม่สมบูรณ์พร้อมของฉันไปที่พระองค์ ขณะที่ฉันยังคงรอคอยอยู่นั้น ลึกๆ ในใจของฉันรู้ว่าพระเจ้ากำลังขอให้ฉันวางใจและรับเอากำลังจากพระองค์แทนที่จะแก้ปัญหาทุกอย่างด้วยตัวของฉันเอง

ฉันเรียนรู้ว่าท่ามกลางปัญหาและความไม่แน่นอนที่ฉันกำลังเผชิญ พระเจ้าไม่ได้ทรงตอบในรูปแบบที่ฉันคาดคิดเสมอไป แต่ในระหว่างการรอคอยนั้น พระเจ้าทรงนำหัวใจของฉันเข้ามาใกล้หัวใจของพระองค์

ถึงแม้ตอนนี้ฉันจะยังไม่ได้รับคำตอบไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอนาคต หรือการตัดสินใจต่างๆ ในชีวิต แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปตอนนี้คือหัวใจของฉันต่างหาก คำตอบของคำถามที่จะมาถึงเหล่านั้นเทียบไม่ได้เลยกับการได้อยู่ใกล้หัวใจของพระบิดาและมั่นใจว่าฉันเป็นลูกสาวที่พระองค์ทรงรัก การได้รับรู้ว่าฉันเป็นที่รักทำให้ฉันรู้สึกมั่นคงและมีกำลังที่จะเดินหน้าต่อไป

เราทุกคนต่างต้องเจอความทุกข์ ปัญหา และช่วงเวลาแห่งการรอคอยด้วยกันทั้งนั้น มันเป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราสามารถเลือกได้ว่าจะตอบสนองอย่างไร ไม่ว่าวันนี้คุณกำลังเผชิญอะไร หรืออยู่ในสถานการณ์บีบคั้นมากแค่ไหน พระเจ้าอยากบอกคุณว่า พระองค์รักคุณ(ยอห์น 3:16) พระองค์มีแผนการที่ดีสำหรับคุณ(เยเรมีย์ 29:11) และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่มีอะไรจะสามารถแยกคุณออกจากความรักของพระองค์ได้(โรม 8:35) และเราจะผ่านช่วงเวลานี้ไปด้วยกันกับพระองค์  🙂

YOU MAY ALSO LIKE

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน

WRITER: ฉีฉี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: นิศารัตน์ มั่นเกตุEDITOR: กรชวัล เพชรเลิศอนันต์ มันเป็นอีกหนึ่งวันที่ยาวนาน ในระหว่างที่ดูแลพวกลูกๆ  สะสางงานต่างๆ  ก็แทบจะไม่มีเวลาให้ได้พักหายใจเลย เมื่อลูกๆ...

ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?

ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?

WRITER: เมดาลีน คาลู ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: PinkEDITOR: Thitikarn Nithiuthai (Mesy) ฉันยังจำช่วงเวลาที่ฉันเริ่มต้นความสัมพันธ์กับพระเยซูได้ ราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงที่อากาศหนาวเย็นของเดือนมกราคม ฮันนาห์...

เสียงที่ดังพอ

เสียงที่ดังพอ

WRITER: GRACESaoriEDITOR: Mustard Seed Team เคยไหม? ที่ในบางครั้งเสียงของใครบางคนก็ดังกว่าเสียงของตัวเอง เสียงนี้มักดังเร้าอยู่ภายในใจ บ่อยครั้งในเมื่อเราอยู่ในช่วงที่คิดไม่ตก ฟุ้งซ่าน หาทางออกไม่เจอหลายๆ สิ่ง แต่จะมีเสียงๆ นี้แหละ ที่กลับดังขึ้นมาหัวใจ...

Share This