
WRITER: อดีมัส เซอ่า ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: สุนทรี กาญจนางกูรพันธุ์
EDITOR: กรชวัล เพชรเลิศอนันต์
อดีมุส (BBSC, BACC, MGPC, MAPP) มีความกระตือรือร้นในการช่วยเหลือผู้คนให้บรรลุเป้าหมายและช่วยให้มีสุขภาวะที่ดี เขาเป็นผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการของ Strengths Optimizer และทำงานเป็นผู้ให้คำปรึกษาที่ได้รับการรับรองจาก strengths coach และผู้ช่วยเหลือขั้นต้นในการสอนสุขภาพจิตเป็นเวลา 20 ปี เขาเป็นเจ้าของและผู้ผลิตช่องยูทูป Science UP Your Wellbeing ที่ซึ่งเขาสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญสุขภาวะที่ดีและแบ่งปันภูมิปัญญาในการช่วยเหลือการเติบโตของผู้คน ปัจจุบันเขาอาศัยอยู่ที่เมลเบิร์น
ในฐานะคริสเตียนที่เป็นผู้ให้คำปรึกษารายบุคคลที่ได้รับการรับรอง ผมได้เห็นและได้ยินคำพูดและการกระทำที่ไม่ได้ช่วยในการต่อสู้กับความวิตกกังวล
เขายังคงแบ่งปันการต่อสู้กับศิษยาภิบาลอนุชน และขอหยุดพักจากพันธกิจ ขณะที่ศิษยาภิบาลอนุชนเห็นอกเห็นใจและรับรู้ถึงความท้าทาย เขามีความเชื่ออย่างแรงกล้าว่าความวิตกกังวลของแกรี่จะหายไปผ่านทางการอธิษฐานและการอ้อนวอน เขาได้รับการบอกกล่าวว่า “ ไม่ต้องวิตกกังวลถึงสิ่งใดเลย” และเขาควร “ก้าวต่อไป” โดยนำอนุชนและวัยหนุ่มสาวนมัสการพระเจ้า เพราะพระเจ้าจะยกชูเขาขึ้นถ้าเขาไว้วางใจในพระองค์ และจะปลดปล่อยแกรี่จากความวิตกกังวลของเขา
โดยแท้จริงแล้ว แกรี่พยายามอย่างมาก เขานำความกล้าขึ้นมาที่การนมัสการ อธิษฐานเสียงดังและร้องเพลงดังกว่าเดิม เอาใจใส่ต่อกลุ่มคนอายุน้อยอย่างต่อเนื่อง และเชื่ออย่างมากว่าพระเจ้าจะทรงเยียวยาและปลดปล่อยเขา
แต่นี่เป็นเพียงการแก้ปัญหาเพียงชั่วคราว
เมื่อแกรี่เล่าประสบการณ์ของเขาให้กับผม เขาตำหนิตัวเองที่อ่อนแอ และเป็นคนเสแสร้ง และไม่สามารถ “ยึดกุมความคิดทุกประการให้มาเชื่อฟังพระคริสต์” (2 โครินธ์ 10 :5) ระหว่างร้องไห้สะอื้นอย่างมากมาย เขารู้สึกโดดเดี่ยว อับอาย และพ่ายแพ้
ผมทำงานร่วมกับแกรี่ ครอบครัวของเขา แพทย์ และศิษยาภิบาลอนุชน ในการจัดการโรควิตกกังวล พวกเราควรมองที่พระคัมภีร์ที่สอนเกี่ยวกับความวิตกกังวล สุขภาพจิต ความเชื่อ การเยียวยา ความเจ็บปวด ฤทธิ์อำนาจสูงสุดของพระเจ้า และวัตถุประสงค์ มุมมองด้านจิตวิทยาได้มีการกล่าวถึงเช่นกัน ครอบครัวของเขาให้เคล็ดลับในการสนับสนุนที่ดีที่สุดต่อแกรี่ระหว่างช่วงเวลานี้ และพวกเราทำงานร่วมกับแพทย์ของเขาในการพัฒนาแผนการดูแลสุขภาพจิตสำหรับเขา
เมื่อเวลาผ่านไป แกรี่เรียนรู้ที่จะจัดการระบายและลดความเครียดของเขาซึ่งทำให้เขาสามารถกลับไปทำภาระกิจของเขา รักพระเจ้า ดูแลกลุ่มอนุชนและวัยหนุ่มสาว สร้างผลกระทบต่อภาพรวมที่สำคัญในฐานะที่ปรึกษาด้านการเงิน
ผมได้พบผู้คนต่างๆ ซึ่งแบ่งปันประสบการณ์ของแกรี่
ในมุมมองฝ่ายจิตวิญญาณของแวดวงคริสเตียน ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะได้ยินเรื่องความวิตกกังวลเป็นเรื่องเเรกๆ
ผู้นำเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่าบุคคลต้องไม่หรือควรจะไม่มีประสบการณ์ความผิดปกติเรื่องความวิตกกังวล ถ้าหากว่าเขามีความเชื่อและไว้วางใจในพระเจ้าอย่างเพียงพอ ข้อพระคัมภีร์หลายข้อถูกยกนอกบริบทมาอ้างเพื่อการตัดสินและกล่าวโทษผู้คนเป็นผลให้รู้สึกผิดและอับอาย คริสเตียนที่ต่อสู้กับปัญหาสุขภาพจิต เช่น ความวิตกกังวล และซึมเศร้า บางครั้งถูกมองว่าขาดความเชื่อ มุมมองฝ่ายจิตวิญญาณล้มเหลว หรือเลวร้ายลง จัดว่าเป็นคริสเตียนที่ไม่ดี
แต่ในความเป็นจริง พระคัมภีร์พูดถึงความกลัว 365 ครั้ง ที่แสดงว่าความวิตกกังวลเป็นประสบการณ์พื้นฐานและธรรมดาของมนุษย์ ในผลการสำรวจของศูนย์สุขภาพจิตและสุขภาวะที่ดีล่าสุด พบว่า หนึ่งในห้าส่วนของชาวออสเตรเลีย ( 20 %) อายุ 16-85 ปี มีปัญหาด้านสุขภาพจิต (ซึ่งมีอาการวิตกกังวลสูงที่สุด) ใน 12 เดือนที่ผ่านมา เพียง 35 % ที่มีปัญหาสุขภาพจิตแล้วพบผู้เชี่ยวชาญ หนึ่งในอุปสรรคสำหรับการขอความช่วยเหลือคือความอัปยศ การแบ่งแยกและความลำเอียง และพบในทั้งแวดวงคริสเตียนและที่ไม่ใช่คริสเตียน
ไม่ว่าจะเป็นคริสเตียนหรือไม่ใช่ พวกเราล้วนเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า (โรม 3:23) อย่างไรก็ตาม พวกเรามีประสบการณ์เจ็บปวด การทดลอง และความยากลำบากในโลกนี้ ในทางตรงข้าม คริสเตียนไม่ได้รับภูมิคุ้มกันโรคทั้งทางร่างกายและจิตใจ
การส่งเสริมให้ผู้คนขอความช่วยเหลือ พวกเราต้องพัฒนาเรื่องการบอกเล่า ความเห็นอกเห็นใจ และการยอมรับปัญหาด้านสุขภาพจิต โดยเฉพาะในแวดวงคริสเตียนที่ปัญหาด้านสุขภาพจิตถูกมองว่าเป็นความบาป ความอ่อนแอ และความล้มเหลว
พวกเราต้องการได้รับความรู้เบื้องต้น ทักษะต่างๆ และความมั่นใจเมื่อจะช่วยเหลือคนที่มีปัญหาสุขภาพจิต ให้สามารถฟังและสื่อสารกับพวกเขาโดยไม่ตัดสินเขา ให้การสนับสนุนและส่งเสริมให้พวกเขาเข้าถึงความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญหรือการสนับสนุนอื่นๆ
ขั้นตอนปฏิบัติเหล่านี้เป็นแผนปฏิบัติการช่วยเหลือเบื้องต้นทางสุขภาพจิต ซึ่งผมจะอธิบายเพิ่มเติมต่อไป
ถ้าคุณกำลังต่อสู้กับปัญหาสุขภาพจิต…
ถ้าคุณเป็นคริสเตียนผู้มีประสบการณ์ที่กำลังต่อสู้กับความวิตกกังวลหรือโรคทางจิตเวช พูดออกมาและขอความช่วยเหลือ บอกพระเจ้าเกี่ยวกับความกังวล “พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยและเป็นกำลังของเรา เป็นความช่วยเหลือที่พร้อมอยู่ในยามยากลำบาก” (สดุดี 46:1) และ ไม่มีอะไรสิ่งใดสามารถแยกพวกเราจากความรักของพระเจ้าได้” (โรม 8:31-39)
แต่พระเจ้ายังคงให้ชุมชนแก่พวกเรา ดังนั้น บอกผู้อื่นเกี่ยวกับความวิตกกังวล พวกเขาอาจเป็นแพทย์ ศิษยาภิบาล ครอบครัวหรือเพื่อนๆ ของคุณ ใช่ ผมทราบว่ามันมีทั้งความเสี่ยงและความกล้าหาญ ผมเคยอยู่จุดนั้นมาก่อน ถ้าคุณรู้สึกยากลำบากที่จะบอกใครสักคน โดยเฉพาะถ้าคุณรู้สึกเป็นประสบการณ์ยากลำบากกับสุขภาพจิตในครั้งแรก ให้นึกถึงความยากลำบากเช่นเดียวกับปัญหาสุขภาพทางด้านร่างกาย ถ้าคุณเจ็บคอ ปวดศรีษะไมเกรน เจ็บหน้าอก หรือแขนขาหัก คุณจะไม่บอกใครสักคนและขอความช่วยเหลือเพื่อจะได้ทำในสิ่งที่ควรจะทำ เช่น เรียนหนังสือ ทำงาน ดูแลลูกๆ หรือ?
ในทำนองเดียวกัน ความเจ็บป่วยทางสุขภาพจิตก็เหมือนความเจ็บป่วยทางกาย มันต้องการความสนใจจากคุณ ทันทีที่คุณแบ่งปันความท้าทายและความอ่อนแอกับใครสักคนที่คุณไว้วางใจ พระเจ้าจะนำคนที่เหมาะสมเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนคุณ ถ้าผู้คนตัดสินคุณ ช่วยให้พวกเขาเข้าใจว่าคุณกำลังเผชิญอะไรอยู่ บอกพวกเขาว่าคุณต้องการอะไรจากพวกเขา และเดินหน้าต่อไปเพื่อหาคนเหมาะสมที่จะช่วยเหลือและสนับสนุนคุณ
ถ้าคุณมีเพื่อนที่กำลังเผชิญปัญหาสุขภาพจิต…
ถ้าคุณต้องการเดินเคียงข้างเพื่อน ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน หรือคนที่รักที่กำลังเผชิญปัญหาทางสุขภาพจิตของเขา ผมขอหนุนใจคุณให้พัฒนาความรู้ ทักษะและความมั่นใจในความรู้ทางด้านสุขภาพจิต
คุณสามารถทำได้โดยเข้าร่วมในสถาบันช่วยเหลือสุขภาพจิตเบื้องต้น (MHFA) การฝึกอบรมที่ได้รับการรับรองจาก MHFA ออสเตรเลีย หลักสูตรไม่ได้สอนเรื่องการวินิจฉัยหรือการรักษาโรค แต่ให้ความรู้และทักษะในการจับสัญญาณและอาการพื้นฐานของปัญหาทางสุขภาพจิต เพื่อที่จะเสนอการช่วยเหลือเบื้องต้น และให้แนวทางการรักษาที่เหมาะสมและการสนับสนุนอื่นๆ
ในฐานะผู้สอนที่ MHFA ผมสอนในองค์กร ชุมชน และคริสตจักรในการประยุกต์แผนปฏิบัติการ MHFA โดยใช้เทคนิคช่วยจำ –ALGEE
ข้อที่ 1 – Approach เข้าใกล้ผู้คน ประเมิน และช่วยเหลือในสถานการณ์วิกฤต
เมื่อคุณสังเกตว่าเพื่อนคุณกำลังเผชิญกับปัญหาสุขภาพจิต งานแรกคือเข้าถึงเพื่อน ระวังสถานการณ์วิกฤต และช่วยเหลือสิ่งที่พวกเขากำลังจัดการอยู่ คุณสามารถบอกเพื่อนคุณให้ทราบว่าคุณเป็นห่วงเกี่ยวกับสุขภาพจิตของเขา มันสำคัญที่คุณจะหาเวลาและระยะห่างที่เหมาะสมที่คุณทั้งคู่รู้สึกสบายใจและแน่ใจว่าคุณเคารพความเป็นส่วนตัวและความลับของเพื่อนคุณ
ข้อที่ 2 – Listen รับฟังและสื่อสารในอย่างไม่ตัดสิน
ขณะเมื่อรับฟังและสื่อสาร มันสำคัญที่จะไม่ตัดสินเกี่ยวกับเพื่อนของคุณหรือสถานการณ์ของเขา และหลีกเลี่ยงการแสดงออกถึงการตัดสิน คุณจำเป็นต้องรับเอาทัศนคติต่างๆ เช่น การยอมรับ ความจริงใจ ความเห็นอกเห็นใจ และทักษะการสื่อสารทางคำพูดและภาษากาย ที่จะช่วยให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นและเกิดความไว้วางใจ
ข้อที่ 3 – Give ให้การสนับสนุนและข้อมูล
ทันทีที่เพื่อนคุณรู้สึกว่าได้รับการรับฟัง มันง่ายที่จะช่วยเสนอการสนับสนุนและข้อมูล นี่รวมถึงการสนับสนุนด้านอารมณ์ เช่น เอาใจใส่ว่าพวกเขารู้สึกอย่างไร และให้ความหวังว่าเขาจะกลับคืนสภาพปกติ และการปฏิบัติการช่วยเหลือด้วยการงานอาจดูเหมือนรู้สึกท่วมท้นในขณะนั้น คุณสามารถถามเพื่อนๆ ของคุณว่าเขาต้องการข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพจิตหรือไม่
ข้อที่ 4- Encourage หนุนใจให้บุคคลได้รับการช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญอย่างเหมาะสม
บอกเพื่อนของคุณเกี่ยวกับทางเลือกที่มีอยู่สำหรับพวกเขา เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุน ตัวอย่างเช่น ยา การให้คำปรึกษา หรือรักษาทางจิตบำบัด สนับสนุนสมาชิกในครอบครัว ช่วยเหลือในการแนะนำอาชีพและการศึกษา และช่วยเหลือเกี่ยวกับรายได้และเงินกู้ยืม
ข้อที่ 5- Encourage หนุนใจสนับสนุนโครงสร้างอื่นๆ
คุณยังสามารถหนุนใจเพื่อนของคุณเพื่อหาวิธีช่วยเหลือด้วยตัวเองและหาการสนับสนุนของครอบครัว เพื่อน หรือผู้อื่น เช่น ทรัพยากรจากหน่วยงานอื่นๆ
แต่อย่าลืม….ดูแลตัวเอง
ในการดูแลและสนับสนุนผู้อื่นที่กำลังต่อสู้กับปัญหาสุขภาพจิตอาจเกิดมีความวิตกกังวลใจ หงุดหงิด และเหน็ดหนื่อย เพราะฉะนั้น มันสำคัญที่คุณใช้เวลาเพื่อดูแลสุขภาพและสุขภาวะที่ดีของคุณ ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจอยากถาม (ไม่ใช่นินทา) กับใครสักคนเกี่ยวกับสิ่งที่คุณได้ยินขณะที่เรารู้ว่าต้องเคารพในความเป็นส่วนตัวของผู้อื่นด้วย
เป็นสิ่งที่ดีเช่นกันเมื่อคุณได้ปรับอารมณ์หรือสุขภาพจิตหลังจากช่วยเหลือผู้ที่มีความวิตกกังวล โดยการกินอาหารที่ดี รักษาวินัยการนอนให้เป็นปกติ ฝึกมีสติ มีร่างกายที่กระฉับกระเฉงเสมอ พูดคุยกับคนที่สนับสนุน บอกความรู้สึกของคุณให้ผู้อื่นรับรู้ จัดตารางกิจกรรมเพื่อผ่อนคลาย และทำสิ่งที่มีส่วนช่วยที่ผ่านมาในอดีต
5 ข้อปฏิบัติจาก ALGEE เป็นทางที่ช่วยให้เดินร่วมกับเพื่อนหรือครอบครัวท่ามกลางการต่อสู้กับปัญหาสุขภาพจิต ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นคริสเตียนหรือไม่ใช่คริสเตียน คริสเตียนผู้ซึ่งช่วยเหลือคริสเตียนอื่นๆ ผ่านปัญหาสุขภาพจิต สิ่งที่เสริมจาก ALGEE อาจสนับสนุนได้โดยจดจ่อที่ RIPE – ความเป็นจริง เอกลักษณ์ พลังอำนาจ และ นิรันดร์กาล
ความเป็นจริง
ยอมรับความเจ็บปวด ความผิดหวัง และมีประสบการณ์ที่มีปัญหาสุขภาพจิตของพวกเขา เช่นเดียวกับที่พระเยซูตรัสว่าในโลกที่แตกสลาย พวกเราจะต้องเผชิญกับการทดลอง ปัญหา และความเสียใจ แต่พระเยซูยังตรัสด้วยว่าจงมีใจกล้าเถิดเพราะว่าเราชนะโลกแล้ว (ยอห์น 16:33)
ตัวตนของเรา
เตือนความจำพวกเขาว่าปัญหาสุขภาพจิตไม่ใช่ตัวตนของพวกเขา แต่ตัวตนของพวกเขาหยั่งรากอยู่ในพระคริสต์และไม่มีอะไรมาแยกพวกเขาออกจากความรักของพระเจ้าได้ (โรม 8:31-39 : สดุดี 139:17-18)
พลังอำนาจ
หนุนใจพวกเขาให้เข้าร่วมในการอบรมทางจิตวิญญาณ (เช่น ใคร่ครวญพระคัมภีร์ อธิษฐาน อดอาหาร นมัสการ รับใช้ เข้าเงียบ) ทูลขอและร้องขอพลังอำนาจของพระเจ้าเพื่อการเยียวยารักษา อย่างไรก็ตาม สำคัญอย่างยิ่งที่พวกเราทูลขอและร้องขอจากท่าทีที่ยอมจำนนในทางตรงกันข้ามกับความต้องการ (ลูกา 22:42, 2 โครินธ์ 12:7-9, 2 ซามูเอล 12:15-25, ดาเนียล 3:16-18)
นิรันดร์กาล
พระคัมภีร์แสดงให้พวกเราเห็นว่าพระเจ้ายังคงทำงานอย่างอัศจรรย์ พระเจ้าผู้ทรงรักษาและฟื้นฟู แต่พระคัมภีร์ยังคงสอนพวกเราว่าพระเจ้าทรงครอบครองและในพระปัญญาของพระองค์ไม่มีสิ้นสุด ไม่ใช่ทุกคนจะได้รับการรักษาและฟื้นฟูในที่นี่และเวลานี้ แต่พระเจ้าทรงมีพระสัญญาว่าลูกของพระองค์ จะได้พบกับประสบการณ์ชีวิตนิรันดร์กับพระคริสต์ที่ซึ่งจะไม่มีความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานอีกต่อไป (วิวรณ์ 21:4)
YOU MAY ALSO LIKE
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน
WRITER: ฉีฉี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: นิศารัตน์ มั่นเกตุEDITOR: กรชวัล เพชรเลิศอนันต์ มันเป็นอีกหนึ่งวันที่ยาวนาน ในระหว่างที่ดูแลพวกลูกๆ สะสางงานต่างๆ ก็แทบจะไม่มีเวลาให้ได้พักหายใจเลย เมื่อลูกๆ...
ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?
WRITER: เมดาลีน คาลู ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: PinkEDITOR: Thitikarn Nithiuthai (Mesy) ฉันยังจำช่วงเวลาที่ฉันเริ่มต้นความสัมพันธ์กับพระเยซูได้ ราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงที่อากาศหนาวเย็นของเดือนมกราคม ฮันนาห์...
เสียงที่ดังพอ
WRITER: GRACESaoriEDITOR: Mustard Seed Team เคยไหม? ที่ในบางครั้งเสียงของใครบางคนก็ดังกว่าเสียงของตัวเอง เสียงนี้มักดังเร้าอยู่ภายในใจ บ่อยครั้งในเมื่อเราอยู่ในช่วงที่คิดไม่ตก ฟุ้งซ่าน หาทางออกไม่เจอหลายๆ สิ่ง แต่จะมีเสียงๆ นี้แหละ ที่กลับดังขึ้นมาหัวใจ...