WRITER: ฟีลิป เราว์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: ชลิดา สุภาแสน
EDITOR: Mustard Seed Team
“อย่าลอกเลียนแบบอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบพระประสงค์ของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม” (โรม 12:2)
นักเทศน์มักจะเอ่ยถึงพระคำข้อนี้เพื่อย้ำเตือนเราทั้งหลายในการเปลี่ยนแปลง แต่การเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่หน้าตาเป็นเช่นไร?
เมื่อเราดูในบริบทของพระคำข้อนี้ เราจะเห็นว่าอาจารย์เปาโลเริ่มต้นในพระธรรมโรมบทที่12 ด้วยการหนุนใจพี่น้องคริสเตียนให้ถวายตัวแด่พระเจ้าเพื่อเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิต ในบทนี้นำเราไปสู่เรื่องนี้ อาจารย์เปาโลกล่าวถึงความเลวทรามในมนุษย์ และเราไม่สามารถช่วยตนเองให้รอดได้ด้วยการงานของเรา แต่โดยความเชื่อในพระเยซูเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อเราได้รับพระเมตตาของพระเจ้าผ่านทางความเชื่อ ก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตในอดีตของเรา ไม่ว่าจะเป็นคำพูด วิธีคิด และการกระทำของเราจะได้รับการเปลี่ยนแปลงโดยทันที ในความเป็นจริงเรายังคงถูกดึงดูดโดยวิถีชีวิตของโลกใบนี้ แต่มีความแตกต่างโดยสิ้นเชิงอย่างหนึ่งคือตอนนี้ชีวิตของเรามีพระวิญญาณบริสุทธิ์ และด้วยความช่วยเหลือจากพระองค์ เราจึงสามารถออกจากวิถีชีวิตในความบาปเดิมๆ ของเราได้ และรับเอาวิถีชีวิตที่บริสุทธิ์ นี่แหละคือการรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่
เพื่อให้เข้าใจมากขึ้นถึงความหมายของการเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่ ให้เราไปดูสิ่งที่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่เสียก่อน
-
ไม่ใช่การเรียกที่ “ความคิดบวกที่เป็นพิษ” : การฟื้นฟูความคิดไม่ได้เกี่ยวกับการใส่ความคิดของเราด้วยความคิดบวกต่างๆ เพื่อสู้กับความเป็นจริงที่แย่ๆ ที่เรากำลังเผชิญอยู่
- การฟื้นฟูความคิดไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่ง่ายเหมือนเปลี่ยนเส้นทางหรือแค่คิดนอกกรอบ มันไม่ใช่สิ่งชั่วคราวหรือเกิดขึ้นทันทีทันใด
อย่างไรก็ตาม
การฟื้นฟูความคิดและจิตใจคือการรื้อระบบทั้งหมดเพื่อลบความประพฤติและความเชื่อเดิมๆ ที่เราเคยสะสมไว้ออกไป
ก่อนที่เราจะมาเป็นคริสเตียน และรับเอาสิ่งที่ถูกต้องเข้ามาแทนที่ สำหรับผมแล้วการประพฤติที่ผิดและความเชื่อผิดๆ ที่ผมมีนั้น รวมถึงการไม่จ่ายหนี้ และความคิดที่ว่าการจินตนาการภาพลามกนั้นก็ดีกว่าล่วงประเวณีจริงๆ ซึ่งในทางกลับกัน ตามหลักพระคัมภีร์แล้ววิธีคิดที่ถูกต้องคือการทำงานเพื่อให้ได้มีอิสระทางการเงินเพื่อได้เป็นพรแก่คนอื่นๆ และคงความบริสุทธิ์ไว้จนกว่าเราจะแต่งงานกับคนที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ให้เรา
มันคือการเรียนรู้ผ่านทางความเชื่อที่ถูกต้องและการฝึกฝน เพื่อที่เราจะเริ่มเข้าใจพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับชีวิตของเรา
การเปลี่ยนแปลงไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน
ในพระธรรมโรม 12:2 บอกเราว่า “จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ” ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเราเอง เราจำเป็นต้องยอมจำนนต่อการเปลี่ยนแปลงในพระเจ้าอย่างต่อเนื่อง วิธีที่ดีที่สุดคือการหมกมุ่นอยู่กับพระคำของพระเจ้าและอธิษฐาน และมีสามัคคีธรรมกับผู้เชื่อคนอื่นอยู่เสมอ เพื่อทำให้เราได้รับรู้ความจริงและฟังเสียงของพระวิญญาณ สารภาพบาปของเราและรับการอภัย และเชื่อฟังพระเจ้าในการทรงนำในชีวิตของเรา
ผมเห็นว่ากระบวนการนี้สำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงจิตใจของผมเมื่อผมเสพติดภาพโป๊และการสำเร็จความใคร่
มันเริ่มเป็นกลไกในการเผชิญปัญหาเมื่อผมถูกบูลลี่และถูกกีดกันจากกลุ่มเพื่อน เมื่อเวลาผ่านไป ผมไม่สามารถควบคุมตนเองได้และยอมจำนนต่อมันมาโดยตลอด ผมไม่รู้ตัวเลยว่าสมองของผมคอยมองหาความพึงพอใจเมื่อไรก็ตามที่ผมมีความเครียด กดดัน หรือโมโห
ผมรู้ว่ามีบางสิ่งผิดปกติ แต่ผมก็ไม่ได้ระแคะระคายที่จะหยุดมัน ผมอยู่ในการเสพติดพฤติกรรมนี้อยู่ 7 ปี แต่แล้ววันหนึ่งบางสิ่งในตัวผม (ซึ่งผมเชื่อว่าเป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์) ทำให้ผมตระหนักได้ว่านี่ไม่ใช่ชีวิตที่พระเจ้าต้องการให้ผมเป็น ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะใช้ชีวิตให้เป็นทาสของตัณหา
จนกระทั่งผมได้เข้าร่วมโปรแกรมการเป็นสาวกของคริสตจักร เมื่อที่ปรึกษาของผมได้เล่าเรื่องราวตั้งแต่ในพระคัมภีร์เดิมจนถึงพระคัมภีร์ใหม่ ซึ่งผมได้เข้าใจอย่างแท้จริงถึงพระเมตตาของพระเจ้าและการไถ่ของพระองค์ และพระราชกิจของพระเยซูนั้นมีความสำคัญในทุกๆ ขั้นตอนอย่างไร จากความรอดไปสู่ความบริบูรณ์ การเข้าใจพระกิตติคุณทำให้ผมตระหนักว่าในพระเยซูคริสต์ ผมมีความหวังในการฟื้นฟูจิตใจและความคิดในชีวิตของผม ผมจึงตัดสินใจยอมจำนนความเจ็บปวดแด่พระเจ้า และวางความเชื่อไว้ที่พระองค์ในฐานะพระผู้ช่วยให้รอด และโดยการช่วยเหลือของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ชีวิตผมจึงสามารถเปลี่ยนแปลงได้
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ผมรู้ว่าผมไม่ได้หันไปหาความใคร่เพื่อปลดปล่อยความเครียดหรือเพื่อจัดการกับความเศร้าโศก
เพราะว่าโดยการสละพระชนม์ชีพของพระเยซูคริสต์ พระคำของพระเจ้า และการงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราจึงสามารถหลุดพ้นจากอำนาจของความบาปและแรงกระตุ้นฝ่ายเนื้อหนังของเรา
พระคำที่ช่วยฟื้นฟูจิตใจผมในการต่อสู้กับความใคร่ทางเพศคือการพักสงบ ผมสามารถใคร่ครวญพระวจนะที่กล่าวว่าพระเจ้าทรงสร้างการพักผ่อน และทำไมพระองค์ทรงสั่งให้เราหยุดพัก และจากการเรียนรู้ที่จะหยุดพัก ผมเห็นว่าผมตื่นตัวในด้านสุขภาพจิตได้อย่างไร และผมสามารถวิ่งออกหนีจากการล่อลวงของความใคร่ในความคิดของผม
พระเจ้าทรงจัดเตรียมผู้คนที่ผมสามารถหันไปหาเพื่อช่วยเหลือผม คอยชี้ทางในการทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่า เช่น การออกกำลังกาย การทานอาหารเพื่อสุขภาพ และแม้แต่เล่นเกมคลายเครียด หรือดูโชว์ต่างๆ เพื่อช่วยเปลี่ยนความสนใจของผม
แม้ว่าบางครั้งผมถูกล่อลวงอยู่บ้างโดยความปรารถนาทางเพศ แต่ผมก็ไม่ได้ถูกชักจูงเหมือนสุนัขที่ถูกจูง การสนับสนุนที่ผมได้รับกับความสัมพันธ์ที่สนิทสนมระหว่างผมกับพระเจ้าทำให้มันง่ายขึ้นที่จะปฏิเสธต่อการล่อลวงต่างๆ
จิตใจที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงหมายถึงตัวตนใหม่
เมื่อผมคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่ ผมนึกถึงภาพจากฉากในภาพยนตร์เรื่อง Batman ภาคล่าสุด
ในฉากไคลแม็กซ์ของหนัง ชาวเมืองก็อตแธมหลายพันคนรวมตัวกันที่สนามกีฬาเพื่อหนีน้ำท่วมที่เกิดขึ้นจากฝีมือของตัวร้าย เมื่อแบทแมนต่อสู้กับตัวร้ายเสร็จ เขาก็เห็นว่าสายไฟจากป้ายบิลบอร์ดกำลังจะขาด และอาจจะทำให้ไฟช็อตประชาชนที่อยู่ในน้ำ
ในฉากนี้ แบทแมนเคยแต่จัดการกับอาชญากร แต่เขาไม่เคยสละชีวิตเพื่อใครเลย ในเวลานั้น เมื่อเขาเห็นว่าตัวร้ายผู้ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากศาลเตี้ยของเขาได้ทำร้ายพลเรือนเมืองก็อตแธม เขาก็ตระหนักได้ว่าวิธีการศาลเตี้ยของเขานั้นใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป
เขาจึงได้จัดการสายไฟนั้นโดยการตัดมันออกด้วยอุปกรณ์บูมเมอแรงของเขา และเขาก็ตกลงไปในน้ำ ขณะที่อยู่ใต้น้ำเขาได้ทำสิ่งที่เขาสามารถทำได้เพื่อให้พลเมืองปลอดภัย นี่คือจุดเปลี่ยนของแบทแมน จากผู้ล้างแค้นสู่ผู้พิทักษ์แห่งความหวัง
หากการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของแบทแมนนั้นสามารถเปลี่ยนเขาจากศาลเตี้ยไปสู่การเป็นฮีโร่แห่งความหวัง แล้วความหวังที่น่าอัศจรรย์สำหรับเราในฐานะผู้ติดตามพระคริสต์จะน่าทึ่งสักแค่ไหน!
เมื่อเราเลือกรับตัวตนใหม่และเปลี่ยนแปลงทัศนคติของเรา จากการมองตัวเราจากพลเมืองของโลกนี้สู่พลเมืองของสวรรค์ (ฟีลิปปี 3:20-21) ตอนนั้นการเปลี่ยนแปลงจิตใจภายในของเราก็ได้เริ่มขึ้น เมื่อเรารับเอาความคิดของพระเยซู พร้อมรับความช่วยเหลือของพระวจนะและพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราก็จะค่อยๆ รับการเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่ด้วยการช่วยเหลือจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ และดำเนินชีวิตเหมือนพระเยซูมากขึ้น
YOU MAY ALSO LIKE
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน
WRITER: ฉีฉี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: นิศารัตน์ มั่นเกตุEDITOR: กรชวัล เพชรเลิศอนันต์ มันเป็นอีกหนึ่งวันที่ยาวนาน ในระหว่างที่ดูแลพวกลูกๆ สะสางงานต่างๆ ก็แทบจะไม่มีเวลาให้ได้พักหายใจเลย เมื่อลูกๆ...
ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?
WRITER: เมดาลีน คาลู ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: PinkEDITOR: Thitikarn Nithiuthai (Mesy) ฉันยังจำช่วงเวลาที่ฉันเริ่มต้นความสัมพันธ์กับพระเยซูได้ ราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงที่อากาศหนาวเย็นของเดือนมกราคม ฮันนาห์...
เสียงที่ดังพอ
WRITER: GRACESaoriEDITOR: Mustard Seed Team เคยไหม? ที่ในบางครั้งเสียงของใครบางคนก็ดังกว่าเสียงของตัวเอง เสียงนี้มักดังเร้าอยู่ภายในใจ บ่อยครั้งในเมื่อเราอยู่ในช่วงที่คิดไม่ตก ฟุ้งซ่าน หาทางออกไม่เจอหลายๆ สิ่ง แต่จะมีเสียงๆ นี้แหละ ที่กลับดังขึ้นมาหัวใจ...