fbpx
WRITER: แอนเดรีย โลว์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: Mustard Seed Team
EDITOR: Mustard Seed Team

ในช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนและความกลัว ความจริงที่ว่ามีหลายสิ่งที่เกินการควบคุมของเราทำให้ฉันรู้สึกกังวล อย่างไรก็ตามมีหลายครั้ง ที่เราทำได้เพียงล้างมือของพวกเราและใส่หน้ากาก

ขณะที่ฉันอ่านหนังสือพิมพ์รายวันและดูข่าวจำนวนผู้ติดเชื้อค่อยๆ เพิ่มขึ้น ความวิตกกังวลก็มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ฉันรู้ว่าฉันไม่ควรให้ตัวเองจมอยู่ในความกังวลและความกลัว มันค่อยๆ ทำให้ฉันรู้สึกไม่มีความสุขและหดหู่ใจ ดังนั้นฉันจึงกลับมาหาพระเจ้า

หลังจากที่ฉันอธิษฐานอย่างจริงจังเกือบทุกคืนตั้งแต่การแพร่ระบาดเริ่มจะเป็นที่น่ากังวล พระเจ้าเปิดจิตใจและหัวใจของฉันออกเพื่อให้เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น และเตือนความจำของฉันในบางสิ่ง

1. จดจำว่าพระเจ้าทรงควบคุมทุกสิ่ง

มันง่ายมากที่จะให้ความกังวลท่วมท้นชีวิตของเรา ไม่ว่าอย่างไรก็ตามไวรัสเป็นศัตรูที่มองไม่เห็นและไม่สามารถควบคุมได้

แทนที่จะยอมแพ้ต่อความกังวล ให้เราโฟกัสที่พระสัญญาว่าทุกสิ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของพระเจ้า

ให้เราลองมองดูรอบๆ ตัวเราและเห็นถึงการจัดเตรียมของพระเจ้าท่ามกลางช่วงเวลานี้

สำหรับฉัน ฉันเห็นการจัดเตรียมของพระเจ้าอย่างมากมายบนโต๊ะอาหารที่มีอาหารเพียงพอเสมอ ฉันเห็นการจัดเตรียมของพระเจ้าสำหรับบ้านของครอบครัวที่พวกเราไม่ต้องกังวลเรื่องการเช่า ฉันเห็นการจัดเตรียมของพระเจ้าสำหรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ดีและเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่ทำให้ฉันสามารถติดต่อและเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแบบออนไลน์ได้

การได้รู้ว่าพระเจ้าทรงจัดเตรียมสิ่งต่างๆ มากมายให้กับฉันแม้ก่อนที่ฉันจะทูลขอต่อพระองค์ สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงห่วงใยเราอย่างมากมาย สิ่งเหล่านี้บอกกับเราว่าเราไม่ต้องกลัวหรือกังวลเพราะพระบิดาในสวรรค์ทรงทราบความต้องการของเรา (มัทธิว 6:32) และพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงนี้ให้ (มัทธิว 6:33)

แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ถ้าเราต้องสูญเสียคนที่รักหรือกำลังตกงาน พระเจ้าทรงเห็นและได้ยินทุกสิ่ง พระองค์รับรู้ถึงความเจ็บปวดของเรา พระเจ้าทรงรับรู้ถึงความต้องการของเรา และในเวลาของพระเจ้า พระองค์จะทรงประทานสิ่งทั้งปวงให้ ซึ่งพระองค์ทรงทำเช่นนี้เสมอมา

 

 

2. มอบปัญหาทั้งหมดของเราไว้กับพระเจ้า

ขณะที่อ่านข่าวทุกๆวัน ตัวเลขผู้ติดเชื้อทำให้ฉันรู้สึกกลัว ตัวเลขเหล่านั้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จำนวนผู้เสียชีวิตมากขึ้นและมากขึ้น ฉันมักสงสัยว่าเมื่อไหร่เรื่องนี้จะจบเสียที

ฉันรู้สึกคุ้นเคยกับคำพูดที่ว่า “มันจะต้องแย่สุดๆ ก่อนที่มันจะดีขึ้น” แต่มันต้องแย่ลงเท่าไหร่กันก่อนที่สิ่งต่างๆ จะค่อยๆ ดีขึ้น?

เมื่อไหร่ความยากลำบากนี้จะสิ้นสุด?

ในขณะที่เราโจมตีพระเจ้าด้วยคำถามเหล่านี้ มันง่ายมากที่จะรู้สึกหมดความอดทนเมื่อเราไม่ได้เห็นคำตอบที่เรากำลังตามหา แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น เรายังสามารถวางความเชื่อของเราไว้ในพระเจ้า พวกเรารู้ว่าวันเวลาของพระเจ้าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด (ปัญญาจารย์ 3:1) และแม้ท่ามกลางการแพร่ระบาด เรารู้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างร่วมกันก่อผลดี (โรม 8:28) และดังนั้นพระเจ้าจะทรงอยู่กับเราในทุกๆ ก้าวของการเดินทาง และพระองค์ทรงเฝ้าดูเราและประทานสิ่งต่างๆ สำหรับเราเสมอ

แม้ว่าในเวลาที่พวกเรามีคำถามต่างๆ เกี่ยวกับการแพร่ระบาดนี้จะยาวนานเท่าไหร่ คำถามเกี่ยวกับความปลอดภัยของคนที่เรารัก พวกเราสามารถเชื่อวางใจพระเจ้าได้ ฉันพยายามนำปัญหาต่างๆ มามอบไว้กับพระเยซูแทนที่จะสงสัยในความดีงามและความรักของพระองค์ ฉันพยายามหาคำตอบในพระคัมภีร์และอธิษฐาน ฉันสละความสงสัยทุกอย่างที่ฉันมีต่อพระเยซู เช่น พระองค์จะทรงปกป้องคนที่ฉันรักจากอันตราย และฉันทูลขอให้พระองค์ช่วยฉันที่จะปรับความสนใจมาที่พระองค์และการทรงครอบครองของพระองค์ แม้ฉันอาจจะไม่ได้คำตอบในทันที ฉันกลับรู้สึกได้รับการหนุนใจและได้รับการเสริมสร้างความเชื่อ

 

 

3. รู้ว่าคุณเกิดมาเพื่อช่วงเวลาแบบนี้

หลังจากที่อธิษฐานและคิดไตร่ตรองแล้ว ฉันเข้าใจแล้วว่าการแพร่ระบาดครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีที่เราจะทำงานเพื่อขยายแผ่นดินของพระเจ้า เมื่อชาวยิวกำลังเผชิญกับอันตรายใหญ่หลวง โมรเดคัยบอกกับพระนางเอสเธอร์ว่า “ที่จริงเธอมารับตำแหน่งราชินีก็เพื่อยามวิกฤตเช่นนี้ก็เป็นได้นะ ใครจะรู้” (เอสเธอร์ 4:14) เหมือนกับพระราชินีเอสเธอร์ พวกเราทุกคนต่างมีบทบาทที่จะต้องเล่น มีความเชื่อและใช้ทุกๆ โอกาสหรือความสามารถที่เรามีเพื่อพระเจ้า เพราะว่าเราเกิดมาเพื่อช่วงเวลาเหล่านี้

มีหลายสิ่งที่พวกเราสามารถทำได้เพื่อผู้อื่นและแบ่งปันความรักของพระเจ้าให้แก่โลกนี้ สำหรับฉัน ฉันอยากจะใช้ของประทานในการเขียนเพื่อเข้าถึงและหนุนใจผู้คนเสมอมา ฉันไม่ได้ทำมันมานานมาก แต่ในที่สุดฉันนั่งลงกับตัวเองและเริ่มเขียน และนี่คือที่มาของบทความฉบับนี้

มันมีจะบางสิ่งบางอย่างที่พวกเราสามารถทำได้ พวกเราสามารถติดต่อไปยังญาติๆ หรือเพื่อนของเรา ถามพวกเขาว่าเป็นอย่างไรบ้าง แค่เพียงอะไรเล็กๆ น้อยๆ เช่น คำพูดที่จริงใจสามารถสัมผัสจิตใจของผู้คนได้ เราสามารถใช้ความสามารถที่พระเจ้าทรงประทานให้กับเราเพื่อแบ่งปันข่าวประเสริฐ เราสามารถหนุนใจผู้อื่นได้โดยการเขียนข้อความเสริมสร้างกำลังใจ พวกเราสามารถบริจาจเพื่อผู้คนที่ต้องการถ้าพวกเรามีกำลัง เราสามารถกอดทุกๆ คนไว้ในคำอธิษฐาน เพราะพวกเราทุกคนเผชิญสถานการณ์นี้ร่วมกัน

เราสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้ในสถานการณ์นี้ และพระเจ้าทรงเห็นคุณค่ากับน้ำพักน้ำแรงที่เราได้ทำเพื่อขยายแผ่นดินของพระองค์ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะยิ่งใหญ่หรือเล็กน้อยก็ตาม

ถึงแม้ว่าตอนนี้เราอาจจะใช้ชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่มีความมั่นคง อย่าให้เราสูญเสียความหวังและความเชื่อ ให้ดวงตาของเราจับจ้องและหัวใจของเรามุ่งตรงไปที่พระเยซู และพระองค์จะทรงเดินเคียงข้างเรานำเราก้าวข้ามผ่านพายุในครั้งนี้ไปด้วยกัน ฉันเลิกที่จะกังวลหรือกลัวอีกต่อไป เพราะว่า “แม้ข้าพระองค์จะเดินฝ่าหุบเขาเงามัจจุราช ข้าพระองค์ไม่กลัวอันตรายใดๆ เพราะพระองค์สถิตกับข้าพระองค์ คทาและธารพระกรของพระองค์ปลอบโยนข้าพระองค์” (สดุดี 23:4) พระเจ้าทรงอยู่กับเราทุกๆ ก้าวของเส้นทาง

YOU MAY ALSO LIKE

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน

WRITER: ฉีฉี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: นิศารัตน์ มั่นเกตุEDITOR: กรชวัล เพชรเลิศอนันต์ มันเป็นอีกหนึ่งวันที่ยาวนาน ในระหว่างที่ดูแลพวกลูกๆ  สะสางงานต่างๆ  ก็แทบจะไม่มีเวลาให้ได้พักหายใจเลย เมื่อลูกๆ...

ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?

ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?

WRITER: เมดาลีน คาลู ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: PinkEDITOR: Thitikarn Nithiuthai (Mesy) ฉันยังจำช่วงเวลาที่ฉันเริ่มต้นความสัมพันธ์กับพระเยซูได้ ราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงที่อากาศหนาวเย็นของเดือนมกราคม ฮันนาห์...

เสียงที่ดังพอ

เสียงที่ดังพอ

WRITER: GRACESaoriEDITOR: Mustard Seed Team เคยไหม? ที่ในบางครั้งเสียงของใครบางคนก็ดังกว่าเสียงของตัวเอง เสียงนี้มักดังเร้าอยู่ภายในใจ บ่อยครั้งในเมื่อเราอยู่ในช่วงที่คิดไม่ตก ฟุ้งซ่าน หาทางออกไม่เจอหลายๆ สิ่ง แต่จะมีเสียงๆ นี้แหละ ที่กลับดังขึ้นมาหัวใจ...

Share This