fbpx
WRITER: ซาร่าห์ โซ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: ชลิดา สุภาแสน
EDITOR: ธัญธร จันทสุทธิบวร

สำหรับฉันช่วงขึ้นปีใหม่มันไม่ใช่ช่วงเวลาที่พิเศษอะไร ต้นเดือนมกราคมถือเป็นเหมือนเครื่องหมายในการเริ่มต้นกิจวัตรประจำวันเดิมๆของฉันทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน ที่คริสตจักรกับเพื่อนๆ ของฉัน

หลังจากจบการศึกษาจากมหาวิยาลัย ฉันจะไม่ได้ตั้งเป้าหมายให้กับตัวเองในแต่ละปีเพราะไม่อยากผิดหวังแต่ อย่างไรก็ตาม ฉันคิดกับตัวเองว่าในแต่ละปีฉันไม่ควรสังเกตการณ์เติบโตฝ่ายวิญญาณของตัวเองหรือ?

ในฐานะคริสเตียน ฉันถูกเรียกให้เติบโตในพระคริสต์โดยการติดสนิทกับพระเจ้า ซึ่งนั่นจะทำให้ฉันสามารถเกิดผล (ยอห์น 15:4-5) แต่ฉันจะติดสนิทอยู่ในพระเยซูได้อย่างไร? ฉันตระหนักว่าจิตวิญญาณของฉันจะเติบโตได้นั้นมันขึ้นอยู่กับการใช้เวลาของฉันกับพระเจ้าในพระคำของพระองค์ การอ่านพระคัมภีร์และการอธิษฐาน

ฉันตระหนักว่าจิตวิญญาณของฉันจะเติบโตได้นั้นมันขึ้นอยู่กับการใช้เวลาของฉันกับพระเจ้าในพระคำของพระองค์ การอ่านพระคัมภีร์และการอธิษฐาน

ฉันรู้ว่ายิ่งฉันมีวินัยฝ่ายวิญญาณมากขึ้นเท่าไหร่ ฉันก็จะยิ่งเติบโตมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อต้นปีฉันถูกกล่าวโทษ แต่ยังได้รับการหนุนใจจากพระคำที่พระเจ้าทรงตรัสกับชาวอิสราเอล ในเยเรมีห์ 29:13 ว่า “เจ้าจะแสวงหาเราและพบเราเมื่อเจ้าแสวงหาเราด้วยสิ้นสุดใจของเจ้า” พระเจ้าได้ทรงสำแดงพระองค์เองกับฉันว่า ถ้าหากว่าฉันต้องการที่จะเติบโตในพระองค์อย่างแท้จริง ฉันควรจะอ่านสิ่งที่พระองค์ทรงสำแดงและเปิดเผยพระองค์เองในพระคัมภีร์

เหนือก่อนสิ่งอื่นสิ่งใดฉันจะต้องเอาชนะคำโกหก 4 คำโกหก ที่ทำให้ฉันห่างไกลจากพระคำของพระเจ้า คำโกหกเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งในบทสนทนาระหว่างเรากับเพื่อนคริสเตียนด้วยกัน ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นข้อแก้ตัวที่เกิดจากธรรมชาติบาปของเรา ซึ่งเผยให้เห็นถึงการจัดลำดับความสำคัญที่ไม่ค่อยดี และวินัยส่วนตัวในการอ่านพระคำของพระเจ้า

คำโกหกที่ 1: พระคัมภีร์ยากเกินไปที่จะเข้าใจ

ในปีก่อนหน้านี้ ฉันลองอ่านพระคัมภีร์ครั้งละหนึ่งบท แต่มันยังไม่เพียงพอสำหรับฉัน เพราะฉันเป็นพวกที่ชอบการเรียนรู้ แบบองค์รวม” เมื่อฉันเริ่มเข้าใจพระคัมภีร์ในแต่ละบท ฉันจะสามารถเข้าใจจุดมุ่งหมายและความหมายของหนังสือเล่มนั้น ๆ ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเล่าเรื่องพระคัมภีร์โดยรวม

การอ่านแหล่งหนังสืออื่นเพิ่มเติมไปพร้อมกับๆ พระคัมภีร์ช่วยให้ฉันเข้าใจหนังสือแต่ละเล่มและโครงสร้างของพระคัมภีร์โดยรวมได้เป็นอย่างดี อีกสิ่งที่ช่วยให้มีความเข้าใจชัดเจนมากขึ้นคือการได้แบ่งปัน กับคนที่เป็นคริสเตียนด้วยกัน ในครอบครัวของฉันและในกลุ่มเรียนพระคัมภีร์เดียวกัน

คำโกหกที่ 2: ฉันไม่มีเวลาอ่านพระคัมภีร์

เมื่อกลางเดือนมิถุนายนของปีนี้ ฉันวางข้อแก้ตัวของฉันลงและเริ่มอ่านพระคัมภีร์ครั้งละหนึ่งบท เริ่มจากปฐมกาล ฉันศึกษาไปทั้งภาพและเสียงพร้อมกัน ฉันยังอ่านระหว่างเดินทางด้วย ซึ่งมันทำให้ฉันโฟกัสได้ดี และบางวันฉันใช้เวลาเดินทางนานถึงสองชั่วโมง ฉันจึงอ่านพระคัมภีร์จบเล่มภายในเจ็ดเดือน ยิ่งฉันอ่านและอธิษฐานเป็นประจำ วินัยฝ่ายวิญญาณนี้ได้กลายมาเป็นนิสัยจนฉันขาดไม่ได้ 

ยิ่งฉันอ่านและอธิษฐานเป็นประจำ วินัยฝ่ายวิญญาณนี้ได้กลายมาเป็นนิสัยจนฉันขาดไม่ได้ 

ราวกับว่าพระคัมภีร์แต่ละหน้ามีชีวิตและให้มุมมองใหม่เกี่ยวกับพระเจ้า และแผนการไถ่ของพระองค์ทำให้ฉันชื่นชมยินดีได้ในทุกวัน

คำโกหกที่ 3: ฉันไม่สามารถทำตามที่พระคัมภีร์บอกได้

ขณะที่อ่านพระคัมภีร์อยู่ ฉันพบข้อความที่ยากมาก โดยเฉพาะเกี่ยวข้องกับความบาป ตัวอย่างเช่น ฉันจำได้ว่าฉันติดอยู่กับข้อพระคำในพระธรรมเอเสเคียลบทที่16 ว่าพระเจ้าทรงรู้สึกถูกทรยศอย่างไร เมื่อคนอิสราเอลหันไปกราบไหว้รูปเคารพ เมื่อพระองค์ได้ประทานสิ่งที่ดีที่สุดแก่เขา

ฉันได้มุมมองใหม่ในความรักของพระเจ้าที่ทำให้ใจฉันแตกสลาย และทำให้ฉันกลับใจจากรูปเคารพ และอธิษฐานขอพระเจ้าให้ทรงช่วยฉันในการเชื่อฟังพระองค์ และได้แบ่งปันกับเพื่อนคริสเตียนบางคนให้ช่วยฉันที่จะทำเช่นนั้นให้ได้

เป็นการดีที่จะจดจำพระคำและพระบัญญัติของพระองค์ไว้ในจิตใจเรา (ฮีบรู 10:16) เพราะว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงทำการอยู่ภายในเรา ให้เรามีความสามารถทำตามชอบพระทัยของพระองค์ได้ (ฟิลิปปี 2:13) ในพระคัมภีร์เต็มไปด้วยผู้คนที่ไม่สามารถรักษาพระวจนะของพระเจ้าได้ แต่พระเจ้าก็ได้สำแดงถึงพระเมตตาและจัดเตรียมสิ่งจำเป็นสำหรับเราในการเชื่อฟังพระองค์ โดยกำลังและการจัดเตรียมของพระองค์เท่านั้นที่ทำให้ฉันสามารถเชื่อฟังและเกิดผลได้ (ยอห์น 15:5)

คำโกหกที่ 4: พระคัมภีร์ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉัน

ในแต่ละวันที่ฉันอ่านพระคัมภีร์ พระคำของพระเจ้าเป็นเหมือนข้อความสดใหม่ที่พูดกับฉันในทุกๆ วัน

ตัวอย่างเช่น เมื่อฉันอ่านหนังสือของโอบาดีห์ ฉันสงสัยว่าทำไมหนังสือเล่มนี้ถึงมีคำพยากรณ์เกี่ยวกับการพิพากษาเมืองเอโดมรวมอยู่ด้วย (โอบาดีห์ 1:1-21) อย่างไรก็ตามในขณะที่ฉันกำลังพิจารณาในบริบทที่เกี่ยวกับความยุติธรรมของพระเจ้าและพระเมตตาของพระองค์สำหรับการไถ่ ฉันจึงเข้าใจอย่างกระจ่าง

เมื่อได้อ่านข้อมูลอื่นๆ ฉันได้เรียนรู้ว่าในศตวรรษแรกของคริสตศักราช เมืองเอโดมไม่ได้มีอยู่แล้วในฐานะประเทศชาติ ทำให้มีน้ำหนักเกี่ยวกับการเตือนของพระเจ้าสำหรับการพิพากษาความบาป (โอบาดีห์ 1:18) โดยส่วนตัวแล้วฉันเรียนรู้หลายอย่างจากบทเรียนโอบาดีห์ว่า พระเจ้าทรงพระเมตตาและประทานคำเตือนล่วงหน้าเพื่อให้พวกเขากลับใจใหม่ แต่มันจะไม่คงอยู่เสมอไป พระเจ้าทรงยุติธรรมและจะทรงเพิกถอนคำเตือนหากเรายังดื้อและไม่เชื่อฟังต่อไป

ฉันจำคำเตือนในหนังสือโอบาดีห์ได้เมื่อฉันอ่านคำเตือนที่คล้ายคลึงกัน ในวิวรณ์ 20:15 และการประกาศข่าวประเสริฐสำหรับฉันจึงเป็นเรื่องสำคัญ สิ่งนี้กระตุ้นฉันในช่วงปลายปีที่จะแบ่งปันข่าวประเสริฐทั้งในชุมชนและในภูมิภาคอื่นๆ ในพระธรรมฮีบรู 4:12 กล่าวว่า “เพราะว่าพระวจนะของพระเจ้านั้นมีชีวิตและทรงพลานุภาพอยู่เสมอ และคมยิ่งกว่าดาบสองคมใด ๆ แทงทะลุกระทั่งแยกจิตและวิญญาณ ทั้งข้อกระดูกและไขในกระดูก และสามารถวินิจฉัยความคิดและความมุ่งหมายในใจด้วย”

ซึ่งนั่นให้ความกระจ่างแก่ฉันว่าพระคัมภีร์มีความเกี่ยวข้องกับชีวิตเราอย่างมากในทุกๆ วันมี

สองคำถามที่มีส่วนช่วยท้าทายฉันในการนำพระคัมภีร์มาใช้กับชีวิตคือ พระคำข้อนี้มีความหมายต่อผู้ฟังอย่างไร? และจากความหมายนี้ มีสถานการณ์ไหนในชีวิตของฉันที่ฉันสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้?

เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นที่ได้เดินกับพระเจ้าผ่านพระคำของพระองค์ ฉันได้รับความชัดเจน ตรงประเด็น และได้นำมาประยุกต์ใช้พระคำของพระเจ้าในชีวิตของฉัน

หากคำโกหกเหล่านี้หยุดคุณจากการลงลึกในพระคำของพระเจ้า ฉันอยากจะหนุนใจคุณให้สารภาพสิ่งเหล่านี้ต่อพระเจ้า วางทุกอย่างไว้บนความรักของพระเจ้า การให้อภัยของพระองค์ และกำลังที่มาจากพระเจ้า และแสวงหาความจริงในถ้อยคำของพระเจ้า  เพราะมีเพียงความจริงในพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถโต้ตอบคำโกหกของศัตรูออกไปได้  ปีใหม่นี้ขอให้เรามุ่งมั่นพยายามที่จะลงลึกในความสัมพันธ์กับพระเจ้าผู้ทรงรักเราและค้ำจุนเรา และปรารถนาให้จิตวิญญาณของเราเติบโตในพระองค์

YOU MAY ALSO LIKE

กังวลจนไม่หลับไม่นอน

กังวลจนไม่หลับไม่นอน

WRITER: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ฉันนอนไม่หลับทั้งคืน บางคืนเราก็มีอาการนอนไม่หลับ หลับๆ ตื่นๆ พอเช้าตื่นมาก็ไม่สดชื่น อารมณ์ไม่ดี  การนอนไม่หลับส่งผลกระทบต่อคนส่วนใหญ่เป็นครั้งคราว แต่สําหรับบางคนอาจเจอปัญหานี้เป็นประจำ...

ทำไมเราถึงไม่กล้าปฏิเสธ

ทำไมเราถึงไม่กล้าปฏิเสธ

WRITER: ซาร่า โซ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: สุมิตรา ชามรามดาบานEDITOR: ปวีณา นิลบุตร “ถ้าใช่ก็จงบอกว่าใช่ ถ้าไม่ใช่ก็จงบอกว่าไม่ใช่” (ยากอบ 5:12) ขณะที่ฉันเขียนข้อความนี้ ฉันเพิ่งจะพูดว่า "ไม่" ที่จะฟังความขัดข้องใจของแม่เรื่องคนสนิทในครอบครัว...

พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)

พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)

WRITER: แคทเธอรีน ฟลินน์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ในปี 2003 ฉันอายุ 24 ปี และอาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษตอนที่ฉันถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยเพื่อนร่วมห้องของฉัน...

Share This