
TRANSLATOR: เจ.ที.เอ็ม.
EDITOR: Mustard Seed Team
คุณเคยทำตัวเองหล่นหายไหม รู้สึกโกรธตัวเองและต่อว่าตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีกจากความผิดพลาดในชีวิตบ้างไหม หรือถามตัวเองว่าฉันเกิดมาทำไม หรือรู้สึกว่าโลกนี้มันไม่ได้มีที่ยืนสำหรับฉันเลย
ความเจ็บปวดหรือความรู้สึกไร้ค่าเหล่านี้ การโทษตัวเองและการต่อว่าตัวเองวนเวียนอยู่ในชีวิตของฉันมายาวนาน นานพอที่มันกัดกินจิตใจ ขโมยความสุขและความมั่นใจในตัวเองไปจนแทบไม่เหลืออะไรที่ทำให้รู้สึกว่าชีวิตมันจะเดินทางไปต่อได้ และเรื่องราวความเจ็บปวดเหล่านั้นนำฉันไปสู่วิธีที่ฉันคิดทำร้ายตัวเองอย่างรุนแรงที่สุด การรู้สึกไร้ค่าจนคิดว่าไม่สามารถจะหายใจต่อไปได้ในวันใหม่ วันพรุ่งนี้คืออีกวันที่จะเหน็ดเหนื่อยและไม่อยากจะให้ตัวเองก้าวไปถึงวันพรุ่งนี้ได้ ฉันคิดกับตัวเองว่าถ้าจากโลกนี้ไปแล้ว ความรู้สึกเจ็บปวดมันคงจะหายไปด้วย
ฉันนั่งร้องไห้กับตัวเองด้วยความเจ็บปวดที่รู้สึกไม่เป็นที่รัก ไม่ดีพอ ไม่เก่งพอ ไม่เป็นส่วนหนึ่งในความสัมพันธ์ โดดเดี่ยวและสิ้นหวัง ความคิดลบๆ กัดกินชีวิตของฉันมายาวนาน จนฉันเดินทางมาถึงวันที่ไม่อยากจะทำอะไรอีกต่อไปแล้ว แม้กระทั่งไม่อยากจะมีชีวิตอยู่
ฉันจำกัดทางเดินของตัวเอง คิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่มีเพียงแค่สองทางเลือก นั่นก็คือหายใจแบบรู้สึกไร้ค่าต่อไป หรือเลือกที่จะจบมันไปซะตอนนี้ ฉันเองก็เป็นคนหนึ่งที่เคยคิดว่าภาวะซึมเศร้ากับคริสเตียนดูออกจะสวนทางกัน ดูจะไม่ใช่วิถีชีวิตคริสเตียนที่ควรจะเป็น แต่ควรจะเต็มไปด้วยความสุข ความชื่นชมยินดีและมีสันติสุข แต่วินาทีนั้น
ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองถูกซ่อนไว้จากพระเจ้า พระเจ้าต้องมองไม่เห็นฉันแน่ๆ
ไม่สิ ฉันคิดไปเองว่าพระเจ้าไม่เคยมองมาที่ฉันเลยต่างหาก (ซึ่งฉันมารู้ทีหลังว่านั่นไม่ใช่ความจริง) การกล่าวโทษ การถูกต่อว่าต่างๆ มันทับถม มันหนัก มันปิดจนมองไม่เห็นความจริงของพระเจ้า
ขณะที่ฉันกำลังให้ทางเลือกกับตัวเองแค่สองทาง ในเวลานั้นมีเสียงเล็กๆ ในหัวของฉันบอกให้ฉันทักไปหาพี่ที่โบสถ์คนหนึ่ง ตอนนั้นเป็นเวลาใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว ฉันตัดสินใจทักไปโดยไม่ได้คาดหวังด้วยซ้ำว่าพี่เขาจะตอบกลับมา วินาทีนั้นฉันรู้ทันทีเลยว่าลึกๆ แล้ว ฉันก็ยังคงมีความหวังหลงเหลืออยู่ แม้ว่าความหวังนั้นจะริบหรี่และเล็กมากก็ตาม ฉันยังคงมีความหวังในพระเจ้า
พี่ที่โบสถ์คนนั้นหนุนใจตอบกลับมาว่า
พระเจ้ารักฉันเสมอ ฉันเป็นที่รักของพระเจ้า และสิ่งที่ฉันกำลังเผชิญอยู่คือคำโกหกของสิ่งที่ตั้งตัวอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับพระเจ้า
คำหนุนใจต่างๆ การบอกรักของพระเจ้าที่ยืนยันชัดเจนในพระคัมภีร์ ถูกส่งต่อมาถึงฉัน
มวลเมฆดำที่เคลื่อนตัวอยู่รอบๆ ตัวฉันค่อยๆ หลุดลอยออกไปด้วยความจริงจากพระคำพระเจ้า
“เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ที่ทรงมีต่อข้าพระองค์นั้นใหญ่ยิ่ง และพระองค์ทรงช่วยกู้ชีวิตของข้าพระองค์จากที่ลึก…” (สดุดี 86:13) นี่คือการเริ่มใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับพระเจ้า เพราะฉันเป็นคริสเตียนตั้งแต่เด็ก ไปโบสถ์ทุกอาทิตย์ แต่กลับไม่เชื่อว่าพระเจ้ารักฉัน กลับคิดว่าฉันไม่มีค่าและเกิดมาจากความไม่ตั้งใจ และรู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่าฉันนั้นไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง การบ่นต่อว่าพระเจ้า โทษว่าพระเจ้าไม่ได้ตั้งใจสร้างฉัน ช่างเป็นความคิดที่เหลวไหลสิ้นดี มันเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงกัน ฉันรับเอาคำโกหกของมารมายาวนานขนาดนี้เลยหรอ และถ้อยคำเหล่านั้นกัดกินความคิดและจิตวิญญาณ จนบดบังความจริงของพระเจ้าที่มีในชีวิตของฉัน
ก่อนหน้านี้ ฉันเคยเขียนเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้าทรงตั้งใจสร้างฉันและให้คุณค่าฉัน แต่ฉันกลับไม่สามารถอยู่กับความรู้สึกนั้นไปได้ยาวๆ ทั้งที่ความจริงคือพระเจ้าทรงปั้นแต่งฉันอย่างตั้งใจและด้วยความรัก ความจริงนี้ปรากฎในพระธรรมอิสยาห์ 64:8 “ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นดินเหนียว และพระองค์ทรงเป็นช่างปั้น ข้าพระองค์ทุกคนเป็นผลงานของพระหัตถ์พระองค์” ที่ผ่านมา เมื่อเจอกับปัญหาฉันก็วนกลับมาคิดว่าตัวเองไร้ค่า จนเกือบจะพาตัวเองไปถึงจุดที่ไม่สามารถเข้าใกล้พระเจ้าได้อีกเลย แบบนี้สินะที่เขาเรียกว่าคิดสั้น เพราะฉันลืมเรื่องชีวิตนิรันดร์ไปเสียสนิท ชีวิตนิรันดร์ที่พระเจ้าสัญญาไว้ ที่ฉันจะได้อยู่กับพระเจ้าบนแผ่นดินสวรรค์
ในพระธรรมยากอบ 4:14 ย้ำเตือนฉันว่าชีวิตบนโลกนี้มันแสนสั้น “แต่ท่านไม่รู้เรื่องของวันพรุ่งนี้ ชีวิตของพวกท่านเป็นเหมือนอะไร? ก็เป็นเหมือนหมอกที่ปรากฏอยู่เพียงชั่วครู่แล้วก็จางหายไป” ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ทรงรักฉันและพระองค์ทรงรู้ว่าฉันต้องการความรักของพระองค์มากขนาดไหน
พระเจ้ารู้จักฉันดีที่สุด รู้แม้กระทั่งจุดที่ฉันเองก็ยังไม่รู้จักตัวเองด้วยซ้ำ
และพระองค์ทรงทันเวลาเสมอ พระองค์ทรงมองดูฉันอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยละสายตาจากแก้วตาดวงใจดวงนี้เลยแม้สักวินาที
ความรักของพระเจ้ามีเขียนชัดเจนในพระคัมภีร์ที่ฉันไม่เคยจะเปิดอ่าน และนี่คงเป็นช่องทางที่มารสามารถเอาคำโกหกเหล่านั้นเข้ามาสู่ชีวิตฉันได้ง่ายๆ แน่นอนว่านี่คือการต่อสู้ในสงครามฝ่ายวิญญาณที่มารทำงานเพื่อไม่ให้คนที่พระเจ้ารัก รับรู้ถึงความรักของพระเจ้า มันคอยขัดขวางไม่ให้ฉันเข้าใกล้พระเจ้าหรือรับรู้ว่าพระเจ้ามีแผนการอะไรในชีวิต และที่สำคัญที่สุดมันไม่อยากให้ฉันมีสันติสุขที่แท้จริงจากพระเจ้า
ฉันถามตัวเองว่า ทำไมมันถึงได้เข้ามานั่งทำงานในชีวิตของฉันอย่างสบายใจ ความจริงก็คือ ฉันดันเป็นคนเปิดประตูต้อนรับมันเข้ามาเอง การที่ฉันเลือกที่จะใช้ชีวิตตามใจตัวเอง เท่ากับเข้าทางแผนการของพวกมัน เมื่อเวลาที่หลงไปกับเนื้อหนังของโลกนี้แล้วลืมพระเจ้า มารมันก็ค่อยๆ เข้ามายึดพื้นที่ในชีวิตของฉันทีละนิดมาขโมยความสุข สันติสุข และความชื่นชมยินดีไปจากฉัน “การเอาใจใส่เนื้อหนังก็คือความตาย และการเอาใจใส่พระวิญญาณ ก็คือชีวิตและสันติสุข” (โรม 8:6)
พระเจ้าให้อิสระในการเลือกใช้ชีวิตกับมนุษย์ทุกคน
พระเจ้าให้อิสระกับฉันในการตัดสินใจในการเลือกความรักของพระองค์ พระองค์ต้องการให้ฉันเลือกพระองค์โดยไม่บังคับ พระองค์ทรงสุภาพอ่อนโยนและอดทนรอคอยวันที่ฉันร้องบอกกับพระองค์ว่าฉันนั้นต้องการพระองค์ ฉันไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ พระหัตถ์ที่แข็งแแกร่ง (แต่ก็แสนจะอ่อนโยน) ของพระองค์จึงเข้ามาโอบอุ้มฉันไว้ให้ฉันรู้สึกปลอดภัยและวางชีวิตของฉันไว้บนศิลาที่มั่นคง ฉันค่อยๆ เข้าใจและรับเอาความรักของพระองค์เข้ามาในชีวิตของฉัน ไม่ว่าช่วงเวลาที่ยากลำบากของฉันจะเป็นอย่างไร พระองค์ก็ทรงเฝ้าดูแลอย่างไม่ละสายตา ร้องไห้กับฉันในวันที่ฉันร้องไห้ ยิ้มให้ฉันในวันที่ฉันกลับเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของพระองค์ เมื่อฉันได้ใช้เวลาส่วนตัวในการเฝ้าเดี่ยวและอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ
วันนี้ฉันมั่นใจแล้วว่าฉันคือลูกที่รักของพระองค์ เป็นที่รัก เป็นแก้วตาดวงใจของพระองค์
สุดท้ายนี้ ถ้าหากคุณกำลังเผชิญปัญหาหรือมรสุมชีวิต ฉันขอหนุนใจว่าพระเจ้ารอคอยวันที่คุณจะร้องเรียกหาพระองค์และยอมให้พระองค์เข้ามาช่วยกู้ พระเจ้าทรงเป็นความรักและในความรักนั้นไม่มีความกลัว และเมื่อฉันได้สัมผัสความรักของพระเจ้า พื้นที่ต่างๆ ที่มารเคยเข้ามายึดครองในชีวิตฉัน พระเจ้าใช้ความรักของพระองค์เข้ามายึดพื้นที่เหล่านั้นคืนกลับมาให้ฉัน พระองค์ทรงเติมเต็มพื้นที่ที่ว่างเปล่าด้วยความรักของพระองค์และให้อภัยฉันในทุกความผิดบาปที่ฉันได้ทำผ่านทางการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ ด้วยอำนาจความรักของพระคริสต์ ฉันได้คืนดีกับพระเจ้า (คุณก็สามารถคืนดีกับพระองค์ได้เช่นกัน) ฉันจึงพบความจริงของพระเจ้า และได้ค้นพบตัวตนที่แท้จริงของตัวเองในแบบที่พระเจ้าทรงสร้าง
YOU MAY ALSO LIKE
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน
WRITER: ฉีฉี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: นิศารัตน์ มั่นเกตุEDITOR: กรชวัล เพชรเลิศอนันต์ มันเป็นอีกหนึ่งวันที่ยาวนาน ในระหว่างที่ดูแลพวกลูกๆ สะสางงานต่างๆ ก็แทบจะไม่มีเวลาให้ได้พักหายใจเลย เมื่อลูกๆ...
ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?
WRITER: เมดาลีน คาลู ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: PinkEDITOR: Thitikarn Nithiuthai (Mesy) ฉันยังจำช่วงเวลาที่ฉันเริ่มต้นความสัมพันธ์กับพระเยซูได้ ราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงที่อากาศหนาวเย็นของเดือนมกราคม ฮันนาห์...
เสียงที่ดังพอ
WRITER: GRACESaoriEDITOR: Mustard Seed Team เคยไหม? ที่ในบางครั้งเสียงของใครบางคนก็ดังกว่าเสียงของตัวเอง เสียงนี้มักดังเร้าอยู่ภายในใจ บ่อยครั้งในเมื่อเราอยู่ในช่วงที่คิดไม่ตก ฟุ้งซ่าน หาทางออกไม่เจอหลายๆ สิ่ง แต่จะมีเสียงๆ นี้แหละ ที่กลับดังขึ้นมาหัวใจ...