WRITER: เจเนล บริเทนสไตน์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: สรสิทธิ์ ธัมมารักขิตานนท์
EDITOR: ธัญธร จันทสุทธิบวร
ฉันยังจำได้ดีถึงชีวิตม.ปลายที่แสวงหาพระเจ้าอย่างจริงจัง ถ้าฉันเลือกได้เพียงอย่างเดียวในโลกนี้สิ่งที่ฉันเลือกก็คือการรักษาชีวิตให้บริสุทธิ์ต่อพระเจ้า บางทีคุณอาจจะมีประสบการณ์เช่นเดียวกันกับฉัน คือการที่เราตั้งใจจดจ่อที่พระเจ้าอย่างจริงจัง แม้จะดูเหมือนเป็นคนเคร่งศาสนาก็ตาม
แต่พอมองย้อนกลับไป ฉันคิดว่าจริงๆ แล้วสิ่งที่ฉันต้องการคือความสมบูรณ์แบบ
ฉันเป็นคนประเภทที่ชอบความสมบูรณ์แบบ (perfectionist) เว็ปไซต์ WordPress แสดงข้อมูลให้เห็นว่าฉันแก้บทความล่าสุดของฉันไปตั้ง 13 ครั้ง บ่อยครั้งที่ฉันต้องกลับมาเช็คซ้ำๆ ว่าสิ่งที่ทำอยู่ดีที่สุดแล้วหรือยัง ที่จริงแล้วมันเป็นความต้องการของฉันที่อยากจะทำให้คนอื่นประทับใจ (เพื่อนของฉันคนหนึ่งมักจะหัวเราะเสมอเมื่อเธอมาถึงบ้านของฉัน ฉันมักจะวิ่งไปเตรียมผ้าเช็ดมือผืนใหม่ไว้ในห้องน้ำเสมอ เพียงเพราะเพื่อนคนนั้นเคยขอมันจากฉัน)
สองปีหลังจากการใช้ชีวิตม.ปลาย ในที่สุดฉันก็ตระหนักได้ว่า เหตุผลเดียวที่ฉันต้องการจะเป็นคนที่สมบูรณ์แบบคือเพราะว่าฉันไม่ชอบความล้มเหลวของตัวเอง แต่ฉันไม่ได้เกลียดความบาปและเนื้อหนังที่อ่อนแอเพราะมันทำให้พระเจ้าเสียใจ ฉันเกลียดสิ่งเหล่านี้เพียงเพราะฉันคิดว่าฉันเป็นคนที่ดีกว่านั้นได้ มันเป็นเหมือนรอยร้าวเล็กๆ บนปูนขาวที่ฉาบบังไว้ด้านหน้า มันเป็นเหมือนจุดอ่อนของฉัน ฉันไม่ได้เกลียดบาปเพราะว่าฉันรักพระเจ้า แต่ฉันเกลียดบาปเพราะว่าฉันรักตัวเอง ฉันรักความสำเร็จ ความดี…ความชอบธรรมของตัวฉันเอง
คุณอาจคิดสงสัยในใจว่า การที่เราต้องการจะเป็นคนที่สมบูรณ์แบบมันผิดตรงไหน? ก็พระเจ้าไม่ใช่หรือ ที่บอกว่า “จงเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ เพราะพระบิดาแห่งฟ้าสวรรค์ของท่านนั้นสมบูรณ์แบบ”? ไม่ควรหรือที่เราจะไม่อ่อนข้อให้กับความอ่อนแอและความบาป?
สังเกตดีๆ จะเห็นว่าความต้องการของฉันที่จะเป็นอิสระจากความอ่อนแอได้ซ่อนอยู่โดยมีคำว่า “ความบริสุทธิ์” มาบังหน้า และพระเจ้าแห่งการทุ่มเทต่างๆ ก็คือตัวของฉันเอง ความไม่มั่นคงในใจได้ท่วมท้นอยู่รอบๆ ความผิดพลาดของฉัน มันรั่วเข้ามาเวลาที่ฉันไปไม่ถึงอุดมคติที่ตั้งไว้ สามีของฉันเตือนว่าความเย่อหยิ่งกับความไม่มั่นคงจริงๆ แล้วเป็นบาปชนิดเดียวกัน สองสิ่งนี้ทำให้ฉันมีความคิดว่าฉันไม่มีความสามารถพอที่จะบรรลุเป้าหมายได้ด้วยตัวของฉันเอง
เวลาที่ฉันไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่อยากให้ตัวเองเป็น ฉันรู้สึกไร้ค่าและไม่มั่นคง แต่ถ้าครั้งไหนที่ฉันทำได้ตามมาตรฐานที่ตัวเองตั้งไว้ ฉันจะรู้สึกเหมือนเป็นเบอร์หนึ่งของโลกใบนี้ รู้สึกเหนือกว่าคนอื่น
ทั้งความภาคภูมิใจในตัวเองและความรู้สึกว่าไม่มั่นคง ทั้งสองอย่างนี้ไม่ได้เป็นผลจากการยอมรับสิ่งที่พระเจ้ามีให้แก่ฉันหรือคุณค่าในตัวฉันที่พระองค์มอบให้ แต่มันมาจากการทุ่มเทตามคาดหวังของตัวฉันเอง
แต่ตอนนี้ ฉันเริ่มมองว่าความบริสุทธิ์นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเราปราศจากความผิดหรือความเข้มแข็งของเรา ฉันไม่เชื่อแล้วว่ามันจะขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์แบบของพฤติกรรมที่ฉันแสดงออกมา สุดท้ายแล้วหัวใจของฉันเป็นเหมือนหัวหอมเน่า ยิ่งฉันค้นพบความจริงเกี่ยวกับพระเจ้าและตัวเองมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนขยะในตัวฉันถูกลอกออกมามากขึ้นเท่านั้น
ศิษยาภิบาลและนักเขียนชาวอเมริกันท่านหนึ่งชื่อว่า เจ.ดี. กีร์อาร์ เขียนไว้ในหนังสือของเขาว่า “มีศาสนาอยู่สองประเภท หนึ่งคือประเภทที่สอนให้คุณเชื่อฟังเพื่อเป็นที่ยอมรับและประเภทที่สองคือสอนว่าคุณเชื่อฟังเพราะคุณได้รับการยอมรับ ทุกเรื่องราว…จากในพระคัมภีร์…พระเจ้าต้องเจอกับการที่มนุษย์พยายามทำสิ่งต่างๆ ให้ตัวเองรอดพ้นจากความบาปเสมอ
พระเยซูได้รับคำเอาคำพิพากษาของฉันไปแล้ว พระองค์ยอมรับฉัน ฉันเป็นผู้บริสุทธิ์นักศาสนศาสตร์และศิษยาภิบาลชาวอเมริกัน ทิโมธี เคลเลอร์ เขียนไว้ว่า “ในการเป็นคริสต์ศาสนิกชน การพิพากษาทำให้เกิดการกระทำ ไม่ใช่เพราะการกระทำจึงทำให้เกิดการพิพากษา” ในวันที่ฉันยอมรับคำพิพากษาของพระเยซูว่า “ฉันเป็นผู้บริสุทธิ์” พระเจ้าตรัสกับฉันเหมือนตอนที่พระองค์พูดกับพระเยซูว่า “ผู้นี้คือบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก”
ความต้องการเป็นผู้ที่บริสุทธิ์ของฉันไม่ได้ มีแรงจูงใจจาก ความกลัวที่จะล้มเหลว ความอ่อนแอ กลัวจะไม่เป็นที่ยอมรับ ตอนนี้ความต้องการเป็นผู้ที่บริสุทธิ์ของฉันถูกขับเคลื่อนด้วยความเชื่อที่ว่าฉันได้รับการยอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไขและได้รับอย่างท่วมท้นและขอบพระคุณที่ฉันไม่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมอีกต่อไป
หมายความว่าฉันไม่ต้องพยายามที่จะทำสิ่งต่างๆ เพื่อให้รอดจากความบาปอีกต่อไปและปล่อยให้เป็นพระเจ้าเป็นผู้ไถ่ฉันแทน ความบริสุทธิ์ของฉันขับเคลื่อนด้วยการยอมรับจากพระเจ้าจากที่เมื่อก่อนขับเคลื่อนด้วยความกลัว
แทนที่จะควบคุมว่าการกระทำภายนอกของฉันจะเป็นอย่างไร การรักษาชีวิตให้บริสุทธิ์ในตอนนี้เหมือนกับการนมัสการพระเจ้า เป็นความหวงแหนที่จะให้ชีวิตฉันเป็นของพระองค์เพียงผู้เดียว ฉันมองว่าการมีชีวิตที่บริสุทธิ์แท้จริงแล้วคือการมีพระเจ้าเป็นศูนย์กลางและอยู่เพื่อพระองค์ ส่วนการเป็นคนที่หลงใหลในความสมบูรณ์แบบนั้นคือการอยู่เพื่อตัวฉันเอง หรืออาจจะพูดได้ว่าการกระทำของฉันในตอนนี้มาจากความรักอันบริสุทธิ์ของพระเจ้าแทนการตะเกียกตะกายเพื่อไขว่คว้าการยอมรับจากพระเจ้า
นั้นก็หมายความว่าเมื่อฉันใช้คำพูดที่ทำให้สามีของฉันเกิดความรู้สึกเจ็บปวด ซึ่งมันก็เกิดขึ้นเร็วๆ นี้เอง ฉันไม่ต้องรู้สึกผิดเพราะการเป็น”ภรรยาที่แย่”ของฉันหรือว่าฉันมีพฤติกรรมที่ขัดต่อคุณลักษณะที่ดีของฉัน ถ้าสิ่งที่ออกจากปากนั้นไหลออกมาจากใจของฉัน (มัทธิว 12:34) ฉันก็ต้องยอมรับในสิ่งที่ฉันเป็น ก็คือฉันเป็นคนบาป ฉันสามารถสารภาพต่อสามีโดยไม่พยายามที่จะเลี่ยงหรือปฏิเสธความผิดหรือพยายามพูดให้ฉันดูดี ฉันสามารถจะขอให้เขายกโทษ จากนั้นก็ทิ้งตัวลงนอนอย่างสบายใจเพราะฉันรู้ว่าพระเจ้าเปลี่ยนแปลงฉันจากข้างในและคุณค่าของตัวฉันก็ยังคงขึ้นอยู่กับคำพิพากษาของพระเยซูที่มีต่อตัวฉัน ณ ห้องพิพากษาของพระเจ้า
ที่จริงแล้ว การกระทำของพระองค์นั้นน่าเชื่อถือกว่าของฉันเยอะเลย ความสามารถของฉันมลายหายไปเมื่อเทียบกับความสมบูรณ์แบบของพระองค์ ตอนนี้ฉันให้ความสำคัญน้อยลงไปทุกทีกับการกระทำที่ฉาบฉวยของฉัน
ชีวิตที่บริสุทธิ์ ที่จริงแล้วคือเชื่ออย่างสุดใจในการกระทำที่สมบูรณ์แบบ แน่นอนว่านั่นไม่ใช่การกระทำของฉัน
YOU MAY ALSO LIKE
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน
WRITER: ฉีฉี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: นิศารัตน์ มั่นเกตุEDITOR: กรชวัล เพชรเลิศอนันต์ มันเป็นอีกหนึ่งวันที่ยาวนาน ในระหว่างที่ดูแลพวกลูกๆ สะสางงานต่างๆ ก็แทบจะไม่มีเวลาให้ได้พักหายใจเลย เมื่อลูกๆ...
ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?
WRITER: เมดาลีน คาลู ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: PinkEDITOR: Thitikarn Nithiuthai (Mesy) ฉันยังจำช่วงเวลาที่ฉันเริ่มต้นความสัมพันธ์กับพระเยซูได้ ราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงที่อากาศหนาวเย็นของเดือนมกราคม ฮันนาห์...
เสียงที่ดังพอ
WRITER: GRACESaoriEDITOR: Mustard Seed Team เคยไหม? ที่ในบางครั้งเสียงของใครบางคนก็ดังกว่าเสียงของตัวเอง เสียงนี้มักดังเร้าอยู่ภายในใจ บ่อยครั้งในเมื่อเราอยู่ในช่วงที่คิดไม่ตก ฟุ้งซ่าน หาทางออกไม่เจอหลายๆ สิ่ง แต่จะมีเสียงๆ นี้แหละ ที่กลับดังขึ้นมาหัวใจ...