27/07/2023
เผชิญหน้ากับความขัดแย้งด้วยวิธีที่เฮลท์ตี้
ผู้แปล: Mustard Seed Team
ผู้เรียบเรียง: Mustard Seed Team
Artwork by: YMI X Amy Domingo (@amy_domingo)
ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
คำอธิบาย: ลองจินตนาการถึงชีวิตที่ปราศจากความขัดแย้ง ความไม่ลงรอยกัน และความเจ็บปวด และแม้ว่าจะมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น เราก็สามารถรับมือกับมันได้อย่างมีความสุข และยอมรับมันได้ถึงแม้จะยากก็ตาม ลองนึกดูสิว่าชีวิตเราจะมีความสุขและสนุกสนานขนาดไหน!
น่าเสียดาย เพราะเราทุกคนต่างเป็นคนบาปและอาศัยอยู่ในโลกที่แตกสลาย จึงมีความขัดแย้งเกิดขึ้นและจะเกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเราด้วย
แต่ในขณะที่ความขัดแย้งทำให้เกิดความไม่สบายใจ ความขัดแย้งสามารถช่วยให้เราเติบโตและเป็นผู้ใหญ่เป็นเหมือนพระคริสต์มากขึ้น หากเราแก้ไขด้วยวิธีที่ถูกต้องตามหลักพระคัมภีร์
ดังนั้น เราควรตอบสนองอย่างไรต่อความขัดแย้ง ที่จะไม่ไปเกี่ยวกับการพูดไร้สาระ พูดจาเหน็บแนม ทำเป็นเย็นชา หรือตอบโต้ด้วยการเฉยเมยหรือก้าวร้าว?
เราควรพยายามตอบสนองด้วยความรัก ซึ่งหมายความว่าอย่าโกรธง่ายหรือช่างจดจำความผิดต่างๆ (1 โครินธ์ 13:5) พระคัมภีร์ย้ำเตือนให้เรามีจิตใจอ่อนโยน มีเมตตา อดทนต่อกันและกัน และให้อภัยกัน (โคโลสี 3:13)
ต่อไปนี้คือรายการสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำเมื่อเกิดความขัดแย้ง:
บางครั้งการหลีกเลี่ยงคนที่ทำให้เราเจ็บปวดอาจดูเหมือนง่ายกว่าการเผชิญหน้า ดังนั้นเราจึงเลือกที่จะเอาตัวเองออกจากชีวิตของพวกเขาและจมอยู่กับความรู้สึกของตัวเอง
แม้ว่าการใช้เวลาพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูจากความเจ็บปวดอาจเป็นเรื่องปกติ แต่การยึดความโกรธหรือการไม่ให้อภัยสามารถกัดกินเรา และกัดกร่อนความสัมพันธ์ที่อาจกอบกู้ได้ในที่สุด
ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม พระคัมภีร์กล่าวว่าการให้อภัยเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแก้ไขความขัดแย้งนี้
อาจรู้สึกทำได้ยาก (และเหมือนจะไม่ยุติธรรม) ที่ต้องให้อภัยคนที่ทำร้ายเรา แต่เราต้องให้อภัยแบบที่พระคริสต์ทรงให้อภัยเราก่อน (เอเฟซัส 4:32) และถ้าเราทำร้ายใคร ให้ไปหาเขาเพื่อขอการอภัยจากเขา (มัทธิว 5:23-24)
ความเจ็บปวดที่พวกเขาทำกับเรานั้นเจ็บลึก ความโกรธและความเศร้าพลุ่งพล่านอยู่ในตัวเราทุกครั้งที่นึกถึงเหตุการณ์นั้น และตอนนี้พวกเขากำลังพยายามคุยกับเรา จะประหม่าอะไร! ก็แค่ปิดกั้นพวกเขา แค่นี้ก็ได้สั่งสอนพวกเขาแล้ว!
การกีดกัน ปิดกั้น หรือเย็นชาใส่ สามารถสร้างภาพลวงตาแก่เราว่าเราควบคุมสถานการณ์ได้ แต่มันไม่ได้ทำให้ความโกรธในใจของเราบรรเทาลง และไม่เหลือที่ว่างให้อีกฝ่ายได้อธิบายตัวเองหรือให้โอกาสพวกเขาได้ขอโทษ
หากการพูดคุยกับคนที่เรากำลังมีความขัดแย้งด้วยนั้นยากเกินไป เราสามารถบอกเขาอย่างสุภาพว่าเราไม่พร้อมที่จะจัดการกับมันในตอนนี้ แต่ให้สัญญากับพวกเขาว่าคุณจะจัดสรรเวลาเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อคุณพร้อม ท้ายที่สุดแล้ว พระคัมภีร์กล่าวว่าคำตอบนุ่มนวลช่วยละลายความโกรธเกรี้ยวให้หายไป แต่คำกักขฬะเร้าโทสะ (สุภาษิต 15:1) ดังนั้นจึงเป็นการดีที่จะปล่อยให้ความโกรธของเราสงบลงก่อนที่จะแสวงหาการคืนดี
แทนที่จะแก้ปัญหาความขัดแย้งของเรากับผู้อื่น ความขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ ได้ปะทุขึ้นเพราะเรายืนกรานที่จะทำสิ่งต่างๆ ตามแนววิธีของเรา และไม่เต็มใจที่จะรับฟังความคิดเห็นของอีกฝ่าย
การพาลใส่คนอื่นไม่เคยเป็นความคิดที่ดี มันยังบั่นทอนคนอื่นด้วย ราวกับว่าสิ่งที่พวกเขาพูดกับเรานั้นไม่มีความหมาย
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้นซ้ำๆ เราสามารถใคร่ครวญว่าทำไมเราถึงยืนหยัดที่จะทำสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จลุล่วง ความเย่อหยิ่งของเรากำลังพูดอยู่หรือเปล่า? พระธรรมโรม 12:16 บอกว่าเราต้องอยู่ร่วมกันอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และไม่ควรเป็นคนฉลาดในสายตาของเราเอง เราสามารถขอให้พระเจ้าขจัดความเย่อหยิ่งของเราออกไป และประทานความอ่อนน้อมถ่อมตนที่จำเป็นต่อการจัดการความขัดแย้งด้วยพระคุณ
เราอาจล้ำเส้นโดยไม่ตั้งใจและทำให้เพื่อนสนิทหรือเพื่อนร่วมงานไม่พอใจ เราหวังว่าอีกฝ่ายจะมองว่า “เป็นแค่เรื่องตลก” แต่พวกเขากลับพูดถึงเรา และเราพบว่าตัวเองกำลังมีอาการปกป้องตัวเอง “มันเป็นแค่เรื่องตลก ไม่จำเป็นต้องโกรธเลย” เราโมโหมาก
แม้ว่าลึกๆ แล้วเรารู้ว่าเราเป็นฝ่ายผิด แต่เราก็หาข้อแก้ตัวมากมายเพื่อรักษาหน้าของเรา และกล่าวหาพวกเขาว่าไม่สามารถจัดการกับมันได้
อาจเป็นเรื่องไม่สบายใจที่จะบอกว่าสิ่งที่เราทำนั้นผิด แต่พระธรรมสุภาษิต 28:13 สนับสนุนให้เราสารภาพบาปเพราะเราจะได้รับความเมตตา ในกรณีนี้อาจดูเหมือนว่าเราพยายามเอาใจเขามาใส่ใจเรา รับรู้ว่าพวกเขารู้สึกอย่างไร และยอมที่จะขอโทษ
เราไม่สามารถเชื่อในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดกับเราได้ “ช่างหยาบคายเสียจริงที่กล่าวหาว่าเราทำเช่นนั้น!” พวกเราคิด เราตอบกลับด้วยการชั่งน้ำหนักคำแต่ละคำด้วยความอาฆาต ให้พวกเขาได้ลิ้มรสความเจ็บปวด
เราอาจรู้สึกดีในชั่วขณะ แต่พิษที่เราปล่อยออกมาอาจจุดประกายการโต้เถียงอย่างดุเดือดได้หรือส่งผลที่ไม่ดีต่อความสัมพันธ์
พระธรรมสุภาษิต 18:21 กล่าวว่าความตายและชีวิตอยู่ในอำนาจของลิ้น และในขณะที่มันเป็นเรื่องง่ายที่จะฟาดฟันในช่วงเวลาที่ร้อนระอุ เราสามารถอธิษฐานขอพระเจ้าให้นำทางลิ้นของเราและให้เราพูดอย่างสุภาพ (ไม่ใช่ อย่างอาฆาตแค้น) เมื่อเราโกรธ
โอ้ ว้าว มีใครบางคนทำสิ่งที่ไม่แฟร์ที่สุด ไม่ยุติธรรมที่สุดกับเรา และเราตกใจ โกรธ และรู้สึกถูกทรยศ และตอนนี้เราก็อยากจะบอกคนอื่นว่าเกิดอะไรขึ้น
แม้ว่าการระบายอารมณ์จะไม่ใช่เรื่องดี และการพูดจาโผงผางก็ช่วยให้กระบวนการคิดของเราชัดเจนขึ้น แต่ให้ระวังสิ่งที่ออกจากปากของเรา เราคงไม่อยากเสียใจกับสิ่งที่เราพูดออกไปในช่วงเวลาที่เรากำลังหัวร้อน
พระธรรมสุภาษิต 19:20 หนุนใจให้เราแสวงหาคำแนะนำที่ชาญฉลาด (สุภาษิต 19:20) ดังนั้นเรามาแบ่งปันสถานการณ์ของเรา (เมื่อเราสงบสติอารมณ์และไตร่ตรองถึงสถานการณ์แล้ว) กับกลุ่มเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้ สิ่งนี้ช่วยให้เราปลอดภัยในการได้ยินจากผู้ที่รู้จักเราดีที่สุด ในขณะเดียวกันก็ปกป้องชื่อเสียงของอีกฝ่ายหนึ่ง
การโต้เถียงที่ดุเดือดอย่างเหลือเชื่อทำให้เราเอาความผิดพลาดในอดีตมาโยนใส่กันเพื่อจะเอาชนะอีกฝ่าย “คุณจำครั้งสุดท้ายที่คุณทำแบบนี้ แบบนั้นได้ไหม”
การโยนความผิดใส่กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถือเอาความผิดพลาดในอดีตของคนอื่นมาเทียบกับพวกเขา อาจทำให้เรารู้สึกเหนือกว่า—เพียงแว็บเดียว แต่ส่วนใหญ่แล้วเราจะเสียใจในสิ่งที่เราพูดไป เมื่อถึงตอนนั้น มันสายเกินไปแล้ว และเราไม่สามารถนำมันกลับคืนมาได้
อย่าลืมว่าความรักนั้นไม่จดจำความผิด (1 โครินธ์ 13:5) และความพินาศนั้นอยู่ที่ลิ้น เพราะมันเป็น “ไฟ…ที่ทำลายทั้งร่างกาย” (ยากอบ 3:6) แทนที่จะค้นหาข้อผิดพลาดในอดีต เราสามารถพยายามควบคุมลิ้นของเรา (ยากอบ 3:19) และเลือกที่จะปรุงคำพูดของเราด้วยเมตตาคุณ (โคโลสี 4:6)
“ถึงพลอย ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะพูด….” ในช่วงเวลาที่เราโกรธ เราได้พิมพ์และโพสต์ข้อความแสดงความโกรธบนโซเชียลมีเดียซึ่งทำให้คนที่ทำให้เราขุ่นเคืองต้องอับอาย และตอนนี้เรารอข้อความแสดงความรู้สึกเห็นอกเห็นใจที่จะหลั่งไหลเข้ามา…
การแก้แค้นที่แสนหวาน! เราอาจรู้สึกสบายใจชั่วคราว แต่ใครจะรู้ล่ะว่าความสัมพันธ์ของเราจะเสียหายอย่างไม่อาจแก้ไขได้!
ดังที่พระธรรม 1 โครินธ์ 13:5 เตือนเราว่า ความรักไม่ได้ทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสีย และความรักไม่เห็นแก่ตัว ดังนั้น แทนที่จะทำให้ผู้กระทำความผิดอับอายในที่สาธารณะ ทำไมไม่เก็บมันไว้ในสมุดบันทึกของเรา หรือระบายความคิดของคุณในจดหมายถึงพวกเขา (ซึ่งเราสามารถฉีกทิ้งได้ในภายหลัง) หากมันช่วยให้เราระบายออกมาได้ไม่มากก็น้อย?
คำพูดที่แข็งกร้าวของพวกเขาจี้จุดเรา แต่แทนที่จะจริงใจตรงไปตรงมากับพวกเขา แต่เรากลับเปิดศึก “คุณควรรู้ว่าฉันรู้สึกอย่างไร” เมื่อถูกถามถึงความรู้สึกของเรา
เราคิดว่าพวกเขาน่าจะรู้ว่าเรารู้สึกอย่างไร ท้ายที่สุด พวกเขากลับดูถูกเรา! แต่คนส่วนใหญ่ไม่สามารถอ่านใจเราได้ และการส่งข้อความลับๆ หรือเล่นเกมวัดใจ อาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดหรือสร้างความขุ่นเคืองใจให้อีกฝ่ายมากขึ้น
พระธรรมสุภาษิต 24:26 กล่าวว่า คนที่เป็นเพื่อนแท้คือคนที่ตอบตรงไปตรงมา ดังนั้น จะดีกว่าหากเราบอกคนๆ นั้นอย่างตรงไปตรงมา (แต่มีกาลเทศะ) ว่าพวกเขาทำให้เราเจ็บปวดเสียใจอย่างไร แทนที่จะหวังว่าเขาจะอ่านใจเราได้และรู้ว่าอะไรกวนใจเราจริงๆ
แน่นอนว่า อ่านเกี่ยวกับวิธีแก้ไขข้อขัดแย้งนั้นง่ายกว่าการนำไปปฏิบัติจริงๆ
แต่ข้อดีคือ เราไม่ต้องพึ่งกำลังตัวเอง พระเจ้าจะประทานสติปัญญาแก่เรา (ยากอบ 1:5) เพื่อจัดการกับสถานการณ์ และถ้าเราได้รับบาดเจ็บ ก็ขอให้พระองค์ทรงฟื้นฟูเรา นอกจากนี้ เรายังสามารถขอให้พระเจ้าเตือนเราว่าความขัดแย้งไม่ใช่สถานการณ์ระหว่างเรากับพวกเขาเสมอไป แต่อาจเป็นโอกาสให้เราหาทางออกร่วมกัน และผลที่ได้คือความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ดังนั้น ครั้งต่อไปที่คุณพบว่าตัวเองเผชิญกับความขัดแย้งที่ต้องแก้ไข อย่าตอบโต้ด้วยสัญชาตญาณ แต่ให้พิจารณาวิธีตอบสนองต่อสถานการณ์ที่ยุ่งยากเหล่านี้ด้วยวิธีของพระเจ้ากัน!
YOU MAY ALSO LIKE
กังวลจนไม่หลับไม่นอน
WRITER: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ฉันนอนไม่หลับทั้งคืน บางคืนเราก็มีอาการนอนไม่หลับ หลับๆ ตื่นๆ พอเช้าตื่นมาก็ไม่สดชื่น อารมณ์ไม่ดี การนอนไม่หลับส่งผลกระทบต่อคนส่วนใหญ่เป็นครั้งคราว แต่สําหรับบางคนอาจเจอปัญหานี้เป็นประจำ...
ทำไมเราถึงไม่กล้าปฏิเสธ
WRITER: ซาร่า โซ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: สุมิตรา ชามรามดาบานEDITOR: ปวีณา นิลบุตร “ถ้าใช่ก็จงบอกว่าใช่ ถ้าไม่ใช่ก็จงบอกว่าไม่ใช่” (ยากอบ 5:12) ขณะที่ฉันเขียนข้อความนี้ ฉันเพิ่งจะพูดว่า "ไม่" ที่จะฟังความขัดข้องใจของแม่เรื่องคนสนิทในครอบครัว...
พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)
WRITER: แคทเธอรีน ฟลินน์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ในปี 2003 ฉันอายุ 24 ปี และอาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษตอนที่ฉันถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยเพื่อนร่วมห้องของฉัน...
MUSTARD SEED
Scripture quotations taken from The Holy Bible, Thai Standard Version 2011 ®
MUSTARD SEED is a part of
Our Daily Bread Ministries.
ABOUT US
We are a platform for Christian young people to ask questions about life and discover their true purpose. We are a community with different talents but the same desire to make sense of God’s life-changing word in our everyday lives.
® 2019 MUSTARD SEED . ALL RIGHTS RESERVED.
CONNECT WITH US
OUR OTHER LANGUAGES SITES
YMI (English)
WarungSaTeKaMu (Bahasa Indonesia)
雅⽶米 (Simplified Chinese)