WRITER: โจนาธาน มาล์ม ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: Natty Grace
EDITOR: สุพิชชา จันทสุทธิบวร
คุณรู้ไหม ผมไม่เคยคิดว่าผมจะรู้สึกสนุกกับชีวิตมากไปกว่าช่วงสองสามปีที่ผ่านมานี้เลย ผมประกอบอาชีพอิสระ และภรรยาของผมกำลังเรียนต่ออยู่ ด้วยความที่ตารางเวลาของพวกเรายืดหยุ่นมาก และเราก็ยังไม่มีลูกด้วย เราจึงมีเวลาจัดทริปท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจมากมาย
ตัวอย่างเช่น สัปดาห์ที่แล้วเราเพิ่งกลับมาจากลาสเวกัส ซึ่งเราได้ชมการแสดงและได้ไปเที่ยวคาสิโนเกือบทุกแห่งในย่านนั้น หรือในช่วง 2-3 เดือนก่อน เราบินไปที่นิวออร์ลีนส์หนึ่งวันเพียงเพื่อกินอาหารเคจุน เราบินไปตอนเช้าและก็กลับในตอนเย็นเลย เพียงเพื่อกัมโบและเบเนต์ (Gumbo & Beignets) นอกจากนั้นเราก็ไปอาร์เจนตินา บราซิล และเม็กซิโกในปีนี้ด้วย เราจริงจังไปกับสิ่งที่ให้ “ความสนุกสนาน” นี้อย่างมาก
แต่เราจะต้องเดินทางไปลาสเวกัสกี่ครั้งกันจนผมจะเริ่มตระหนักว่าผมกำลังสนุกเกินไป? การใช้ชีวิตแบบคริสเตียนควรมีขอบเขตไหม? และเราควรมีมุมมองต่อความสนุกสนานอย่างไร?
คำถามเหล่านี้ควรค่าแก่การค้นหาคำตอบ รวมทั้งพระคัมภีร์ก็ได้ให้หลักการที่เป็นประโยชน์แก่การใช้ชีวิตกับเรา ในพระธรรม 1 ทิโมธี 6:17 บอกเราว่า พระเจ้าจะทรงประทานทุกสิ่งอย่างมากมายให้กับเราเพื่อความชื่นบานของเรา หรือในทางกลับกัน เราถูกเรียกให้อยู่ในวัตถุประสงค์ที่สูงกว่าคือ เพื่อทำการดี รักด้วยความเมตตา ก้าวเดินด้วยความถ่อมสุภาพ เพื่อสร้างสาวก เพื่อดูแลหญิงม่ายและลูกกำพร้าที่อยู่ในความทุกข์ยาก รวมไปถึงเพื่อใช้ชีวิตอย่างบริสุทธิ์…
ข้อพระคำนี้อาจดูเหมือนเป็นแนวคิดที่ขัดแย้งกัน แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่เลย จริงๆ แล้วผมเชื่อว่าความสนุกสนานยังเป็นวิธีที่ทำให้เราใกล้ชิดพระเจ้ามากขึ้น ซี.เอส. ลูอิส นักศาสนศาสตร์ชื่อดังได้กล่าวไว้ในหนังสือของเขา Reflections on the Psalms เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “โดยปกติแล้วความเพลิดเพลินที่เรามีทั้งหมดจะหลั่งไหลมาสู่การสรรเสริญ” คำถามที่เราต้องพิจารณาคือ ความสนุกเพลิดเพลินของเราสรรเสริญอะไรอยู่?
เมื่อเรารับรู้ถึงผู้ที่ให้สิ่งต่างๆ ที่ทำให้เราเพลิดเพลิน เราก็มีโอกาสสรรเสริญผู้ให้ความสุขนั้น เป็นไปได้ไหมที่คริสเตียนจะสามารถเปิดรับความสนุกสนาน ความเพลิดเพลิน ความชื่นบานได้ทุกช่วงเวลาของชีวิต เพราะเราสามารถสรรเสริญพระเจ้าผู้ที่จัดเตรียม และเป็นแหล่งที่มาของทุกสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นได้?
ความสุขนั้นคือสิ่งที่ดี และความสุขคือของขวัญ
ในขณะเดียวกัน หากเราไม่ระมัดระวัง ก็มีจุดที่ความสนุกเพลิดเพลินกลายเป็นวิถีแบบสุขนิยมแทน สุขนิยม (Hedonism) จะเกิดขึ้นเมื่อเป้าหมายเดียวในชีวิตของเราคือการมีความสุข แต่ในฐานะผู้เชื่อ นั่นเป็นวิถีชีวิตที่ราคาถูก สิ่งนี้แค่ทำให้เราใช้ชีวิตอย่างเพิกเฉยต่อวัตถุประสงค์ที่พระเจ้าทรงมีในชีวิตของเราอย่างสิ้นเชิง
ดังนั้น แล้วเมื่อไรที่ความสุขกลายเป็นสุขนิยม? ขอบเขตนั้นแตกต่างกันสำหรับเราคน
ต่อไปนี้คือคำถามสามข้อที่เราควรถามตัวเองเป็นครั้งคราว เพื่อช่วยทดสอบว่าเราวางความสนุกไว้ผิดที่หรือไม่?
เรากลายเป็นคนเสพติดความสนุกหรือไม่?
มันง่ายมากๆ ที่จะใช้ความสนุกสนานเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ อาจจะเป็นไวน์ การท่องเที่ยว รายการโทรทัศน์ หรือแม้แต่เกม Candy Crush Saga หรืออีกมากมาย สิ่งเหล่านี้มักล่อเราออกไปจากความเป็นจริงของชีวิตได้อย่างอัศจรรย์ แต่การวิ่งหนีความจริงซ้ำๆ อาจจะกลายเป็นการเสพติดได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของการตกเป็นทาส ในพระธรรมกาลาเทีย 5:1 เปาโลได้บอกเราว่า “เพื่อเสรีภาพนั้นเอง พระคริสต์จึงได้ทรงโปรดให้เราเป็นไท เหตุฉะนั้นจงตั้งมั่น และอย่าเข้าเทียมแอกเป็นทาสอีกเลย” ในบริบทนี้ อัครสาวกใช้กับการเข้าสุหนัต แต่หลักการนี้ก็ยังใช้กับการเป็นทาสทุกรูปแบบทั้งพันธนาการทางกฎหมาย การเสพติด หรือสิ่งใดก็ตามที่พระเจ้าไม่ได้ทรงเรียกให้เราทำ
ความสนุกเพลิดเพลินควรให้เรารู้สึกเป็นอิสระ ไม่ใช่เหมือนเป็นทาส
ผมละเลยวัตถุประสงค์ในชีวิตของผมหรือไม่?
หากการแสวงหาความสนุกสนานทำให้เราไม่สามารถไปสู่การทรงเรียกของพระเจ้าในชีวิตของเราได้ มันก็กลายเป็นวิถีสุขนิยม นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะหยุดพักผ่อนไม่ได้ ตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นศิษยาภิบาล มันโอเคที่จะหยุดพักบ้าง เพราะการทรงเรียกนั้นถาวรนิรันดร์ แต่บทบาทที่คุณได้รับไม่ใช่กิจวัตรที่เข้มงวด แม้แต่มิชชันนารีก็ยังลาพักร้อน พ่อของผมซึ่งเป็นผู้บริหารหน่วยงานพันธกิจ ยังขอให้บรรดามิชชันนารีหยุดพักและเติมพลังบ้าง เป็นการพักผ่อนแบบสะบาโตเพื่อให้พวกเขาสามารถทำหน้าที่ของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
แต่ถ้าวันหยุดมากมายกลับฉุดรั้งเราที่จะแสดงน้ำใจ หรือสร้างอิทธิพลต่อคนที่เราประกาศพระวจนะของพระเจ้าไว้ แสดงว่าเรากำลังละเลยวัตถุประสงค์ที่พระเจ้าทรงเรียกเรา พระองค์ได้เรียกเราให้สร้างอิทธิพลในที่ที่เราอยู่ อย่าปล่อยให้การแสวงหาความสนุกสนานเป็นอุปสรรคต่อสิ่งนั้น
ผมกำลังตามใจตัวเองมากเกินไปหรือเปล่า?
“ผมสมควรได้รับวันหยุดพักผ่อน” เป็นสิ่งที่แทบทุกคนเคยพูดกันในตลอดช่วงชีวิตของเรา แต่ความจริงก็คือเราไม่สมควรได้รับอะไรเลย แต่เป็นพระคุณของพระเจ้าที่ช่วยให้เรามีสิ่งดีๆ เราไม่สมควรได้รับวันหยุด แต่เพราะพระคุณของพระเจ้า เราจึงได้มันมา ทัศนคตินี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการกำหนดความสนุกให้อยู่ในจุดที่เหมาะสมในฐานะผู้เชื่อ
เราสามารถเปลี่ยนมุมมองในความเพลิดเพลินที่ได้รับให้กลายเป็นความกตัญญูรู้คุณได้หรือไม่? ผมคิดว่าได้นะ ถ้าเรามีเวลาที่มีความสุขมากขึ้น เราจะมีโอกาสสรรเสริญพระเจ้าผู้ทรงประทานความสุขนั้นแก่เรา
มีเวลาสำหรับความสนุก เหมือนกับที่มีเวลาสำหรับทำงาน “มีฤดูกาลสำหรับทุกสิ่ง และมีวาระสำหรับเรื่องราวทุกอย่างภายใต้ฟ้าสวรรค์… มีวาระปลูก และวาระถอนสิ่งที่ปลูกทิ้ง… มีวาระรื้อทลายลง และวาระก่อสร้างขึ้น มีวาระร้องไห้ และวาระหัวเราะ มีวาระไว้ทุกข์ และวาระเต้นรำ (ปัญญาจารย์บทที่ 3) ข้อพระคำนี้เรียกเราให้ชื่นชมยินดีไปกับชีวิตของเราในแต่ละช่วงเวลาที่แตกต่างกันไป ใช้ชีวิตให้มีความสุขสนุกสนานเพลิดเพลินให้มาก แต่เมื่อฤดูกาลอื่นมาถึง ให้เรามาทุ่มเทพลังให้เท่ากันกับช่วงสนุกของเราด้วย
YOU MAY ALSO LIKE
กังวลจนไม่หลับไม่นอน
WRITER: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ฉันนอนไม่หลับทั้งคืน บางคืนเราก็มีอาการนอนไม่หลับ หลับๆ ตื่นๆ พอเช้าตื่นมาก็ไม่สดชื่น อารมณ์ไม่ดี การนอนไม่หลับส่งผลกระทบต่อคนส่วนใหญ่เป็นครั้งคราว แต่สําหรับบางคนอาจเจอปัญหานี้เป็นประจำ...
ทำไมเราถึงไม่กล้าปฏิเสธ
WRITER: ซาร่า โซ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: สุมิตรา ชามรามดาบานEDITOR: ปวีณา นิลบุตร “ถ้าใช่ก็จงบอกว่าใช่ ถ้าไม่ใช่ก็จงบอกว่าไม่ใช่” (ยากอบ 5:12) ขณะที่ฉันเขียนข้อความนี้ ฉันเพิ่งจะพูดว่า "ไม่" ที่จะฟังความขัดข้องใจของแม่เรื่องคนสนิทในครอบครัว...
พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)
WRITER: แคทเธอรีน ฟลินน์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ในปี 2003 ฉันอายุ 24 ปี และอาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษตอนที่ฉันถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยเพื่อนร่วมห้องของฉัน...