
WRITER: คลีเมนไทน์ เชนจ์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: Mustard Seed Team
EDITOR: Mustard Seed Team
ตอนฉันอายุ 15 ฉันมักจะถามพ่อว่า พ่อคิดว่าฉันเก่งในด้านอะไร บทสนทนาของเรามักจะจบลงแบบเดิมๆ ฉันไม่สามารถหาจุดแข็งของตัวเองได้สักที คำตอบนี้ทำให้ฉันรู้สึกไม่พอใจและผิดหวังอยู่เสมอ
ตอนนั้น ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองเก่งหรือถนัดอะไร ฉันอยู่ในชั้นเรียนที่แย่ที่สุดในบรรดากลุ่มเพื่อนของฉัน และเกรดของฉันก็สูงกว่าเกณฑ์สอบผ่านแค่นิดเดียว
ฉันอยู่ในทีมแบดมินตันของโรงเรียน แต่ระดับความสามารถของฉัน ทำให้ฉันอยู่กึ่งกลางระหว่างผู้ที่แบกรับความหวังของชัยชนะเพื่อโรงเรียน และผู้ที่ก็แค่อยู่ที่นั่นเพื่อเรียนรู้และเพิ่มพูนประสบการณ์ ฉันรู้สึกแย่มากๆ เพราะโค้ชของฉันไม่ได้ให้คำแนะนำในช่วงพักเบรคการแข่งขัน พวกเขาคาดหวังให้ฉันแพ้ ฉันมักจะโหยหาชัยชนะที่ยิ่งใหญ่อัศจรรย์เพื่อจะได้พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็น รวมถึงตัวฉันเองด้วย ว่าฉันนั้นก็มีอะไรที่เก่ง
การที่รู้ว่าพี่สาวของฉันนั้นมีความสามารถที่ใครๆ ก็เห็นได้ มันไม่ได้ช่วยเรื่องการเห็นคุณค่าในตัวเองของฉัน ทักษะการวาดภาพประกอบของเธอยอดเยี่ยมมาก ในขณะที่ของฉันดูขยุกขยิกยุ่งเหยิงไปหมด เธอยังสืบทอดความสามารถของพ่อในการประกอบและซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าได้อย่างดี ในขณะที่ฉันทำพังอยู่ตลอดเวลา เธอเป็นคนที่ใจดีและอ่อนโยน ในขณะที่ฉันดูเหมือนจะได้รับการถ่ายทอดความอารมณ์ร้อนจากครอบครัว
ฉันเริ่มเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นอย่างหมกมุ่น และพยายามค้นหาสิ่งที่ฉันสามารถทำได้ดีกว่านี้ เมื่อฉันพบว่าโลกเสมือนจริง (virtual world) สามารถให้การยืนยันที่ฉันต้องการได้ ฉันหันไปสู่การเล่นเกม ยิ่งฉันใช้เวลาเล่นเกมมากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งไต่ระดับที่สูงขึ้นและมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นเท่านั้น ชื่อเสียงของฉันก็เป็นที่รู้จักมากขึ้นท่ามกลางโลกเสมือนจริง (virtual world) ในช่วงระยะเวลานึงการเล่นเกมได้ให้เหตุและผลที่ฉันเคยปรารถนา
การวางคุณค่าและตัวตนไว้กับความสำเร็จเสมือนจริงนั้นใช้ได้สักพัก แต่ไม่นานฉันก็รู้ว่าไม่มีใครให้ความสำคัญกับความสำเร็จในเกมของฉัน พ่อแม่และคุณครูของฉันต่างก็มองว่าการเล่นเกมนั้นไร้ค่า ไม่มีประโยชน์ และเป็นการเสียเวลาที่สุด และเป็นอีกครั้งที่ฉันถูกทิ้งให้รู้สึกผิดหวังและไล่ตามหาคุณค่าของตัวเอง และการยอมรับจากผู้อื่นในรูปแบบต่างๆ
เมื่อมองย้อนกลับไป ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าพระเจ้าทรงให้ความผิดหวังต่างๆ เหล่านี้เพื่อนำให้ฉันหันกลับมาหาพระองค์และทรงสำแดงให้ฉันเห็นว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ใด
พระเจ้าทรงให้ความผิดหวังต่างๆ เหล่านี้เพื่อนำให้ฉันหันกลับมาหาพระองค์
ในขณะที่ฉันพยายามขอความเห็นชอบจากผู้อื่นตลอดหลายปีที่ผ่านมา วงจรของความผิดหวังและความล้มเหลวก็เกิดขึ้นซ้ำๆ ไม่ว่าในด้านกีฬา การเรียน หรือกิจกรรมพิเศษต่างๆ ฉันไม่เคยได้รับการยอมรับที่ฉันปรารถนา ไม่ว่าฉันจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม ความผิดหวังและการถูกปฏิเสธนับครั้งไม่ถ้วนเปิดเผยให้ฉันเห็นว่าตราบใดที่ฉันเฝ้ารอการยอมรับจากมนุษย์ ฉันจะไม่มีวันพึงพอใจได้อย่างแท้จริง ฉันจะกลายเป็นคนที่หยิ่งยโสและต้องการมากขึ้นหรือกลายเป็นหดหู่ใจเพราะขาดการยอมรับ ในการเลิกทำสิ่งต่างๆ มันทำให้ฉันละสายตา จากมนุษย์และมองไปที่พระเจ้า
พระองค์ใช้การต่อสู้ดิ้นรนของฉันเพื่อให้ฉันเห็นว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ใด
ในการต่อสู้ดิ้นรนของฉัน ฉันเห็นพระเจ้าผู้ทรงมองเห็นฉันไม่เหมือนอย่างที่โลกมองเห็น ฉันเห็นพระเจ้าผู้ทรงเห็นอดีตที่ด่างพร้อยและการดิ้นรนต่อสู้อย่างต่อเนื่องของฉัน แต่ยังคงรักฉันมากกว่าที่ฉันจะจินตนาการได้ ฉันเห็นพระเจ้าผู้ที่ไม่สนว่าฉันจะเก่งหรือจะไม่เก่งในบางอย่าง แต่พระองค์ทรงใส่ใจว่าฉันได้เป็นผู้ดูแลและใช้ความสามารถของฉันอย่างดีหรือเปล่า ฉันเห็นพระเจ้าผู้ที่มองลึกลงไปในจิตวิญญาณของฉันด้วยความเอ็นดู และบอกฉันว่าคุณค่าของฉันต้องไม่ถูกวางไว้กับสิ่งใดในโลกนี้ แต่ให้วางที่พระองค์เท่านั้น ฉันต้องลดเสียงของความคิดของตัวเองที่ตะโกนบอกตัวฉันและปล่อยให้ความจริงนี้ซึมซับเข้ามา
ผ่านทางพระวจนะคำ พระเจ้าทรงเตือนฉัน “พระองค์ทรงสร้างข้าพระองค์อย่างอัศจรรย์น่าครั่นคร้าม” (สดุดี 139:14) ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก “พระองค์ทรงทราบ พระองค์ทรงเข้าใจความคิดของข้าพระองค์ได้แต่ไกล” (สดุดี 139:12) และรู้จักฉันด้วยชื่อของฉัน ฉันไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลยเพื่อที่จะได้ความรักนี้ ฉันไม่สามารถทำอะไรได้เลยเพื่อจะได้ความรักนี้ พระองค์ทรงรักฉันแม้ฉันจะไม่สมบูรณ์ และในความรักนี้แหละที่ฉันได้พบคุณค่าของตัวเอง
เวลาผ่านไป พระเจ้าทรงเปิดเผยของประทานและความสามารถที่พระองค์ทรงสร้างในตัวฉัน ปัจจุบัน เมื่อมีคนถามฉันว่าฉันถนัดหรือเก่งอะไร ฉันสามารถตอบด้วยความชื่นชมยินดีและด้วยความมั่นใจว่าพระเจ้าทรงสร้างฉันด้วยความสามารถต่างๆ ที่ไม่เหมือนใคร ฉันสามารถเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นได้อย่างลึกซึ้ง ฉันสามารถเขียนเล่าเรื่องได้ ความสามารถเหล่านี้อาจจะเล็กและไม่ได้สำคัญมากในสายตาของโลก แต่ฉันรู้ว่าพระเจ้าทรงสามารถและจะใช้มันอย่างมากมาย เพื่อพระสิริของพระองค์
แต่ทุกวันนี้ฉันก็ยังคงต่อสู้ดิ้นรน ฉันรู้สึกท้อแท้เมื่อมองย้อนกลับไปถึงความสัมพันธ์ที่ล้มเหลว เมื่อไรก็ตามที่ฉันเปรียบเทียบเกรดเฉลี่ยของตัวเองกับเพื่อนๆ หรือเลื่อนผ่านโพสต์ต่างๆ ของเพื่อนๆ บนเฟสบุ๊คแล้วเห็นว่าคนกดไลค์เยอะ มันง่ายมากที่ฉันจะเริ่มเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่นอีกครั้ง หมกมุ่นอยู่กับการสงสารตัวเอง และท้อแท้กับความคิดที่ว่าฉันจะไม่มีวันดีพอ
สิ่งที่แตกต่างไปคือในตอนนี้ฉันปรารถนาที่จะค้นหาคุณค่าของตัวเองในพระคริสต์ ฉันไม่อยากที่จะเห็นคุณค่าของตัวเองเหมือนที่โลกเห็น หรือไม่อยากใช้ความรู้สึกเป็นตัวกำหนด แต่ฉันพึ่งพิงที่ไม้กางเขนเพื่อพิสูจน์ตัวเอง ฉันต้องการละทิ้งความคิดเกี่ยวกับการด้อยค่าตัวเองที่ฉันยอมปล่อยให้มันหล่อหลอมตัวตนของฉัน ขณะที่ฉันค้นพบมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับตัวฉันเอง ฉันต้องการใช้ทั้งชีวิตเพื่อนมัสการพระเจ้า รับรู้ว่าการดีต่างๆ ในตัวฉันนั้นคือการอวยพรจากพระเจ้า เพื่อประสงค์พระองค์ (เอเฟซัส 2:10)
เราเป็นลูกของพระเจ้าเพราะพระองค์ทรงรักเราก่อน ก่อนที่เราจะทำอะไรก็ตามเพื่อให้ได้มาซึ่งความรักจากพระเจ้า พระเจ้าทรงรักเราและให้ตัวตนของเรา นี่คือความจริงที่ธรรมดา แต่อย่างไรก็ตามมันยากที่จะเข้าใจ บางทีเพราะเรานั้นยึดติดกับความคิดที่ต้องแลกบางสิ่งเพื่อให้ได้ความรักและคุณค่าด้วยแรงกำลังของเราเอง แต่ฉันอธิษฐานขอให้ความจริงนี้เข้าไปในส่วนลึกของเราและนำเราให้ยอมจำนนต่อหน้าพระพักตร์พระเจ้า และเพื่อเราจะได้เปลี่ยนจากผู้ที่ขาดคุณค่าในตัวเองเป็นผู้ที่ยึดมั่นในพระคริสต์
ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสร้างข้าพระองค์อย่างอัศจรรย์น่าครั่นคร้าม บรรดาพระราชกิจของพระองค์อัศจรรย์ ข้าพระองค์ทราบดี (สดุดี 139:14)
YOU MAY ALSO LIKE
ความผิดพลาด 3 อย่างที่สอนผมเรื่องพระปัญญาและเวลาของพระเจ้า
WRITER: ราฟาเอล ชาง ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: กาญจนา กาญจนพาทีEDITOR: ปวีณา นิลบุตร เมื่อตอนอายุประมาณ 20 ต้นๆ ผมได้วางแผนชีวิตว่าจะต้องเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เป็นนักดนตรี และเป็นผู้รับใช้ในคริสตจักรก่อนอายุ 25 ปี...
จากโรคบูลิเมียสู่โรคซึมเศร้า: พระเยซูทรงจับฉันไว้แน่นท่ามกลางความเจ็บป่วยทางจิตใจ
WRITER: เชวอง ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: ปาลีญา ธนาวัฒนเจริญEDITOR: สรสิทธิ์ ฑัมมารักขิตานนท์ เมื่อฉันมาเป็นคริสเตียนตอนอายุ 16 ไม่นานฉันก็ตระหนักได้ว่าชีวิตมันตรงข้ามกับคำสอนหลายๆ อย่างของเหล่าศิษยาภิบาล ชีวิตมันไม่ได้ง่ายเลย ความจริง...
พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)
WRITER: แคทเธอรีน ฟลินน์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ในปี 2003 ฉันอายุ 24 ปี และอาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษตอนที่ฉันถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยเพื่อนร่วมห้องของฉัน...