WRITER: จาเนล ไบร์ทเท็นสไตน์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: Mustard Seed Team
EDITOR: Mustard Seed Team
เพื่อนของฉันจ้องมองมาที่ฉันผ่านเฟสไทม์พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ “ฉันแค่อยากให้เธอรู้ว่าฉันนับคำว่า ‘โง่’ ได้ถึงหกครั้งเมื่อเธอพูดถึงตัวเอง”
เธอยิ้ม “ฉันบอกเธอเพราะอยากให้เธอได้รับการชำระให้บริสุทธิ์” มุขตลกจากเพื่อนสาว(ที่ชอบไปโบสถ์) ฉันก็ขอบคุณเธอ
ฉันไม่แปลกใจที่ฉันขอบคุณเธอ แต่แปลกใจที่เป็นแบบนี้บ่อยๆ ฉันรู้ว่าการเล่นมุกตลกโดยล้อเลียนตัวเอง (self-deprecation) เป็นหนึ่งใน “การบอกและแสดงออก” ว่าฉันเครียด
ฉันดีขึ้นที่จะไม่เล่นตลกล้อเลียนเกี่ยวกับร่างกายของตัวเอง แต่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฉันล้อเลียนเรื่องไหล่ที่กว้างใหญ่ของตัวเองที่เหมือนนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลให้พี่สาวของฉันฟัง ซึ่งมันทำให้บรรยากาศตรึงเครียดและพี่สาวของฉันพูดว่า “เธอจะพูดจาแบบนี้กับลูกสาวของเธอไหม?”
ทั้งหมดนี้ทำให้ฉันสงสัยว่าทำไมฉันถึงสบายใจที่จะพูดดูถูกตัวเองมากกว่าพูดถึงส่วนดีของตัวเอง
หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง นี่เป็นเหตุผลบางประการที่ฉันคิดได้:
1.ตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย (ซึ่งฉันได้รับการโหวตให้ได้รับรางวัลพิเศษของ “ผู้ที่ขอโทษมากที่สุด”) ฉันยอมเอาชนะผู้อื่นด้วยการวิจารณ์ตัวเอง มันเป็นกลไกป้องกันตัวจากการที่คนเราเคยเจ็บปวดมาก่อน ฉันเลยคิดว่าถ้าพวกเขารู้ว่าฉันเห็นความบกพร่องของตัวเอง พวกเขาจะไม่รู้สึกว่าต้องหลบๆ ซ่อนๆ คำวิจารณ์ที่มีต่อฉัน มันไม่ตลกเลยที่จะล้อเลียนเด็กผู้หญิงที่ยอมรับความผิดพลาดของตัวเองจริงไหม?
2. การพูดว่าสิ่งที่ฉันต้องการนั้น “โง่” นั้นง่ายกว่าการจัดการกับความหวังที่แตกสลาย การจมอยู่กับความอ่อนแอของตัวเอง การไม่เห็นคุณค่าของฉันง่ายกว่าการจัดการกับการถูกปฏิเสธ หรือความคิดที่ว่าฉันไม่สำคัญสำหรับใคร
3. เมื่อฉันยังเด็ก การพูดดูถูกและล้อเลียนตัวเองเป็นรูปแบบหนึ่งของการทำอะไรหรือพูดอะไรโดยหวังว่าเรียกร้องให้คนอื่นมาสนใจ (เรียกร้องให้มีคนชม)ในช่วงแรกๆ ของการแต่งงาน สามีของฉันอธิบายว่าสิ่งที่เรียกว่า “สิ่งที่ตรงกันข้าม” คือ ความเย่อหยิ่งและความไม่มั่นคงปลอดภัย แท้จริงแล้วเป็นบาปเดียวกัน เพราะ
เหมือนกับความหยิ่งยโส ความไม่มั่นคงปลอดภัยเกิดจากการพยายามค้นหาคุณค่าของตัวเองในความสามารถในการแสดงออก เพื่อให้ได้รับการยอมรับ
ฉันพบว่าสิ่งนี้เป็นจริงในตัวฉันเองและในคนอื่นๆ เรามักจะเห็นคุณค่าของตัวเองในสิ่งที่เราทำ สิ่งที่เรามี—ชื่อเสียง ครอบครัวของเรา หรือการควบคุม —หรือการยอมรับของผู้อื่น แทนที่จะมองว่าพระเจ้าสร้างเราให้เป็นคนอย่างไรและมองสิ่งที่พระองค์ทรงทำเพื่อเรา
การลดคุณค่าของตัวเอง vs ความถ่อมใจ
การลดคุณค่าของตัวเองและความถ่อมใจแตกต่างกันอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสารภาพสิ่งที่อ่อนแอและเปราะบาง? คร่าวๆ มันคือพื้นฐานของความรู้สึกถึงคุณค่า ความอ่อนแอเปราะบางมาจากพื้นฐานของความรู้สึกการเป็นที่ยอมรับ การมีคุณค่าของเรา การล้อเลียนตนเองอาจทำให้ความรู้สึกละอายใจยังคงอยู่ คุณอาจสงสัยว่าฉันจะมีส่วนร่วมกับอารมณ์ขันที่ดูถูกตัวเองได้หรือไม่ เช่น หัวเราะเยาะความผิดพลาดของตัวเองโดยไม่ดูถูกตัวเอง… ฉันคิดว่าได้ การที่เราเอาจริงเอาจังน้อยลงและยอมถ่อมใจได้นั้นเป็นสิ่งที่ดี เราต้องจำไว้ว่าการตรวจสอบแรงจูงใจของเรามีความสำคัญ ผู้เขียน Heather Davis Nelson เขียนไว้ว่า :
“ข้อความของความรู้สึกผิดคือ ‘ฉันทำสิ่งที่ไม่ดี’ และต้องการเหตุผลและการให้อภัย ข้อความของความละอายคือ ‘ฉันแย่’ และต้องการการเปลี่ยนแปลงตัวตนและความสัมพันธ์”
เป็นความแตกต่างระหว่าง “ความเมตตากรุณาของพระเจ้านำให้เรากลับใจ” และความกลัวที่กลืนกินเรา ความละอายเชื่อมสิ่งที่เราทำเข้ากับสิ่งที่เราเป็น ดังนั้นเราจึงไม่สมควรที่จะได้รับการยอมรับ การลดคุณค่าหรือล้อเลียนตนเองเลยเป็นเป้าหมายของเรื่องนี้ เพราะเราไม่ได้พูดถึงความอ่อนแอของเราด้วยความกล้าหาญ แต่พูดออกมาด้วยความไม่มั่นคง ในการไตร่ตรองทั้งหมดนี้ นี่คือความจริงที่ฉันรวบรวมจากพระวจนะของพระเจ้า:
1. ความตึงเครียดที่ดีเกิดขึ้นระหว่างตัวของเราทั้งสอง: คนบาปซึ่งถูกสร้างตามพระฉายาของพระเจ้า และคนที่ได้รับความรอดโดยความโปรดปรานที่ไม่สมควรได้รับของพระเจ้า
นั่นคือคำจำกัดความของความถ่อมใจสำหรับฉัน: มองตัวเองเหมือนที่พระเจ้ามองเรา
2. ฉันต้องมองตัวเองด้วย “วิจารณญาณอย่างมีสติ”—บอกความจริงเกี่ยวกับตัวเองให้ทั้งตัวเองและคนอื่นๆ รับรู้ ไม่มากไป ไม่น้อยไป ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไปที่ฉันแบ่งปันเกี่ยวกับตัวฉัน (นั่นคือความเปราะบางที่ดี และคนอย่างดาวิดก็เป็นแบบอย่างให้เรา) แต่การบอกความจริง เช่น ไม่โกหก หมายถึงการถ่ายทอดคุณค่าของฉันแม้ในขณะที่ฉันสื่อสารถ่ายทอดจุดอ่อนของตัวเอง
ตัวอย่างเช่น: “ฉันมีปัญหาเกี่ยวกับความเย่อหยิ่ง/โรคการกินผิดปกติ/การติดสื่อลามก แต่พระเจ้าก็ยังใจดีที่จะเปลี่ยนแปลงฉันจากภายในสู่ภายนอก”
ดังที่นักเขียนและครูสอนพระคัมภีร์ Mindy Clemons กล่าวไว้ว่า เมื่อผู้คนในพระคัมภีร์—เยเรมีย์, กิเดโอน, โมเสส, เอสเธอร์—ตั้งคำถามถึงความสามารถของพวกเขา พระเจ้าตรัสว่า: “เราเลือกเจ้า เราสร้างเจ้าในแบบที่เจ้าเป็น เรามีแผนการสำหรับเจ้า เราจะช่วยเจ้า เราจะทำให้เจ้ามีความสามารถ เราจะให้ทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ และเรายกโทษให้เจ้าแล้ว ดังนั้นเจ้าจงยกโทษให้ตัวเองด้วย”
3. ฉันกำลังแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อความอ่อนแอและความล้มเหลวหรือไม่?
ถ้าฉันไม่พูดถึงคนอื่นแบบนั้น (เอ้ย โง่มาก!) แล้วทำไมถึงพูดถึงตัวเองแบบนั้นล่ะ? นี่คือวิธีที่ฉันคาดหวังให้คนอื่นพูดถึงตัวเอง? แล้วลูกสาวของฉันล่ะ ฉันต้องการให้เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งที่สามารถยอมรับทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนของเธอ ที่ซึ่งพระเจ้าทรงมีชัยหรือไม่? (2 โครินธ์ 12:9-10)
เราจะรับคำชมด้วยความถ่อมใจได้ไหม?
Jeremy Taylor อนุศาสนาจารย์และนักเขียนในศตวรรษที่ 17 ได้เขียนคำแนะนำปฏิบัติ 19 ข้อเกี่ยวกับความถ่อมใจ หนึ่งในนั้นคือ:
ความถ่อมใจไม่ใช่การวิจารณ์ตัวเอง หรือสวมเสื้อผ้าขาดๆ หรือเดินไปมาอย่างอ่อนน้อมไม่ว่าคุณจะไปที่ไหน ความถ่อมใจประกอบด้วยความคิดเห็นที่เป็นจริงเกี่ยวกับตัวคุณ คือคุณเป็นคนที่ไม่คู่ควร
ใช่ ฉันไม่คู่ควร—และพระองค์ทรงเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนั้น (กาลาเทีย 2:20) พระคัมภีร์นิยามพระเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่าว่าเป็น “พละกำลังและบทเพลงของข้าพเจ้า” (อพยพ 15:2, สดุดี 118:14, อิสยาห์ 12:2): ฤทธิ์เดชของข้าพเจ้า; สง่าราศีของฉัน เพราะพระองค์มีสง่าราศีและชีวิตที่หล่อเลี้ยงในตัวฉันและผ่านฉันทุกวัน นั่นคือที่ที่ฉันสามารถตั้งแคมป์ได้เมื่อฉันเปล่งประกายด้วยความเมตตาของพระเจ้า
ในพระธรรมยอห์น 3:30—พระองค์ต้องยิ่งใหญ่ขึ้น แต่ข้าพเจ้าต้องด้อยลง—ฉันเคยได้ยินว่าฉันควรจะมองไม่เห็น ฉันไม่ต้องการขโมยเกียรติของพระเจ้าใช่ไหม? แน่นอน แต่ยอห์นผู้ให้บัพติศมาซึ่งกล่าวถ้อยคำเหล่านั้นย่อมไม่ถือตัว เขาเพียงนำความยำเกรงของเขาไปในที่ที่ถูกต้อง ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เกียรติ แต่อยู่ที่ทิศทาง
พระองค์ได้ทรงเปลี่ยนการไว้ทุกข์ของข้าพระองค์เป็นการเต้นรำ
พระองค์ทรงถอดเสื้อผ้ากระสอบของข้าพระองค์ออก
และทรงคาดเอวข้าพระองค์ด้วยความยินดี
เพื่อข้าพระองค์จะร้องเพลงสดุดีพระองค์และไม่นิ่งเงียบ
ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะขอบพระคุณพระองค์เป็นนิตย์ (สดุดี 30:11-12)
ไม่จำเป็นต้องลดเกียรติและคำสรรเสริญ เราสามารถเปล่งประกายเป็นแสงสว่าง และนำแสงไปในทิศทางที่ถูกต้อง
พระเกียรตินี้มิใช่มีแก่เหล่าข้าพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ มิใช่มีแก่เหล่าข้าพระองค์เลย แต่แด่พระนามของพระองค์,เนื่องจากความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์ของพระองค์ (สดุดี 115:1)
YOU MAY ALSO LIKE
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน
WRITER: ฉีฉี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: นิศารัตน์ มั่นเกตุEDITOR: กรชวัล เพชรเลิศอนันต์ มันเป็นอีกหนึ่งวันที่ยาวนาน ในระหว่างที่ดูแลพวกลูกๆ สะสางงานต่างๆ ก็แทบจะไม่มีเวลาให้ได้พักหายใจเลย เมื่อลูกๆ...
ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?
WRITER: เมดาลีน คาลู ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: PinkEDITOR: Thitikarn Nithiuthai (Mesy) ฉันยังจำช่วงเวลาที่ฉันเริ่มต้นความสัมพันธ์กับพระเยซูได้ ราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงที่อากาศหนาวเย็นของเดือนมกราคม ฮันนาห์...
เสียงที่ดังพอ
WRITER: GRACESaoriEDITOR: Mustard Seed Team เคยไหม? ที่ในบางครั้งเสียงของใครบางคนก็ดังกว่าเสียงของตัวเอง เสียงนี้มักดังเร้าอยู่ภายในใจ บ่อยครั้งในเมื่อเราอยู่ในช่วงที่คิดไม่ตก ฟุ้งซ่าน หาทางออกไม่เจอหลายๆ สิ่ง แต่จะมีเสียงๆ นี้แหละ ที่กลับดังขึ้นมาหัวใจ...