
WRITER: โจแอนนา โละห์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: Mustard Seed Team
EDITOR: Mustard Seed Team
อุปมาเรื่องบุตรหายไปในพระธรรมลูกา 15:11-31 น่าจะเป็นเรื่องราวที่ทุกคนคุ้นเคย สามบทบาทหลักในเรื่องนี้สามารถเอาไปทำเป็นละครเลยก็ว่าได้ ประกอบไปด้วยบิดาผู้ร่ำรวย บุตรชายคนโต และบุตรชายคนเล็กที่ใช้ชีวิตสุดโต่ง
จากที่เราได้อ่านพระธรรมข้อนี้ เราคงรู้แล้วว่าลูกชายคนเล็กออกเดินทางไปยังเมืองไกลและผลาญทรัพย์สินที่พ่อให้ (ลูกา 15:13) เขาใช้ชีวิตแบบฟุ่มเฟือยเพื่อความสุขของตัวเอง เขาทิ้งพี่ชายให้ทำงานหนักกับพ่อของเขา หลังจากที่ผลาญเงินที่พ่อให้จนหมด ไม่เหลือแม้แต่บาทเดียวและหิวโซ เขาจึงตัดสินใจเดินทางกลับบ้าน พอถึงบ้านแทนที่จะถูกตำหนิหรือถูกประณาม แต่กลับได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากพ่อของเขา
ฉันเป็นลูกคนโต ฉันต้องยอมรับเลยว่าค่อนข้างยากและใช้เวลาที่จะทำความเข้าใจเนื้อหาของเรื่องนี้ ความรู้สึกสงสารเห็นอกเห็นใจของฉันเทไปให้ลูกชายคนโต เขาทำงานหนักแค่ไหนก็ไม่เคยได้อะไรจากพ่อของเขา ไม่มีแม้กระทั่งคำชื่นชม ไม่มีงานเลี้ยงฉลองเพื่อเป็นเกียรติให้กับเขา แต่ลูกชายคนเล็กที่ผลาญมรดกที่ได้จากพ่อ กลับได้รับการดูแลเหมือนกับเป็นดาราดัง
แล้ววันหนึ่ง อุปมาเรื่องนี้ก็แตะใจฉันว่าความจริงแล้วเรื่องราวทั้งหมดนั้นเกี่ยวกับผู้เป็นพ่อ และสองบทเรียนที่ฉันได้นั้นเกี่ยวกับพระคุณและอัตลักษณ์ สองสิ่งนี้โดดเด่นขึ้นมาราวกับว่าฉันไม่เคยได้ยินมันมาก่อน อันดับแรก พระคุณคือของขวัญไร้ซึ่งข้อผูกมัด อับดับสอง เราสามารถที่จะเข้าใจอัตลักษณ์ที่แท้จริงของเราได้ก็ต่อเมื่อเรารู้จักพระบิดาในสวรรค์
พ่อ ในอุปมาเรื่องนี้แสดงเห็นถึงพระคุณที่ยิ่งใหญ่ต่อลูกชายทั้งสองคนของเขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพ่อรักและห่วงใยลูกมากแค่ไหน มันอาจจะทำให้เขาเสียใจมากเมื่อตอนที่เขายอมปล่อยให้ลูกชายคนเล็กออกเดินทางไปและไม่รู้ว่าจะได้มีวันพบหน้ากันอีกไหม พ่อคนนี้ไม่ขัดขวาง แม้ว่าการขอมรดกจากคนคนหนึ่งในเวลานั้น เปรียบเสมือนกับการแช่งให้เขาตาย แต่ในพระคัมภีร์บอกเล่าเรื่องราวของพ่อที่วิ่งเข้าหาลูกและถูกเติมเต็มด้วยความเห็นอกเห็นใจเมื่อลูกกลับมา
พ่อไม่เคยหมดหวังในลูกชายคนเล็ก แต่เฝ้ารอคอยทุกวันหวังว่าสักวันลูกจะกลับมา จริงๆ แล้วพ่อมีสิทธิ์ที่จะโกรธ แต่กลับตรงกันข้าม พ่อมีพระคุณมากมายรอลูกอยู่
พระคุณนั่นมีมากพอสำหรับลูกชายคนโตด้วย แม้ในเรื่องนี้อาจจะดูเหมือนว่าเขาไม่ได้รับการยอมรับจากพ่อของเขาสักเท่าไหร่ แต่พ่อของเขาพูดอย่างชัดเจนว่าทุกอย่างที่พ่อมีนั้นเป็นของลูกๆ
บางครั้งเราเป็นเหมือนลูกชายคนโตไหม? บางทีเราอาจจะมีทุกอย่างแล้วก็ได้ แต่เราไม่รู้ว่าเรามีมากเท่าไหร่หรือมากขนาดไหน
เราอาจจะโฟกัสที่การปรนนิบัติรับใช้พระบิดาของเรามากจนเกินไป จนเราพลาดการมีความสัมพันธ์กับพระองค์ เราหลงลืมการรับและการให้พระคุณ และจบลงด้วยการค่อยๆ เป็นคนที่ขมขื่นและเคร่งครัด ความรู้สึกไม่ปลอดภัยและการไม่เห็นคุณค่าในตัวเองจะเข้ามา เพราะเราคิดว่าเราจำเป็นต้องประสบความสำเร็จมากขึ้นเพื่อจะมีค่ามากขึ้น และเราก็หลงลืมว่าเราได้รับความรักจากพระบิดาในสวรรค์มากขนาดไหน เราจำเป็นที่จะต้องจดจำอยู่ตลอดเวลาถึงคุณค่าที่พระเจ้าทรงมอบให้ในฐานะที่เราเป็นลูกของพระองค์
ลูกชายคนเล็กในอุปมาเรื่องนี้ เราได้เห็นว่าพ่อของเขาคืนตำแหน่งและสิทธิต่างๆ เมื่อเขากลับมา นี่แสดงให้เราเห็นถึงอัตลักษณ์ของเราว่าถูกกำหนดขึ้นอย่างไรในพระเจ้าพระบิดาของเรา เมื่อพระองค์ทรงเรียกเราว่าบุตรธิดาของพระองค์ ไม่มีสิ่งใดจะแยกเราออกจากพระองค์ได้ แม้กระทั่งเมื่อเราทำอะไรที่ผิดพลาดและใช้ชีวิตเหลวไหล พระเจ้าทรงสถิตอยู่ด้วยและทรงทำงานในใจเราเมื่อเผชิญความยุ่งเหยิงเหล่านั้น สิ่งที่เราต้องทำคือแค่ขอ มันไม่ยากและไม่สายเกินไปที่จะขอ เราแค่ต้องเปิดใจต่อพระองค์ และก็เหมือนกับผู้เป็นพ่อในอุปมาเรื่องนี้ พระบิดาในสวรรค์ของเราวิ่งเข้าหาเราด้วยแขนที่เหยียดออก ความชื่นชมยินดีในรอยยิ้มของพระองค์เมื่อเราถ่อมตัวลงและเลือกที่จะพึ่งพาพระองค์อย่างแท้จริง
เราอาจใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตหรือมากกว่าเพื่อที่จะเข้าใจว่าพระเจ้าทรงรักเรามากเพียงใด และหวงแหนเราในฐานะบุตรธิดาของพระองค์ ในพระธรรมเอเฟซัส 3:18-19 เปาโลกล่าวไว้ว่า “ข้าพเจ้าทูลขอให้ท่านสามารถเข้าใจร่วมกับธรรมิกชนทั้งหมดถึงความกว้าง ความยาว ความสูง และความลึก คือให้ซาบซึ้งในความรักของพระคริสต์ซึ่งเกินความรู้ เพื่อพวกท่านจะได้รับความบริบูรณ์ของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม” ขอให้เราทุกคนรับรู้และเข้าใจความยิ่งใหญ่ของพระคุณที่เราได้รับผ่านความรักจากพระเจ้า และยอมให้สิ่งนี้เข้ามากำหนดชีวิตของเราว่าเราคือใคร
YOU MAY ALSO LIKE
ช่วยด้วย! ฉันหยุดคิดมากไม่ได้
WRITER: เรเชล มอร์แลนด์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: JoshuaEDITOR: สรสิทธิ์ ฑัมมารักขิตานนท์ ฉันมือสั่นขณะที่ฉันกำลังว้าวุ่นกับการหาข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตในมือถือว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน ไม่กี่วินาทีต่อมา...
พระเจ้าอยู่ที่ไหนในเวลาที่ผมเครียด?
WRITER: ซามูเอล เฮรีอันโต ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: ณัฐฤทัย อาสาประโคน EDITOR: Mustard Seed Team ผมเติบโตมาในครอบครัวคริสเตียน ทว่าช่วงมัธยมปลายผมกลับมีคำถามมากมายในเรื่องความเชื่อ คำถามเกี่ยวกับพระเจ้าเริ่มพรั่งพรูออกมาตอนที่ได้เรียนวิชาเคมี ฟิสิกส์...
ทำไมเราถึงไม่กล้าปฏิเสธ
WRITER: ซาร่า โซ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: สุมิตรา ชามรามดาบานEDITOR: ปวีณา นิลบุตร “ถ้าใช่ก็จงบอกว่าใช่ ถ้าไม่ใช่ก็จงบอกว่าไม่ใช่” (ยากอบ 5:12) ขณะที่ฉันเขียนข้อความนี้ ฉันเพิ่งจะพูดว่า "ไม่" ที่จะฟังความขัดข้องใจของแม่เรื่องคนสนิทในครอบครัว...