WRITER: คิว แจ็คสัน ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: ศุภิสรา เจริญศรีศิลป์
EDITOR: ฤกษ์สิน เขมสุนทร
ของประทานฝ่ายวิญญาณของคุณคืออะไร?
นี่คือคำถามที่ฉันถูกถามมาโดยตลอดในการเข้ากลุ่มเซลล์หลายครั้ง คำถามและบทสนทนาเหล่านั้นมันทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดใจอยู่เสมอ และฉันก็พึ่งจะเริ่มปะติดปะต่อเหตุผลได้ว่าทำไมฉันถึงรู้สึกแบบนั้น
มันเริ่มจากประโยคที่ว่า “ต่อไปเป็นเวลาที่เราจะมาแบ่งปันเกี่ยวกับของประทานฝ่ายวิญญาณของเรากัน” ซึ่งบ่อยครั้งมันดันกลายเป็นเวลาที่ทุกคนพูดถึงทักษะส่วนตัว หรือคุณสมบัติส่วนตัว และได้ให้สัญลักษณ์หรือแปะยี่ห้อทักษะและคุณสมบัติเหล่านั้นด้วยชื่อต่างๆ จากของประทานในพระคัมภีร์ บทสนทนาเหล่านั้นเป็นการจดจ่ออยู่ที่ตัวเอง และดูเหมือนว่าจะมีอยู่หลายคนทีเดียวที่สับสนว่าความสามารถพิเศษ (หรือพรสวรรค์) เหล่านั้นคือของประทานฝ่ายวิญญาณ
ฉันยังสงสัยอีกด้วยว่าทำไมไม่มีใครในโบสถ์ของฉันที่พูดถึงของประทานฝ่ายวิญญาณ จำพวกการพูดภาษาแปลกๆ หรือการพยากรณ์ หรือว่าของประทานเหล่านี้ตกยุคไปแล้ว หรือว่าสมาชิกในโบสถ์ของฉันกำลังพลาดอะไรบางอย่างไป?
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา การค้นหาคำอธิบายของคำถามเหล่านี้ได้เปิดเผยให้ฉันเห็นถึงความเข้าใจผิดที่สำคัญสองข้อที่ฉันไม่เคยตระหนักถึงเกี่ยวกับของประทานฝ่ายวิญญาณ ซึ่งมันช่วยให้ฉันได้เข้าใจ ได้แสวงหา และได้ซาบซึ้งถึงของประทานเหล่านั้นมากขึ้นไปอีกในระดับหนึ่ง
ของประทานฝ่ายวิญญาณนั้นแตกต่างจากความสามารถพิเศษ
ฉันใช้เวลาตลอดหน้าร้อนไปกับการฝึกงานในองค์กรวัยรุ่นคริสเตียน และด้วยตำแหน่งงานทำให้ฉันได้มีโอกาสขึ้นพูดในงานวัยรุ่นหลายงานตลอดหน้าร้อน เอาจริงๆ แล้ว ฉันพูดต่อหน้าสาธารณะชนค่อนข้างแย่มากๆ มันไม่ใช่ความสามารถพิเศษของฉันเลยจริงๆ
ในครั้งแรก ฉันพยายามที่จะพูดตามความสามารถและทักษะของฉัน และก็เป็นไปตามคาด ฉันรู้สึกประหม่า เด็กนักเรียนก็ถูกดึงความสนใจ ฉันเองก็พูดได้ไม่ชัดเจน และในช่วงสุดท้ายของการพูดนั้น ฉันคิดว่าทุกคนก็คงรู้สึกอึดอัดใจและรู้สึกขอบคุณที่การพูดนั้นจบลงซะที
ขอบคุณพระเจ้าที่ความสามารถพิเศษ (หรือพรสวรรค์) และกำลังของเราเองนั้นไม่เหมือนกับของประทานฝ่ายวิญญาณ
บางครั้งพระเจ้าก็ทำให้เราประหลาดใจโดยอนุญาตให้เราทำอะไรบางอย่างที่เราไม่ได้มีความสามารถพิเศษในด้านนั้นเลย
มีอยู่งานหนึ่งในช่วงหน้าร้อนนั้นที่ฉันจะต้องพูดต่อหน้าคนทั้งงาน ในครั้งนี้ แทนที่ฉันจะพึ่งพาตนเอง ฉันกลับเลือกที่จะปล่อยวางการควบคุมแผนงานของฉันและได้อธิษฐานเสาะแสวงหาพระประสงค์ของพระเจ้าเพื่อที่จะได้รู้ว่าฉันจะต้องพูดอะไรกับเด็กนักเรียนและจะต้องพูดยังไง และก็กลายเป็นว่า พระวิญญาณของพระเจ้าได้ช่วยนำฉันในการพูดแบ่งปันครั้งนั้น เด็กนักเรียนต่างตอบสนองอย่างมีส่วนร่วมและตื่นตัวกับสิ่งที่ได้ฟังสุดๆ ในตอนนั้นเองที่ฉันได้สัมผัสประสบการณ์ในการมีของประทานด้านการสอน
แน่นอนว่าบางทีพระเจ้าก็ทรงพัฒนาความสามารถพิเศษหรือพรสวรรค์ที่เรามีอยู่ และใช้มันในงานของพระองค์ ของประทานฝ่ายวิญญาณและความสามารถพิเศษอาจจะทับซ้อนกันอยู่บ้าง แต่ฉันคิดว่าข้อแตกต่างที่สำคัญก็คือความสามารถพิเศษและจุดแข็ง (คุณลักษณะ) เป็นสิ่งที่สามารถพัฒนาได้ด้วยความพยายามของมนุษย์ ซึ่งแตกต่างจากพระวิญญาณ พูดอีกแง่ก็คือ ของประทานนั้นถูกเสริมสร้างทำให้เกิดผลได้ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และอยู่นอกเหนือจากความพยายามของเราเอง
มากไปกว่านั้น พระเจ้าไม่เคยใช้ของประทานฝ่ายวิญญาณเพื่อยกย่องเกียรติยศชื่อเสียงของมนุษย์ ของประทานฝ่ายวิญญาณทำงานผ่านประชากรของพระเจ้า มีวัตถุประสงค์เพื่อการขยายอาณาจักรและพระสิริของพระองค์
ของประทานอันน่าอัศจรรย์ยังคงเกิดขึ้นในปัจจุบัน
ในพระธรรม 1 โครินธ์ 12:9-10 เปาโลเขียนถึงของประทานแห่งการรักษาโรค การพยากรณ์ และการพูดภาษาแปลกๆ แต่โบสถ์ที่ฉันเติบโตขึ้นมานั้นพยายามหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงของประทานเหล่านี้ เมื่อเราพูดถึงเรื่องของประทานฝ่ายวิญญาณ โบสถ์ของฉันมักจะให้ความสนใจแต่กับการเป็นผู้นำ การปรนนิบัติ การสอน และการหนุนใจ (โรม 12:6-8) อย่างที่คุณรู้กันนั่นแหละ… พวกของประทานที่จะไม่มีประเด็นให้เกิดการโต้เถียงกัน
เป็นความจริงที่ว่าการทรงสำแดงของพระวิญญาณบริสุทธิ์ นั้นแต่ละบุคคลก็ได้รับการทรงสำแดงในแบบที่แตกต่างกัน และก็เป็นความจริงที่ว่าพระเจ้าของเราทรงเหมือนเดิมทั้งวานนี้ วันนี้ และตลอดไป (ฮีบรู 13:8) ฉันไม่เคยพูดภาษาแปลกๆ หรือเห็นการรักษาคนพิการให้หายอย่างอัศจรรย์ด้วยตาของตัวเอง และฉันก็รู้จักคริสเตียนหลายคนที่เชื่อว่าของประทานอันแสนอัศจรรย์เหล่านี้ได้หมดลงไปตั้งแต่สมัยของอัครทูตแล้ว แต่ไม่นานมานี้เอง ฉันก็ได้เรียนรู้ว่าการที่ฉันไม่เคยมีประสบการณ์กับอะไรบางอย่าง ไม่ได้หมายความว่าสิ่งเหล่านั้นไม่มีจริง
ความจริงก็คือ พระเจ้าได้ให้เพื่อนสนิทหลายคนและคนในครอบครัวของฉันมีของประทานฝ่ายวิญญาณในการพยากรณ์ การเห็นนิมิต การพูดภาษาแปลกๆ และแม้แต่การรักษาโรค แต่ก่อนนั้นเมื่อฉันได้ยินคนพูดถึงเรื่องของของประทานเหล่านี้ ฉันจะรู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผล และก็ไม่เห็นค่าในสิ่งเหล่านี้สักเท่าไหร่ เพราะว่าของประทานเหล่านี้มันแปลกและห่างไกลจากตัวฉันมาก แต่เดี๋ยวนี้เมื่อฉันได้ยินคำพยานจากผู้คนที่มีประสบการณ์ในการใช้ของประทานเหล่านี้เพื่อยกย่องถวายเกียรติพระเจ้า มันก็ทำให้ฉันสรรเสริญพระเจ้าและนำฉันให้มีความปรารถนาอย่างแท้จริงที่จะมีประสบการณ์เหล่านี้ร่วมกับพระองค์เช่นกัน (1โครินธ์ 14:39-40)
ฉันมีความมั่นใจว่าฤทธานุภาพของพระเจ้ายังคงเต็มบริบูรณ์อยู่ในวันนี้เช่นเดียวกับเมื่อวาน
พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่และเปี่ยมด้วยฤทธานุภาพ แทนที่จะลดคุณค่าในการทำงานของพระเจ้าผ่านประชากรของพระองค์ เราควรที่จะเชื่อวางใจว่าพระองค์จะทรงให้ของประทานกับเราในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งมักจะสอดคล้องกับแผนการที่สมบูรณ์แบบและเวลาที่เหมาะสมของพระองค์
แสวงหาพระวิญญาณต่อไป
การที่ฉันสามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างความสามารถพิเศษและทักษะของฉันเองออกจากของประทานฝ่ายวิญญาณได้นั้นเป็นสิ่งที่ช่วยเหลือฉันอย่างมาก สำหรับฉันซึ่งเป็นคนที่ไม่รู้สึกว่าตัวเองมีความสามารถพิเศษในด้านใดด้านหนึ่งโดยเฉพาะเลย ฉันก็ได้เข้าใจแล้วว่าพระเจ้าทรงทำงานผ่านฉันอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้เก่งในด้านใดๆ เลย แต่นั่นเป็นเพราะว่ามันไม่ได้ขึ้นอยู่กับฉันและทักษะความสามารถของฉัน แต่ขึ้นอยู่กับพระเจ้าและฤทธานุภาพของพระวิญญาณของพระองค์!
พระเจ้าทรงประทานสิ่งที่จำเป็นสำหรับเราเพื่อที่จะให้เราได้บรรลุวัตถุประสงค์ของพระองค์ บางครั้งสิ่งเหล่านั้นอาจอยู่ในรูปแบบของการปรนนิบัติ การสอน การหนุนใจ หรือการให้ (หรือการถวาย) แต่ในบางครั้ง มันก็อยู่ในรูปแบบของของประทานแห่งการรักษาโรค การพูดภาษาแปลกๆ หรือการพยากรณ์ ฉันรู้ว่าพระเจ้าทรงมีฤทธิ์อำนาจสูงสุด และพระองค์ก็ทรงแสดงอำนาจเหล่านั้นในหลากหลายรูปแบบ การยอมรับในเรื่องนี้ช่วยให้ฉันสรรเสริญพระเจ้าและแสวงหาพระองค์มากขึ้น!
YOU MAY ALSO LIKE
กังวลจนไม่หลับไม่นอน
WRITER: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ฉันนอนไม่หลับทั้งคืน บางคืนเราก็มีอาการนอนไม่หลับ หลับๆ ตื่นๆ พอเช้าตื่นมาก็ไม่สดชื่น อารมณ์ไม่ดี การนอนไม่หลับส่งผลกระทบต่อคนส่วนใหญ่เป็นครั้งคราว แต่สําหรับบางคนอาจเจอปัญหานี้เป็นประจำ...
ทำไมเราถึงไม่กล้าปฏิเสธ
WRITER: ซาร่า โซ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: สุมิตรา ชามรามดาบานEDITOR: ปวีณา นิลบุตร “ถ้าใช่ก็จงบอกว่าใช่ ถ้าไม่ใช่ก็จงบอกว่าไม่ใช่” (ยากอบ 5:12) ขณะที่ฉันเขียนข้อความนี้ ฉันเพิ่งจะพูดว่า "ไม่" ที่จะฟังความขัดข้องใจของแม่เรื่องคนสนิทในครอบครัว...
พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)
WRITER: แคทเธอรีน ฟลินน์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ในปี 2003 ฉันอายุ 24 ปี และอาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษตอนที่ฉันถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยเพื่อนร่วมห้องของฉัน...