14/02/2023

“คุณยังโสดอยู่หรือเปล่า? เกิดอะไรขึ้นกับคุณ?”

สัปดาห์ที่แล้ว ฉันเพิ่งรู้ว่าฉันสามารถเป็นผู้ท้าชิงสถิติโลก ฉันเป็นคนโสดอายุต่ำกว่า 35 ปีที่ไปร่วมงานแต่งงานมาแล้วหลายงาน ฉันกำลังนับและแม้ว่าจะดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ แต่ตอนนี้ฉันไปร่วมงานแต่งมาแล้วถึง 207 งาน

แค่เดือนที่แล้วเดือนเดียว เพื่อนสามคนของฉันเปลี่ยนสถานะบนเฟสบุ๊คเป็น “สมรส” ฉันยินดีกับพวกเขาแต่ก็แอบปวดใจเหมือนกัน เมื่อไหร่จะถึงตาฉัน ฉันเลือกมากไปหรือเปล่า ความปรารถนาในใจของฉันเพิ่มขึ้นทุกปี ในขณะที่ความรู้สึกมีคุณค่าในตัวเองของฉันดูเหมือนจะลดน้อยลง

ดังนั้น วันวาเลนไทน์—วันนี้—จึงทำให้ฉันนึกถึงความโสดของฉันและความสัมพันธ์ที่ล้มเหลว ฉันแค่หวังว่าเพื่อนที่แต่งงานแล้วของฉันจะเลิกพูดว่า “เธอยังโสดอยู่หรือเปล่า เกิดอะไรขึ้นกับเธอ”

ฉันรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ ฉันเหมือนพูดเกินจริงสินะ แต่เปล่าเลย หลายคนพูดแบบนี้ต่อหน้าฉันจริงๆ พวกเขาส่วนใหญ่เป็นคริสเตียนที่หวังดีหรือสมาชิกในครอบครัว พวกเขาเป็นห่วงอนาคตของฉัน พวกเขาต้องการแน่ใจว่าฉันจะสามารถแบ่งปันความสุขและความปลอดภัยแบบเดียวกันกับที่พวกเขาได้รับ แต่ด้วยคำพูดเหล่านั้นมันไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้น เพราะว่าการอยู่เป็นโสดก็ไม่เป็นไร 

ดังนั้น หากคุณกำลังจะผ่านวันวาเลนไทน์ปีนี้ในฐานะคนโสด ต่อไปนี้เป็นเหตุผลสองสามข้อที่ควรคำนึงถึงในสถานะและในช่วงชีวิตนี้

1. การแต่งงานไม่เคยเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้

พระเจ้าให้พระสัญญามากมายในพระวจนะของพระองค์ แต่คู่ชีวิตไม่ใช่หนึ่งในนั้น ฉันสงสัยว่าทำไมคนส่วนมากมองว่าการแต่งงานเป็นเป้าหมายสูงสุดในชีวิต? และทำไมพวกเขามองว่าความโสดเป็นเหมือนโรคที่เราทุกคนต้องหาทางรักษา? ความรักระหว่างสามีภรรยาเป็นของขวัญจากพระผู้สร้างของเราอย่างแน่นอน . . แต่ไม่ใช่ของขวัญที่เราทุกคนได้รับตามพระสัญญาไว้

ในปฐมกาล 2:18 พระเจ้าตรัสว่า “การที่มนุษย์อยู่คนเดียวนั้นไม่ดี” แม้ว่าเป็นเรื่องปกติที่จะปรารถนาความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนม แต่พระเจ้ายังออกแบบให้เรามีความสัมพันธ์ในชุมชน ครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันได้ยินเพื่อนผู้หญิงที่โสดพูดว่าพวกเขากำลังรอให้พระเจ้าจัดเตรียม “คนที่ใช่” หรือเตรียมรับมือด้วยกำลังของตัวเองเพื่อค้นหา “คนนี้ก็ได้” พวกเขาจดจ่ออยู่กับการมองหาผู้ชายจนพลาดที่จะได้สัมผัสกับมิตรภาพที่ดีและลึกซึ้ง

สำหรับพวกเราที่ยังโสด การแต่งงานอาจมาถึงในที่สุด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราควรหยุดชีวิตไว้เพื่อรอมัน

2. ความโสดไม่ใช่ข้อยกเว้นจากมาตรฐาน

นี่เป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแวดวงคริสเตียน เราจำเป็นต้องหยุดส่งเสริมแนวคิดว่าการเป็นคนโสดในคริสตจักรนั้นไม่สำคัญเท่าการเป็น “ภรรยา” “สามี” “แม่” หรือ “พ่อ” ความจริงก็คือ มีผู้ใหญ่ที่โสดจำนวนมากในคริสตจักรแถบตะวันตก

ฉันอยู่ในกลุ่มศึกษาพระคัมภีร์ที่มีผู้หญิงโสดอายุ 30 ปีขึ้นไปทั้งหมด ฉันโสด พี่สาวของฉันยังโสด เพื่อนของฉันหลายคนก็ยังโสด  แต่คนที่โสดดูเหมือนจะได้รับการปฏิบัติเหมือนช้างตัวใหญ่ในห้องหรือที่นั่งในโบสถ์ (ปัญหาที่เห็นตรงหน้าแต่กลับละเลยตั้งใจมองไม่เห็น) อย่าเข้าใจฉันผิด ฉันสนับสนุนการแต่งงานที่ดีขึ้นและให้ความช่วยเหลือในการเลี้ยงดูครอบครัว แต่เราไม่ควรละเลยความต้องการและประสบการณ์ของคนโสด เราทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวในพระคริสต์และพระกายของพระคริสต์ ไม่ใช่แค่ “ชิ้นส่วนบางส่วน”

3. ประสิทธิภาพในการทำพันธกิจ

คุณเคยสงสัยไหมว่าตัวคุณเองจะมีประโยชน์กับพระเจ้าหรือไม่? ในจดหมายของเขาถึงคริสตจักรในเมืองโครินธ์ เปาโลกระตุ้นให้ผู้เชื่อในศาสนาคริสต์พิจารณาว่าการเป็นโสดจะมีประสิทธิภาพในการปฏิบัติศาสนกิจได้อย่างไร เพราะช่วยให้ “การอุทิศตัวต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ถูกจำกัด” (1 โครินธ์ 7:35) พวกเขาสามารถไปยังมุมที่ห่างไกลของโลกเพื่อรับใช้พระเจ้าได้

แม้ฉันจะรู้จักหลายครอบครัวที่มีประสิทธิภาพในงานประกาศ แต่เพื่อนส่วนใหญ่ของฉันที่เกี่ยวข้องกับงานพระกิตติคุณข้ามวัฒนธรรมนั้นเป็นโสด พวกเขามีความมุ่งมั่นอย่างมากที่จะรับใช้พระเจ้า ไม่ว่าสถานะความสัมพันธ์ของพวกเขาจะเป็นอย่างไร พี่สาวของฉันเป็นผู้นำโครงการการแปลภาษาในเอเชีย เพื่อนสนิทของฉันสามคนกระจายไปทั่วโลกกับหน่วยงานมิชชันนารีที่แตกต่างกันออกไป และเพื่อนอีกคนกำลังเป็นผู้นำโครงการประกาศข่าวประเสริฐในละแวกบ้านของเธอเอง

4. ตัวตนของเราอยู่ในพระคริสต์ ไม่ใช่สถานะบนเฟสบุ๊ค

ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าเราจะโสดหรือแต่งงานแล้ว มีความสัมพันธ์หรือไม่มีความสัมพันธ์ หย่าร้าง แยกกันอยู่ หรืออะไรก็ตาม พระเจ้าทรงรักเราดั่งที่เราเป็น เราไม่จำเป็นต้องทำหรือเป็นอย่างอื่นนอกจากตัวเราเพื่อให้พระองค์ยอมรับ ตราบใดที่เรามองไปที่พระเยซู เราสามารถมั่นใจได้ว่าอัตลักษณ์ของเราในฐานะทายาทร่วมกับพระคริสต์ในอาณาจักรสวรรค์ของพระเจ้าจะไม่มีวันพรากไปจากเรา ในสวรรค์ไม่มีการแต่งงาน (มัทธิว 22:30; วิวรณ์ 7:17) แต่ในฐานะสมาชิกของคริสตจักรของพระเจ้า เราจะได้มีส่วนร่วมในงานฉลองสมรสขั้นสูงสุด

แม้จะอยากเปรียบเทียบตัวเองกับเพื่อนที่แต่งงานแล้ว สถานะของฉันในฐานะลูกของพระผู้เป็นเจ้าเป็นเพียงสิ่งเดียวที่สำคัญจริงๆ ฉันมีความสุขที่ได้อยู่ท่ามกลางครอบครัวและเพื่อนที่น่ารักมาก

วันวาเลนไทน์อาจเต็มไปด้วยการย้ำเตือนถึงความสัมพันธ์ที่ล้มเหลวหรือความไม่มั่นคงเกี่ยวกับการอยู่คนเดียว แต่ยังเป็นโอกาสที่จะเฉลิมฉลองแหล่งที่มาของความรักที่แท้จริง นั่นคือ “พระเจ้า” ส่วนที่น่าสนใจคือ นักบุญวาเลนไทน์ไม่ใช่กามเทพที่ป่วยเพราะรัก ซึ่งบางครั้งเขามักถูกมองว่าเป็นแบบนั้น แต่ก็เป็นไปได้ว่าเขาเป็นบิชอปในคริสตจักรยุคแรกซึ่งต้องพลีชีพเพราะปฏิเสธที่จะเข้าร่วมการนมัสการนอกรีต!

นักบุญวาเลนไทน์รู้ว่าความจงรักภักดีของเขาอยู่ที่พระเยซู ผู้ซึ่งเป็นของขวัญแห่งความรักคือการสละชีวิตของเขาเพื่อเรา วันวาเลนไทน์นี้ ฉันจะติดต่อเพื่อนที่เป็นคริสเตียนและเราจะใช้เวลาขอบคุณพระเจ้าอย่างที่พระองค์ทรงเป็นและสิ่งที่พระองค์ทรงทำในชีวิตของเรา พระเจ้าคือความรักและนั่นคือสิ่งเดียวที่เราทุกคนสามารถเฉลิมฉลองร่วมกัน!

YOU MAY ALSO LIKE