fbpx

11/11/2023

11 ความเชื่อเกี่ยวกับความโสด

 

Artwork : YMI
ผู้เรียบเรียง: Mustard Seed Team
ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI

คำอธิบาย:“เธอเป็นคนช่างเลือกเลยโสดอยู่แบบนี้” “เขาดูแปลกๆ ใครจะกล้ามาจีบ” “เธอบ้างานซะขนาดนั้นจะขึ้นคานก็ถูกแล้ว”

การเป็นโสดในสังคมที่ให้ค่ากับการหา “รักแท้” และ “คนที่ใช่” นั้นค่อนข้างลำบาก และหากต้องมาคอยฟังคนอื่นพูดเรื่องนี้มากเข้าจะยิ่งทำให้เรามองความโสดเปลี่ยนไปเลย (สถานะความเศร้าถูกปัดออกไปได้คราวเดียว) และถ้าเราเป็นคนโสดนะ เราก็จะมองตัวเองเปลี่ยนไปเหมือนกัน (คนแปลกเรื่องเยอะที่แต่งงานกับงานของตัวเอง ต้องถูกสาปให้เดียวดายตลอดไป)

แต่ท้ายที่สุดแล้ว คุณค่าของเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานะการสมรส แต่เรามีคุณค่าเพราะพระเยซูทรงไถ่เราและเรียกเราว่าที่รักของพระองค์ (เอเฟซัส 1:6)

ในวันของคนโสดนี้ ให้เรามาร่วมพิสูจน์กับเราว่า 11 ความเชื่อเกี่ยวกับความโสดนี้มันไม่จริง และมาทบทวนดูว่าเราจะอยู่ในสถานะความโสดนี้อย่างมีความสุขได้อย่างไร มาหนุนใจกันและกันว่าการแสวงหาตัวตนของเรานั้นสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด

ถ้าคุณยังโสด คุณคงมีโอกาสได้ยินประโยคนี้อยู่บ่อยๆ “ก็เธอช่างเลือกซะขนาดนี้จะโสดก็ไม่แปลกนะ”

แม้บางคนอาจกำลังอธิษฐานขอคู่พระพรในอนาคต แต่ไม่ใช่ว่าคนโสดทุกคนจะมัวไขว่คว้าหาคู่ครอง พวกเขาอาจมีสิ่งอื่นให้ใส่ใจมากกว่าก็เป็นได้

บางที่พวกเขาอาจเป็นเช่นเปาโลที่มองว่าตนเอง “เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อจะให้เป็นที่พอพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้า” (1 โครินธ์ 7:32) หรือพวกเขาอาจจะกำลังสร้างเนื้อสร้างตัวหลังจากพยายามเรียนมาอย่างหนักในมหาวิทยาลัย หรือไม่ก็คงกำลังใช้เวลาสำรวจดูว่าพระเจ้ามีพระประสงค์ให้พวกเขาทำอะไรในชีวิต

เพราะฉะนั้นต่อไปเวลาเราจะพูดคุยกับใครสักคนที่ยังโสดอยู่ ทำไมไม่ลองให้ความสนใจกับสิ่งที่เป็นแรงจูงใจของพวกเขาหรือความเป็นไปในชีวิตของเขาดูล่ะ สิ่งนี้เป็นวิธีแสดงออกอันดีเยี่ยมว่าตัวตนของพวกเขานั้นสำคัญกว่าสถานะความสัมพันธ์ของเขาเสียอีก

คุณคงเคยเห็นสายตาของเหล่าญาติสนิทหรือเพื่อนร่วมงานที่จับจ้องไปที่ลูกพี่ลูกน้อง หรือเพื่อนอีกคนที่ยังโสดอยู่แล้วเม้าท์อย่างออกรสว่า “ที่เธอยังโสดอยู่…” พวกเขาพูดพร้อมโยกย้ายส่ายคิ้วไปด้วย “เพราะเธอไม่ค่อยจะปกติไงเล่า ต้องมีสักอย่างแปลกๆ แน่ ไม่งั้นเธอคงแต่งงานไปแล้วป่านนี้”

แต่คนโสดไม่ใช่คนที่แตกสลายมากกว่าหรือต้องการพระเยซูยิ่งกว่าคนที่แต่งงานหรือมีแฟนแล้วหรอกนะ

ความแตกสลายอยู่ในเราทุกๆ คน ไม่ว่าจะแต่งงานแล้วหรือยังไม่แต่ง และมีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่จะปลดพันธนาการพวกเราออกจากความแตกสลายนั้นได้นั่นคือ—พระเยซู

“ของประทานการเป็นโสด” น่าจะเป็นอีกคำที่พูดกันบ่อยจนเราเหนื่อยจะฟังกันแล้ว

แม้ว่า “ของประทานการเป็นโสด” จะฟังดูดีดูมีคุณค่า (อู้วว เหมือนของขวัญสวยๆ ไงละ!) และดูจะเป็นไปตามพระคัมภีร์ตอนที่เปาโลพูดว่า “คนหนึ่งได้รับของประทานอย่างนี้ และอีกคนหนึ่งได้รับอย่างนั้น” (1 โครินธ์ 7:7) แต่ของประทานที่เปาโลหมายถึงไม่ใช่ของประทานรุ่นลิมิเต็ดที่จะให้กับบางคนที่ถูกเลือก เพื่อพวกเขาจะครองตัวเป็นโสดได้อย่างสบายใจหรอกนะ

นักเทศน์และนักศาสนศาสตร์ชาวอเมริกัน ทิม เคลเลอร์ กล่าวว่า “เปาโลมักใช้คำว่า ‘ของประทาน’ ในการสื่อถึงความสามารถที่พระเจ้าประทานให้เพื่อเสริมสร้างซึ่งกันและกัน เปาโลไม่ได้พูดถึง…สถานะปราศจากความเครียดที่จับต้องไม่ได้” ‘ของประทาน’ ที่เปาโลพูดถึงคือความสามารถและอิสรภาพที่คนโสดมีเพื่อรับใช้พระเจ้าในแบบที่คนแต่งงานแล้วทำไม่ได้

ดังนั้นถ้าตอนนี้คุณยังโสดอยู่ คุณจะใช้เวลานี้สร้างอะไรได้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นเงินในบัญชี อาชีพการงาน รวมถึงพี่น้องในอาณาจักรของพระเจ้า? และถ้าคุณแต่งงานแล้วหรือคบหากับใครอยู่ คุณจะหนุนใจและเสริมสร้างคนที่ยังโสดรอบตัวคุณได้อย่างไร?

น้องสาวของคุณเพิ่งแต่งงานเมื่อปีก่อน และตอนนี้เพื่อนสนิทคุณก็ประกาศสละโสดซะแล้ว คุณเลยเริ่มรู้สึกว่าพระเจ้าไม่ใช่แค่ลืมคุณแล้ว แต่พระองค์จงใจเก็บซ่อนสิ่งที่ดีไปจากคุณ

อาจดูเหมือนพระเจ้าไม่ได้สนใจเราเพราะความปรารถนาของเราไม่เป็นและไม่ได้รับการตอบรับ ไม่ช้าความไม่พอใจจะคืบคลานเข้ามาเมื่อเราเริ่มเชื่อคำโกหกที่ว่าพระเจ้ากำลังเก็บซ่อนสิ่งดีจากเรา

แต่พระเจ้าทรงเป็นพระบิดาที่แสนดีและน่ารัก พระคัมภีร์บอกว่าของประทานที่ดีและเลิศทุกอย่างนั้นมาจากเบื้องบน ในพระองค์ไม่มีการแปรปรวนหรือเงาของการเปลี่ยนแปลง (ยากอบ 1:17) พระองค์ทรงประทานพรฝ่ายจิตวิญญาณทุกอย่างแก่เรา (เอเฟซัส 1:3) และทรงประทานของขวัญที่ดีเลิศที่สุดของพระองค์—คือพระบุตรของพระองค์ (โรม 8:32) พระเจ้าไม่ได้กำลังเก็บซ่อนสิ่งดีจากเรา พระองค์แค่เตรียมสิ่งที่ดีเลิศกว่านั้นให้เราไว้แล้วเท่านั้นเอง

‘ครอบครัวของตัวเอง’ ในฐานะคนโสดคนหนึ่ง วลีดังกล่าวนี้สามารถก่อความรู้สึกขึ้นมาได้หลากหลายอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นความโหยหาที่อยากจะมีครอบครัวเป็นของตัวเอง ความรู้สึกล้มเหลวเมื่อถึงช่วงอายุที่ควร ‘สร้างครอบครัว’ ได้แล้วแต่ก็ยังไม่พบเจอใคร หรือคุณอาจรู้สึกสิ้นหวังที่ทั้งหมดนี้มันดูไม่มีความเป็นไปได้เลย

อย่างไรก็ตาม ครอบครัวเป็นได้มากกว่าภาพจำครอบครัวขนาดย่อยที่เราเคยเห็นมา (พ่อแม่และลูกๆ) ผ่านคำนิยามจากคนในสังคม ครอบครัวมีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นมิตรภาพที่แน่นแฟ้นระหว่างเพื่อนที่ทำงานหรือสมาชิกในโบสถ์ หรืออาจจะเป็นคุณลุงคุณป้าสุดเท่ให้กับหลานๆ ของเรา

ในฐานะคริสเตียน พวกเราเป็นคนในครอบครัวของพระเจ้า (โรม 9:8, 1 ยอห์น 3:1-2) และเรามีความสุขล้นเมื่อรู้ว่าเราคือลูกของพระองค์ เพราะฉะนั้นเรามาร่วมกันชื่นชมยินดีที่เรามีครอบครัวที่พระเจ้าทรงมอบให้ และทำในสิ่งที่คนในครอบครัวเดียวกันทำนั่นคือให้ความรักและคอยหนุนใจกันในทุกฤดูกาลและในความยากลำบากของชีวิต

เมื่อไรก็ตามที่เราพูดถึงความใกล้ชิด เรามักคิดถึงมันในรูปแบบความสัมพันธ์ทางกายเท่านั้นโดยลืมคิดไปว่าความใกล้ชิดนี้รวมถึงด้านอารมณ์ความรู้สึกด้วย

เราคงดูไร้เดียงสามากหากเราคิดว่าแค่ความใกล้ชิดทางกายจะทำให้ชีวิตแต่งงานราบรื่นหรือเติมเต็มทุกสิ่งได้ ชีวิตของอัครสาวกเปาโลและพระเยซูเองคือเครื่องพิสูจน์ว่าคนโสดก็มีชีวิตที่เต็มล้นได้เหมือนกัน—โดยไม่ต้องพึ่งความสัมพันธ์ใกล้ชิดทางกาย—เพราะทั้งสองสามารถเก็บเกี่ยวได้จากความสัมพันธ์อื่นๆ ที่พระเจ้าทรงประทานให้พวกเขา และความสัมพันธ์ที่ได้รับจากพระเจ้าก็ใช่ว่าจะเป็นสองรองใคร หรือคู่ควรกับความรักและความใส่ใจน้อยกว่าความสัมพันธ์ไหน

ลองดูตัวอย่างมิตรภาพที่มีความหมายและแน่นแฟ้นของดาวิดและโยนาธานที่มีต่อกันท่ามกลางความสัมพันธ์อันควรค่าอื่นๆ สิ (1 ซามูเอล 18:1-3) และในพระคัมภีร์ได้ยกย่องมิตรภาพที่แท้จริงในยอห์น 15:13 ว่า “ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการสละชีวิตเพื่อมิตรสหายของตน”

“และพวกเขาก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตราบชั่วนิรันดร์” เมื่อครั้งยังเด็กเราถูกเลี้ยงดูมาด้วยคำโกหกที่ว่าชีวิตของเราจะเติมเต็มและสมบูรณ์พูนสุขก็ต่อเมื่อเราอยู่ในอ้อมกอดของใครสักคนที่เรารัก ใครสักคนที่พร้อมบุกน้ำลุยไฟไปกับคุณ และยิ่งเราโตขึ้นคำโกหกนี้ก็ยังคงตามติดเราไปทุกหนแห่ง—ในหนังสือ ในภาพยนตร์ และกระทั่งในสื่อโซเชียลของเราเอง เลยกลายเป็นว่าถ้าเรายังไม่มีคนพิเศษในชีวิต เราก็จะรู้สึกพลาดโอกาสบางอย่างไปได้

แต่ในพระคัมภีร์เราจะเห็นได้ว่าพระเยซูทรงวาดภาพรวมของเป้าหมายในการแต่งงานเพื่อจะชี้ไปถึงภาพที่ใหญ่มากขึ้น นั่นคือความสัมพันธ์ของพระเยซูกับคริสตจักร โดยความสัมพันธ์นี้ทำให้เราเห็นว่าพระเจ้าทรงตอบสนองความต้องการพื้นฐานที่สุดในฐานะมนุษย์คือ ความต้องการพระผู้ช่วยให้รอดผู้ทรงสละชีวิตของพระองค์ เพื่อช่วยไม่ให้เราล้มลงในความบาป และทรงไม่ยอมให้เราพลาดสมบัติอันล้ำค่าที่สุดในชีวิตนั่นคือ การมีชีวิตนิรันดร์ในการทรงสถิตของพระเจ้า

“เลิกทำงานหามรุ่งหามค่ำเถอะ แบบนี้จะเอาเวลาที่ไหนไปจีบสาวหล่ะ?” ประโยคนี้เราก็น่าจะได้ยินบ่อยเหมือนกัน ซึ่งมันก็คงจะจริงที่คนโสดบางคนโฟกัสกับงานมากเพื่อจะได้เติบโตในอาชีพของเขา แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาให้เรื่องอื่นๆ ในชีวิตกลายเป็นรองไปหมดหรือให้ความโสดมาฉุดรั้งเส้นทางชีวิตของเขาเสียหน่อย

เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะมองว่า “การไม่มีเวลาว่าง” เป็นเหตุผลที่เพื่อนที่ยังโสดของเรายังไม่เจอคนที่ใช่สักที โดยเฉพาะถ้าเขามัวแต่ง่วนทำงานหนักมากกว่าเราแล้วด้วย

แต่เขาอาจกำลังรอเจอคนที่ใช่ในเวลาที่เหมาะสมอย่างใจจดใจจ่ออยู่ก็ได้ เขาแค่ยังไม่พบใครที่เขาจะสามารถพูดคุยกันในระดับที่ลึกซึ้ง และแค่ไม่ได้เล่าให้คุณฟังเท่านั้นเอง ครั้งหน้าที่มีโอกาสได้พูดคุยกันคุณก็ลองหนุนใจให้เขาแบ่งปันชีวิตของเขาในมุมอื่นๆ ดูสิ และคุณก็ฟังอย่างตั้งใจเลยนะว่าเขามีภาระใจในเรื่องใด หรือว่ามีเรื่องไม่สบายใจตรงไหนหรือไม่

สีหน้าของพวกเขาบอกว่า ไม่ว่าคุณจะทำอะไรหรือพูดแบบไหนพวกเขาก็ไม่ยอมรับคุณ ยิ่งไปกว่านั้นคุณได้เห็นว่าสิ่งที่พวกเขาไม่ยอมรับมันมากกว่าที่คาดซะอีก ขนาดว่าพวกเขาไม่ต้องพูดอะไรคุณยังสังเกตได้ว่าพวกเขายึดเอาการกระทำของคุณให้เป็นสาเหตุที่คุณยังโสด

การเป็นโสดไม่ใช่บททดสอบลักษณะนิสัยของใครมากไปกว่าการบอกถึงบางอย่างในตัวตนของเขา จะโสดหรือมีแฟน มีแค่พระคริสต์เท่านั้นที่จะสำแดงผลแห่งพระวิญญาณ (กาลาเทีย 5:22-23) ที่จะบอกถึงลักษณะพิเศษของเรา

ด้วยความสัตย์จริงนะคุณเป็นคนที่ฟังมากกว่าพูด คุณจะให้คำแนะนำใครก็ต่อเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น แต่ก็ไม่วายที่คำปรึกษาของคุณจะไม่ได้รับคำขอบคุณหรือโดนเมินไปเฉยๆ เลย! เพื่อนคุณบอกว่า “ชีวิตฉันอยู่คนละบริบทกับเธอนะ เวลาที่เธอโสดอะไรๆ มันก็มาเทียบกันไม่ได้หรอก”

คนที่โสดมักถูกมองข้าม โดนตั้งแง่และดูถูก คนโสดอาจกำลังติดอยู่ในจุดที่ไม่มีความน่าเชื่อถือเท่ากับคนที่ไม่โสด

แต่ถึงอย่างนั้น การเป็นโสดไม่ได้บ่งบอกถึงความรู้หรือคุณธรรมของคนนั้นเลย สติปัญญาและความเข้าใจไม่ได้มาจากประสบการณ์ส่วนตัวแต่มาจากการยำเกรงพระเจ้า (สุภาษิต 9:10) ดังนั้นหากคุณอยากเรียนรู้จากใคร ให้มองหาคนที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้าผ่านการกระทำของเขา ไม่ใช่คนที่สั่งสมประสบการณ์มากล้นในชีวิต!

คุณมีภาพตัวคุณเองว่าจะมีชีวิตแต่งงานที่เต็มไปด้วยความสุขในช่วงอายุนี้ คุณรู้สึกสับสนกับชีวิตที่ยังโสดในตอนนี้ ซึ่งคุณอาจจะมองว่าตัวเองกำลังล้มเหลวในชีวิตอย่างหนักถ้าคุณจัดการกับชีวิตของคุณตอนนี้ไม่ได้

การแต่งงานเป็นเรื่องที่ดี แต่ชีวิตแต่งงานไม่ควรถูกนับเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จหรือความล้มเหลว จะโสดหรือแต่งงานก็แล้วแต่ เราต่างถูกเรียกมาแข่งขันเพื่อมงกุฎแห่งชีวิตจากพระเยซู ถ้าโลกนี้จะมีมาตรวัดความสำเร็จที่แท้จริงก็ควรเป็นการแข่งขันด้วยความอดทนเพื่อที่จะได้บรรลุสิ่งที่พระคริสต์ทรงจัดเตรียมไว้ให้เรา

ดังนั้นหากคุณรู้สึกหมดกำลังใจหรือท้อแท้กับชีวิตของคุณในตอนนี้ ให้รู้ไว้ว่าพระเจ้าทรงจัดเตรียมสิ่งที่คุณต้องการเพื่อให้คุณอยู่ในเส้นทางการแข่งได้อย่างสมบูรณ์และใช้ชีวิตด้วยการสรรเสริญพระองค์!

 

 

เมื่อเรานึกถึงความเดียวดายหรือการเป็นโสด เราคงจิตนาการว่าตัวเองจะเติบโตอย่างเดียวดายไม่มีใครเป็นเพื่อน ความกลัวนี้แหละที่ทำให้คนโสดส่วนมากลืมตาตื่นในยามค่ำและไถแอปหาคู่ไปมา โดยหวังว่าจะเจอ “คนที่ใช่”

แต่เราไม่จำเป็นต้องกลัวว่าจะต้องแก่ไปแบบไม่มีใครเคียงข้าง เพราะพระเจ้าทรงให้สัญญากับเราแล้วว่าพระองค์จะทรงดูแลเรา “จนกระทั่งเจ้าแก่ เราก็คือผู้นั้น เราจะอุ้มชูเจ้าจนเจ้าผมหงอก เราได้สร้าง เราจะแบกไว้ เราจะอุ้มชูและเราจะช่วยกู้” (อิสยาห์ 46:4) และนั่นคือพระสัญญาที่เราสามารถวางใจของเราที่พระองค์ได้

 

YOU MAY ALSO LIKE

กังวลจนไม่หลับไม่นอน

กังวลจนไม่หลับไม่นอน

WRITER: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ฉันนอนไม่หลับทั้งคืน บางคืนเราก็มีอาการนอนไม่หลับ หลับๆ ตื่นๆ พอเช้าตื่นมาก็ไม่สดชื่น อารมณ์ไม่ดี  การนอนไม่หลับส่งผลกระทบต่อคนส่วนใหญ่เป็นครั้งคราว แต่สําหรับบางคนอาจเจอปัญหานี้เป็นประจำ...

ทำไมเราถึงไม่กล้าปฏิเสธ

ทำไมเราถึงไม่กล้าปฏิเสธ

WRITER: ซาร่า โซ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: สุมิตรา ชามรามดาบานEDITOR: ปวีณา นิลบุตร “ถ้าใช่ก็จงบอกว่าใช่ ถ้าไม่ใช่ก็จงบอกว่าไม่ใช่” (ยากอบ 5:12) ขณะที่ฉันเขียนข้อความนี้ ฉันเพิ่งจะพูดว่า "ไม่" ที่จะฟังความขัดข้องใจของแม่เรื่องคนสนิทในครอบครัว...

พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)

พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)

WRITER: แคทเธอรีน ฟลินน์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ในปี 2003 ฉันอายุ 24 ปี และอาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษตอนที่ฉันถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยเพื่อนร่วมห้องของฉัน...

MUSTARD SEED

Scripture quotations taken from The Holy Bible, Thai Standard Version 2011 ®

Privacy Policy

MUSTARD SEED is a part of
Our Daily Bread Ministries.

ABOUT US

We are a platform for Christian young people to ask questions about life and discover their true purpose. We are a community with different talents but the same desire to make sense of God’s life-changing word in our everyday lives.

® 2019 MUSTARD SEED . ALL RIGHTS RESERVED.

CONNECT WITH US

          

OUR OTHER LANGUAGES SITES
YMI (English)
WarungSaTeKaMu (Bahasa Indonesia)
雅⽶米 (Simplified Chinese)

Share This