
WRITER: เกรซ ลิม ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: Mustard Seed Team
EDITOR: Mustard Seed Team
เพื่อนร่วมงานที่ชอบแทงข้างหลัง หัวหน้างานที่ไม่เอาใจใส่ ภาระงานที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถจัดการได้ นี่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ฉันลาออกจากงาน
ฉันทำงานให้กับบริษัทนี้มาเป็นเวลา 10 ปีตั้งแต่ฉันเรียนจบมหาวิทยาลัย ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ฉันเคยคิดที่จะลาออกจากงาน แต่ฉันไม่มีความกล้าพอที่จะลาออก ดังนั้นฉันจึงอดทนมาเรื่อยๆ จนกว่าจะทนไม่ได้อีกต่อไป
หลายเดือนที่เต็มไปด้วยความผิดหวังนำไปสู่การลาออกของฉัน มันเริ่มจากผู้จัดการของฉันลาออกและบริษัทมีปัญหาเรื่องการขาดแคลนพนักงานจำนวนมาก ซึ่งส่งผลให้ภาระงานของฉันเพิ่มขึ้นอย่างมาก เลยกลายเป็นว่าฉันต้องรับผิดชอบภาระหน้าที่ของอดีตผู้จัดการ ฉันได้พูดคุยกับหัวหน้างานระดับสูงของฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ฉันพยายามทำงานให้เสร็จในที่ทำงาน ฉันใช้เวลา 10 ชั่วโมงต่อวัน แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ฉันมอบหมายสิ่งที่ต้องทำบางอย่างให้กับคนอื่นๆ แต่ก็ไม่สามารถมอบหมายงานด้านการจัดการได้ เช่น บัญชีรายชื่อพนักงานและการจ่ายเงิน
ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก ฉันคิดได้แค่เรื่องงานเท่านั้น
ฉันอยู่บ้านในวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่ยังต้องเช็คข้อความที่ทำงานตอนเที่ยงคืน หรือแม้แต่ตอนที่ฉันไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อน และวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ฉันไม่ได้เช็คข้อความจากที่ทำงานก็เพราะฉันมักจะพักฟื้นจากการทำงานอย่างหนักหน่วงในแต่ละวันที่ผ่านมา ฉันรู้สึกเครียดทั้งทางร่างกายและจิตใจ
ฉันเหนื่อยมากเพราะชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานและการอดนอน ร่างกายของฉันปวดเมื่อยตลอดเวลา ฉันมีอาการวิงเวียน นอนไม่หลับ และปวดหัว และรู้สึกเซื่องซึมตลอดเวลา จนกระทั่งฉันไปพบแพทย์เพื่อวางแผนสุขภาพจิต (และตรวจร่างกายตามปกติ) ฉันได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคโลหิตจางและความดันโลหิตสูงขั้นรุนแรง
การเป็นโรคความดันโลหิตสูงในวัย 30 ต้นๆ ของฉันควรเป็นการเตือน แต่ฉันก็ดื้อรั้นเกินกว่าจะเปลี่ยนแปลงใดๆ เพราะนิสัยชอบความสมบูรณ์แบบและบ้างานในตัวฉันที่ต้องการที่จะควบคุมสถานการณ์การทำงาน
แต่ฉันรู้สึกได้ว่าสุขภาพจิตของฉันตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว ฉันรู้สึกหดหู่และวิตกกังวลทุกวันที่เป็นวันทำงาน ฉันยังหมดความสนใจในสิ่งดีๆ ในชีวิต เช่น แฟน อาหาร และการใช้เวลากับเพื่อนๆ แม้ว่าฉันไม่ได้มีความคิดอยากฆ่าตัวตาย แต่ก็มีหลายครั้งที่ฉันรู้สึกว่าการตายง่ายกว่าการมีชีวิตอยู่—ความคิดเรื่องการมีชีวิตอยู่จึงไม่ได้ดึงดูดใจฉัน
โดดเดี่ยวและแขวนอยู่บนเส้นด้าย
ที่แย่ไปกว่านั้น เพื่อนร่วมงานของฉันคนหนึ่งซึ่งฉันรู้จักมา 10 ปีและสนิทกันมาก (เรายังเคยไปเที่ยวกันด้วย) เริ่มหันหลังให้ฉัน เธอพูดไม่ดีเกี่ยวกับฉันและงานของฉัน แม้ว่าฉันจะรู้สึกเหมือนได้ให้ใจไป 110 เปอร์เซ็นต์แล้วก็ตาม ฉันไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงทำแบบนี้ แต่ฉันรู้สึกเจ็บปวดมากกับการกระทำของเธอ
วันทำงานของฉันเต็มไปด้วยความสับสน ความโกรธ และน้ำตา
การไปทำงานไม่ใช่เรื่องน่ายินดีอีกต่อไป และไม่น่าตอบแทน หลายครั้งที่ฉันตั้งคำถามว่าทำไมฉันถึงอยู่ต่อและฉันทำผิดอะไรถึงถูกเลือกปฏิบัติแบบนี้ ฉันร้องไห้เกือบทุกวัน บางครั้งก่อนและหลังเวลางาน ฉันรู้สึกเหมือนกำลังห้อยอยู่บนหน้าผาและกำลังรอที่จะทิ้งตัวลงเมื่อใดก็ได้
ในช่วงเวลาแห่งความท้าทายนี้ ฉันอธิษฐานคร่ำครวญกับพระเจ้า ขอให้เพื่อนๆ อธิษฐานเผื่อฉัน อ่านพระคัมภีร์ และทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อหาความเข้มเเข็งและเหตุผลที่จะดำเนินชีวิตต่อไป แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ทำไมฉันถึงตัดสินใจลาออกในที่สุด
ถึงกระนั้น การตัดสินใจลาออกไม่ใช่เรื่องง่าย มีคำว่า “จะเกิดอะไรขึ้น” มากมายที่เข้ามาในความคิดของฉัน ตัวอย่างเช่น จะทำอย่างไรถ้าฉันไม่สามารถจ่ายหนี้สินได้ หรือถ้าฉันต้องไปเจอกับเจ้านายและเพื่อนร่วมงานที่ใจร้ายกว่าเดิมในงานใหม่ล่ะ
ฉันมีเงินเก็บอยู่บ้าง แต่มันคงไม่เพียงพอ ในช่วงเวลานี้ พระเจ้าทรงเตือนให้ฉันนึกถึงวิธีที่พระองค์ทรงจัดเตรียมสำหรับฉันในอดีต มันทำให้ฉันเชื่อวางใจอีกครั้ง และให้ความเข้มแข็งและความมั่นใจแก่ฉันว่าฉันสามารถลาออกจากงานได้ แม้ว่าฉันจะไม่มีอะไรพร้อมก็ตาม เพื่อนและเพื่อนร่วมงานสนับสนุนการตัดสินใจของฉัน พวกเขาเชื่อว่าฉันต้องลาออกเพื่อสุขภาพของฉัน พวกเขาอธิษฐานเผื่อฉันด้วยซ้ำ และให้ความมั่นใจว่าฉันจะไม่เป็นไร
อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ฉันไปต่อยากก็คือฉันรู้สึกสบายใจเกินไปกับที่ที่ฉันอยู่ มันอยู่ใกล้บ้านและทำให้ฉันไม่ต้องออกไปหางานทำ
มีบ้างที่ฉันยืนหยัดและอดทนให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะฉันต้องการแสดงให้ผู้คนเห็นว่าฉันเป็น “คนแข็งแกร่ง”
น่าเสียดายที่ฉันไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป คราวนี้ฉันไม่ปล่อยให้ความกลัวมาครอบงำ และยื่นใบลาออก
แม้ว่ามันจะยาก แต่ฉันก็ยังเชื่อว่าพระเจ้าทรงอยู่ในสิ่งเหล่านี้ ทั้งในด้านดีและร้าย
ดังที่พระองค์ตรัสไว้ในพระธรรมฮีบรู 13:5 ว่า “เราจะไม่ละท่านหรือทอดทิ้งท่านเลย”
พระเจ้าทรงจัดหางานนี้ให้ฉันเมื่อฉันต้องการตอนฉันเรียนจบ และฉันเชื่อว่าพระองค์จะจัดหาให้ฉันอีกในอนาคต การระลึกว่าพระเจ้าทรงเหมือนเดิมวานนี้ วันนี้ และตลอดไป (ฮีบรู 13:8) ทำให้ฉันกล้าที่จะลาออกจากงาน แม้ว่าฉันจะไม่มีงานอื่นรอฉันอยู่ก็ตาม ฉันไม่ต้องการปล่อยให้ความกลัวในอนาคตมากักขังฉันในสถานการณ์ที่ไม่ดีนี้
นับตั้งแต่ลาออก คุณภาพการนอนหลับของฉันก็ดีขึ้น และฉันรู้สึกโล่งใจมากที่ไม่ต้องอยู่ภายใต้อิทธิพลของพวกมีอำนาจและอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษอีกต่อไป แต่มันยากที่จะเดินหน้าต่อไปเพราะงานครอบงำจิตใจและเวลาของฉันมานานเกินไป
ตอนนี้ ฉันกำลังพักจากการทำงาน เพื่อที่ฉันจะได้จดจ่อกับการฟื้นฟูสุขภาพจิตและร่างกายผ่านการให้คำปรึกษาและการบำบัด ในระหว่างนี้ ฉันจะทำงานอิสระในขณะที่เริ่มหางานประจำในปีหน้า
พระธรรมฟีลิปปี 1:6 “ข้าพเจ้าแน่ใจอย่างนี้ว่าพระองค์ผู้ทรงเริ่มต้นการดีไว้ในพวกท่าน จะทรงทำให้สำเร็จจนถึงวันแห่งพระเยซูคริสต์” ฉันอาจมองไม่เห็นทางที่อยู่ข้างหน้าชัดเจน แต่ฉันมีความเชื่อว่าพระเจ้าทรงอยู่กับฉัน และพระองค์จะทรงนำฉันผ่านความไม่แน่นอนทั้งหมด
ฉันได้เรียนรู้ว่าเรามีทางเลือกเสมอ และเราไม่ได้ติดอยู่หรือสิ้นหวังในสถานการณ์ของเรา และฉันสามารถวางใจให้พระเจ้าเป็นผู้ควบคุม และพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานทุกสิ่งที่จำเป็น (ฟีลิปปี 4:19) ฉันวางใจว่าพระองค์จะทรงรักษาฉันจากความโกรธและความขุ่นเคืองใจทั้งหมดที่ฉันรู้สึกต่อผู้ที่ทำร้ายฉัน
บางครั้งเราถูกสถานการณ์หรือความกลัวบดบังจนมองไม่เห็นทางออก แต่เมื่อเราขอให้พระเจ้าแสดงมุมมองที่แตกต่างออกไปแก่เรา ขอเปิดทาง หรือแสดงทางเลือกที่อยู่ตรงหน้าเรา พระองค์จะประทานความกล้าหาญและความเชื่อให้เราพึ่งพาพระองค์—และนั่นคือสิ่งที่ฉันเลือกที่จะทำ
YOU MAY ALSO LIKE
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน
WRITER: ฉีฉี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: นิศารัตน์ มั่นเกตุEDITOR: กรชวัล เพชรเลิศอนันต์ มันเป็นอีกหนึ่งวันที่ยาวนาน ในระหว่างที่ดูแลพวกลูกๆ สะสางงานต่างๆ ก็แทบจะไม่มีเวลาให้ได้พักหายใจเลย เมื่อลูกๆ...
ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?
WRITER: เมดาลีน คาลู ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: PinkEDITOR: Thitikarn Nithiuthai (Mesy) ฉันยังจำช่วงเวลาที่ฉันเริ่มต้นความสัมพันธ์กับพระเยซูได้ ราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงที่อากาศหนาวเย็นของเดือนมกราคม ฮันนาห์...
เสียงที่ดังพอ
WRITER: GRACESaoriEDITOR: Mustard Seed Team เคยไหม? ที่ในบางครั้งเสียงของใครบางคนก็ดังกว่าเสียงของตัวเอง เสียงนี้มักดังเร้าอยู่ภายในใจ บ่อยครั้งในเมื่อเราอยู่ในช่วงที่คิดไม่ตก ฟุ้งซ่าน หาทางออกไม่เจอหลายๆ สิ่ง แต่จะมีเสียงๆ นี้แหละ ที่กลับดังขึ้นมาหัวใจ...