
WRITER: Mustard Seed Team
บางทีเราพยายามจะเป็น คริสเตียนที่ดี ไม่ล้ม ไม่พลาด ไม่ผิด จนลืมไปเลยว่า ความรอดไม่ใช่สิ่งที่ต้องพิสูจน์ซ้ำๆ หลายคนเข้าใจว่า “ยิ่งทำ ยิ่งรับใช้ ยิ่งดี” เลยพาตัวเองไปโบสถ์ทุกอาทิตย์ เข้าค่ายไม่เคยขาด รับใช้ทุกโอกาส จนสุดท้ายก็เผลอเหนื่อยเกินไปโดยไม่รู้ตัว…
แล้วหัวใจก็ค่อยๆ หมดแรงลง ผู้นำเซลล์ที่รับผิดชอบดูแลสมาชิกทุกสัปดาห์ คอยฟังปัญหา คอยอธิษฐานเผื่อคนอื่น แต่ไม่เคยมีเวลาเติมใจตัวเองกับพระเจ้า จนเริ่มรู้สึกเหมือน “หมดแรงจะฟังใครอีกต่อไป” เคยตื่นเต้นกับการรับใช้ แต่ตอนนี้มองการรับใช้เหมือนเป็นภาระ หรือคิดว่า “ทำไปก็ไม่มีใครเห็นค่าอยู่ดี”
ที่จริงความท้อไม่ได้เกิดจากทำมากเกินไปอย่างเดียว แต่เกิดจากทำไปโดยไม่ได้เติมใจด้วย แม้แต่คนที่เชื่อพระเจ้าสุดๆ ก็มีโอกาสเจอภาวะที่เรียกว่า Spiritual Burnout หรือ หมดไฟทางจิตวิญญาณ โดยไม่ทันสังเกต
Burnout ไม่ใช่แค่เหนื่อยกายหรืออารมณ์ แต่ลึกไปถึงการหมดแรงใจที่จะเดินกับพระเจ้า เช่น เบื่อจะอธิษฐาน ไม่อยากอ่านพระคัมภีร์ หรือรู้สึกไม่มีแรงใจจะเข้าไปมีส่วนกับพันธกิจในโบสถ์
นักจิตวิทยา Christina Maslach บอกว่า Burnout มี 3 ส่วนสำคัญ:
- เหนื่อยล้าทางอารมณ์ (Emotional Exhaustion) การรู้สึกหมดแรง หมดใจ จนไม่มีพลังเหลือสำหรับสิ่งที่ทำอยู่ ร่างกายก็อาจยังไหว แต่ใจไม่ไหวแล้ว
- เริ่มคิดลบต่อตัวเองและสิ่งที่ทำ (Depersonalization) เมื่อใจหมดแรง สิ่งที่ตามมาคือความคิดด้านลบ เริ่มมองตัวเอง มองงาน มองคนรอบๆ ในแง่ร้าย ไม่อินเหมือนเดิมอีกต่อไป
- รู้สึกไร้ค่า ไร้ประสิทธิภาพ (Reduced Personal Accomplishment) ความรู้สึกว่า “สิ่งที่เราทำไม่มีประโยชน์” ไม่ว่าทำมากแค่ไหนก็ยังรู้สึกไม่พอ จนกลายเป็นความรู้สึกไร้ค่า
ถึงจะเป็นทฤษฎีด้านการทำงาน แต่ถ้าเอามาเทียบกับงานรับใช้ในคริสตจักร ก็ตรงเป๊ะเลย เช่น ศิษยาภิบาลที่ทุ่มเทดูแลคนอื่นจนลืมดูแลชีวิตฝ่ายวิญญาณของตัวเองหรือครอบครัว
ลองมองย้อนที่พระคัมภีร์ ชีวิตของเอลียาห์ ผู้เผยพระวจนะที่ยิ่งใหญ่ ก็เคยท้อแท้สุดๆ ถึงขั้นอยากตาย (1 พงศ์กษัตริย์ 19) เขาเหนื่อยทั้งกายและใจ รู้สึกโดดเดี่ยวและกลัว แต่สิ่งที่พระเจ้าทำไม่ใช่ตำหนิเขา พระเจ้ากลับให้เอลียาห์ได้พัก กินอาหาร และค่อยๆ ฟื้นแรงทั้งกายและใจ ก่อนส่งเขากลับไปทำพันธกิจอีกครั้ง พระเจ้าสอนเราว่าการพักผ่อนก็เป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่เป็นการดูแลใจเพื่อเดินกับพระองค์ได้ต่อไป
ลองสำรวจตัวเอง คุณกำลังหมดไฟฝ่ายวิญญาณหรือเปล่า?
(ตอบ: ใช่ / ไม่บ่อย / ไม่ใช่)
– รู้สึกไม่มีแรงอธิษฐาน หรืออธิษฐานไปก็ไม่อิน
– งานรับใช้เยอะจนแทบไม่มีเวลาพัก/เติมใจ
– ไปโบสถ์หรือเซลล์ด้วยความฝืน มากกว่าเต็มใจ
– เริ่มคิดว่าสิ่งที่ทำเพื่อพระเจ้าไม่สำคัญ
– รู้สึกว่าคนอื่นไม่เห็นคุณค่าในสิ่งที่ทำ
– มองงานรับใช้เหมือนภาระ มากกว่าพระพร
– ทำเต็มที่แต่ยังรู้สึก “ไม่พอ”
– สงสัยว่าตัวเองยังเหมาะกับการรับใช้มั้ย
– รู้สึกถอยห่างจากพระเจ้า ทั้งที่ยังทำกิจกรรมฝ่ายวิญญาณ
ถ้าใช่มากกว่า 5 ข้อ เราอาจกำลังอยู่ในภาวะ Spiritual Burnout
ถ้าตอนนี้คุณกำลังรู้สึกหมดไฟ…
– ลองกลับมาหาเวลาอยู่เงียบๆ กับพระเจ้า (Quiet Time)
– อธิษฐานแบบเปิดใจจริงๆ ไม่ต้องกลัวว่าคนอื่นจะเข้าใจหรือไม่
– พักจากงานรับใช้บ้างเป็นระยะ รู้จักบอก “ไม่”
– ฟื้นฟูสุขภาพกาย ใจ และความสัมพันธ์
– แบ่งปันความรู้สึกกับเพื่อนคริสเตียนหรือผู้นำฝ่ายวิญญาณที่ไว้ใจได้
Spiritual Burnout ไม่ได้แค่ทำให้เหนื่อย แต่ ค่อยๆ บั่นทอนมุมมอง ความหวัง และคุณค่าในพระเจ้า ไปด้วย ไม่ใช่สัญญาณว่าความเชื่อเราอ่อนแอ แต่คือ เสียงเตือนว่าเราต้องหันกลับมาดูแลความสัมพันธ์กับพระเจ้าและตัวเราเองมากขึ้น เพราะการพักไม่ใช่การถอย แต่คือการซ่อนตัวอยู่ในอ้อมแขนพระเจ้าพระเจ้ารักเราเสมอ
ไม่ว่าตอนนี้จะไฟแรงหรือกำลังหมดไฟ เราไม่ต้องพิสูจน์ตัวเอง เพราะพระเยซูพิสูจน์ความรักให้เราแล้ว
YOU MAY ALSO LIKE
คำสารภาพของผู้ที่มักทำตามความพอใจของผู้อื่น
WRITER: โจอันนา ตัน ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: Natty GraceEDITOR: ธนิตาวสี ชวาลปัญญาวงศ์ ถึงแม้ว่าฉันจะคุ้นเคยกับคำว่า “people-pleaser” หรือ “คนที่ต้องการเอาใจทุกคน” มาโดยตลอด แต่ฉันก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนเช่นนั้น...
ชีวิตที่ถูกซ่อนไว้จากความจริง
TRANSLATOR: เจ.ที.เอ็ม.EDITOR: Mustard Seed Team คุณเคยทำตัวเองหล่นหายไหม รู้สึกโกรธตัวเองและต่อว่าตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีกจากความผิดพลาดในชีวิตบ้างไหม หรือถามตัวเองว่าฉันเกิดมาทำไม หรือรู้สึกว่าโลกนี้มันไม่ได้มีที่ยืนสำหรับฉันเลย ความเจ็บปวดหรือความรู้สึกไร้ค่าเหล่านี้...
ฉันได้เรียนรู้อะไรเมื่อฉันสูญเสียตำแหน่งหน้าที่การงานไป
WRITER: บอนนี่ จูเนล วี. อะบานิด ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: ภาสินี ดำรงค์EDITOR: Mustard Seed Team คำนำหน้าชื่อหรือตำแหน่งเป็นสิ่งที่ไม่อาจคงอยู่ได้ตลอดไป...