fbpx
WRITER: ชาร์เมน ซิม ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: เฮจี คิม
EDITOR: อาเกียว

เสียงระฆังดังขึ้นอย่างชื่นบานใจ ประตูเปิดออกพร้อมเศษกระดาษหลากสีโปรยปรายในอากาศ ขณะที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวปรากฎตัวออกมาพร้อมรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ซินเดอเรลล่าและเจ้าชายโบกมือร่ำลา ต่างก็จูบกันในระหว่างที่รถม้าหายไปท่ามกลางอาทิตย์อัสดง

ฉากนี้เป็นฉากที่ฉันจำได้อย่างแม่นยำ ฉันเป็นหนึ่งในเด็กหญิงที่เติบโตมาพร้อมกับการ์ตูนเจ้าหญิงดิสนีย์ หนังโรแมนติกคอมเมดี้และ เจน ออสติน เพิ่มเติมคือชีวิตแต่งงานที่มั่นคงของพ่อแม่ฉัน จึงไม่แปลกใจเลยที่เมื่อฉันโตขึ้นสิ่งที่ฉันตามหาคือการมีความสุขตลอดไป

ความรักโรแมนติกครั้งเเรกของฉันจบลงรวดเร็วพอๆ กับตอนเริ่มต้น ความฝันที่เคยวาดหวังไว้ล้มคว่ำไม่เป็นท่าไปเลย

แม้ว่าฉันเคยอธิษฐานและคิดว่ากำลังมองหาการทรงนำจากพระเจ้า แต่ความสัมพันธ์ที่พังทลายลงนั้นเปิดเผยให้เห็นว่า ภาพเปลือกนอกของความรักที่ฉันวาดไว้ครอบงำฉันอย่างไร ทั้งหมดที่ฉันเห็นจากเหตุการณ์นี้คือ การยั่วยวน ล่อตาล่อใจของความรักแบบโรแมนติกเท่านั้น

พระเจ้าปรับเปลี่ยนความคิดที่ฉันมีเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ ไปจนถึงการแต่งงานที่ฉันปรารถนา ช่วยให้ฉันเห็นว่าจะถวายเกียรติแด่พระเจ้าในทุกสิ่งที่ฉันทำอย่างไร ซึ่งรวมไปถึงความสัมพันธ์และการแต่งงานด้วย

ตั้งแต่ที่ความรักครั้งแรกล้มเหลว ฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับความรักเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย และนี่คือบางสิ่งที่ฉันอยากบอกกับตัวเองในตอนที่อายุยังน้อยว่า

1. มันไม่ได้เกี่ยวแค่คุณ หรือสิ่งที่คุณต้องการฝ่ายเดียว

เมื่อตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก ฉันเคยเขียนลิสต์รายการผู้ชายในอุดมคติมันก็สมเหตุสมผลดีนะ เป็นคริสเตียน เป็นคนขยัน ตัวสูง  และอื่นๆ

แต่สิ่งที่ฉันไม่ได้ทำคือ ฉันไม่ได้เขียนรายการที่ตัวฉันเองปรารถนาว่าจะเป็นคู่สมรสแบบไหน

แต่ฉันกลับไปจดจ่ออยู่ที่ว่าใครเหมาะสมกับรายการที่ฉันเขียนไว้.. “หนึ่งเดียว” ที่จะทำให้ฉันมีความสุข คนที่จะมาเติมเต็มฉัน แฟนคนแรกของฉันเหมือนจะเหมาะสม แต่เพราะเราทั้งคู่ต่างเข้ามาด้วยหัวใจที่แสวงหาแต่ความต้องการของตัวเอง ความสัมพันธ์ครั้งนั้นจึงล้มเหลว

ฉันยังเชื่อว่าเป็นการดีที่จะมีมาตรฐานขั้นพื้นฐานที่ดีในการเลือกคู่ครอง เพื่อที่คุณจะไม่ตกหลุมรักคนต่อไปที่มาพร้อมกับคำหวานและของขวัญ แต่มันไม่ควรหยุดเพียงแค่นั้น ความจริงที่ฉันพลาดไปอย่างเห็นได้ชัดคือ การแต่งงานประกอบกันขึ้นด้วยคนสองคน มันเกี่ยวข้องกับอีกฝ่ายหนึ่งมากพอๆ กับเกี่ยวข้องกับตัวเอง

ดังนั้นฉันจึงเริ่มมองข้ามความต้องการของตนเองและพิจารณาว่าฉันจะให้เกียรติพระเจ้าด้วยวิธีที่ฉันปฏิบัติต่อคู่ครองในอนาคตอย่างไร ฉันจะเป็นผู้ให้และไม่ได้เป็นผู้รับอย่างเดียวได้อย่างไร?

2. มันเกี่ยวข้องกับความรักที่ไม่มีเงื่อนไข

ฉันได้เรียนรู้ว่าสิ่งที่เราให้ได้คือ ความรัก ฉันไม่ได้หมายถึงความรักแบบ อีรอส(คำศัพท์จากภาษากรีก) ซึ่งเป็นความรักระหว่างเพศ แม้ว่าความรักประเภทนี้จะสำคัญก็ตาม แต่ความรักที่ค้ำจุนการใช้ชีวิตกับผู้อื่นในแต่ละวันคือ ความรักแบบ อากาเป  ซึ่งเป็นความรักแบบพระเจ้าที่ไม่มีเงื่อนไข และอดทนอดกลั้น ความรักโดยไม่มีเงื่อนไขนี้จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่นิรันดร์และหยั่งรากในพระเจ้าอย่างมั่นคง

เมื่อพระเจ้าให้มุมมองใหม่แก่ฉันในเรื่องของการแต่งงาน พระองค์สอนฉันให้รักผู้อื่นโดยไม่มีเงื่อนไข

บอกตรงๆ นะเป็นเวลานานทีเดียวที่ฉันใช้สิ่งนี้ดูผู้ชายคือ ศักยภาพ และดูว่าเขา เหมาะสม กับฉันหรือไม่

เมื่อฉันเข้าร่วมกลุ่มคริสเตียนในมหาวิทยาลัย พระเจ้าทรงเปิดตาของฉันที่จะมองเห็นว่าผู้ชายเหล่านี้คือพี่น้องก่อน และเป็นพี่น้องที่สำคัญสุด นั่นคือการที่ฉันเรียนรู้ที่จะเป็นเพื่อนแท้ เพื่อนที่คอยฟัง ช่วยเหลือและหนุนใจ ให้อภัยและทำดีเพื่อผลประโยชน์ของอีกฝ่ายโดยไม่มีความเห็นแก่ตัวแอบแฝง(ฟิลิปปี 2:1-4)

แน่นอนว่าฉันนำสิ่งนี้ไปใช้กับพี่น้องที่เป็นผู้หญิงเช่นกัน เพียงแต่ว่าการรักพี่น้องที่เป็นผู้ชายด้วยท่าทีที่ถูกต้องนั้น ช่วยรื้อแนวความคิด ความเข้าใจที่ฝังในหัวของฉัน และเตรียมฉันให้พร้อมกับมุมมองความคิดที่ถูกต้องเมื่อฉันแต่งงาน

เมื่อถึงเวลาที่ฉันจบการศึกษา มุมมองเกี่ยวกับการแต่งงานของฉันดีขึ้น และฉันก็มีความสุขกับมิตรภาพที่จริงใจและมั่นคงจนถึงทุกวันนี้

3. มันเกี่ยวกับการแสดงออกถึงความรักของพระเจ้า

การแต่งงานสะท้อนความสัมพันธ์ของพระเจ้ากับประชากรของพระองค์  ซึ่งเกี่ยวกับการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันด้วยความรัก พระเยซูคริสต์เปรียบเทียบพระองค์เองเป็นเจ้าบ่าว และคริสตจักรเป็นเจ้าสาว ใน เอเฟซัส 5:25-27 ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เราต้องรักอย่างที่พระคริสต์ทรงรักคริสตจักร เพราะเรารู้ว่าพระคริสต์ได้ทรงสละพระชนม์ของพระองค์เพื่อคริสตจักร และนั่นคือความรักแบบเดียวกันที่เราควรปฏิบัติ(ยอห์น 15:13)

จากนั้นพระเจ้าทรงออกแบบการแต่งงานให้เป็นเหมือนสนามสำหรับแสดงออกถึงความรักแบบไม่มีเงื่อนไขซึ่งเห็นได้ชัดเจนในชีวิตจริง  สามีของฉันและฉันได้เรียนรู้เรื่องนี้ทุกครั้งที่เราคนใดคนหนึ่งทำผิดพลาด เช่น ครั้งหนึ่งเมื่อเรากลับมาถึงบ้านหลังจากไปพักมาสองสัปดาห์ เราตรงไปเปิดตู้เย็นและพบว่าในนั้นเต็มไปด้วยราและกลิ่นของเน่าเสีย ไม่ต้องเดาเลยว่าใครที่ปิดตู้เย็นโดยไม่ได้ตั้งใจ

สามีของฉันน่าจะตะโกนใส่ฉันที่สะเพร่า ขาดความละเอียดรอบคอบ ซึ่งฉันสมควรที่จะได้รับสิ่งนี้จริงๆ  

แต่เขาก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น เขาเพียงแค่ถอนหายใจเฮือกใหญ่และก้มลงไปทำความสะอาดตู้เย็น

เรื่องนี้เป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้า เรายังคงทำผิดพลาดร้ายแรงอยู่เสมอ แต่พระเจ้าทรงช้าในการโกรธ ไวต่อการให้อภัย และมีพระเมตตาที่จะช่วยให้เราหลุดพ้นจากความยุ่งยากที่เราสมควรจะยังคงต้องติดอยู่เนื่องจากการกระทำของเรา หากเราทำอย่างถูกต้อง การแต่งงานก็นับว่าเป็นคำพยานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดถึงความรักของพระเจ้า ถ้าเรารักอย่างไม่เห็นแก่ตัวในชีวิตสมรส ยอห์น 13:35 ได้สรุปผลไว้ดังนี้ว่า “ถ้าท่านรักกันและกัน ดังนี้แหละทุกคนก็จะรู้ว่าท่านเป็นสาวกของเรา”

วัตถุประสงค์ที่ดีกว่า

หากพระเจ้าไม่เปลี่ยนความคิดของฉันใหม่ ฉันคงไม่ได้รับการเตรียมตัวสำหรับการใช้ชีวิตแต่งงานในแต่ละวัน มันคงจะมีความขัดแย้งมากขึ้น ใช้คำพูดไม่ดีต่อกัน ซึ่งทำให้มีความสุขน้อยลง ถ้าหากฉันและสามีต่างแสวงหาแต่การสนองความต้องการของตนเอง

แน่นอนว่ามันมีความสุขในการแต่งงาน ซึ่งเราก็เฉลิมฉลองกัน แต่มันมีความสุขมากกว่าความสุขแบบชีวิตของซินเดอเรลล่า ฟราสซิสและลิซ่า เฉิน ได้กล่าวไว้ในหนังสือ You and Me Forever ว่า

นี่เป็นสิ่งที่หลายๆ คู่ได้ทำผิดพลาด พวกเขาใช้เวลาไปกับการมองหาแต่ตนเองและมองซึ่งกันและกัน แต่มีเวลาน้อยมากที่จะมองไปยังพระเจ้า เมื่อนี่คือสิ่งที่พวกเขาจดจ่อ พวกเขาก็เริ่มสร้างทุกอย่างในชีวิตด้วยมุมมองที่มีแค่กันและกันซึ่งใช้เวลาด้วยกันได้เพียงไม่กี่ปีในโลกนี้ แทนการใช้เวลากับพระเจ้าซึ่งยาวนานเป็นล้านๆ ปี หรืออยู่ห่างไกลจากการทรงสถิตของพระองค์ พวกเขาใช้ชีวิตราวกับว่าพวกเขาจะไม่พบกับความตาย เขาใช้ชีวิตโดยคิดว่าพระองค์จะไม่เสด็จกลับมา

นี่คือมุมมองที่ฉันมีต่อการแต่งงาน คือการทรงเรียกเพื่อใช้ชีวิตร่วมกับอีกคนหนึ่งด้วยความรัก มีเป้าหมายเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้าในทุกสิ่งที่เราทำ และหยั่งรากมั่นคงในพระเจ้า เพื่อความชื่นชมยินดีของเรานั้นจะมาจากสิ่งที่เป็นนิรันดร์

นี่แหละที่เรียกว่า การมีความสุขตลอดไป

YOU MAY ALSO LIKE

กังวลจนไม่หลับไม่นอน

กังวลจนไม่หลับไม่นอน

WRITER: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ฉันนอนไม่หลับทั้งคืน บางคืนเราก็มีอาการนอนไม่หลับ หลับๆ ตื่นๆ พอเช้าตื่นมาก็ไม่สดชื่น อารมณ์ไม่ดี  การนอนไม่หลับส่งผลกระทบต่อคนส่วนใหญ่เป็นครั้งคราว แต่สําหรับบางคนอาจเจอปัญหานี้เป็นประจำ...

ทำไมเราถึงไม่กล้าปฏิเสธ

ทำไมเราถึงไม่กล้าปฏิเสธ

WRITER: ซาร่า โซ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: สุมิตรา ชามรามดาบานEDITOR: ปวีณา นิลบุตร “ถ้าใช่ก็จงบอกว่าใช่ ถ้าไม่ใช่ก็จงบอกว่าไม่ใช่” (ยากอบ 5:12) ขณะที่ฉันเขียนข้อความนี้ ฉันเพิ่งจะพูดว่า "ไม่" ที่จะฟังความขัดข้องใจของแม่เรื่องคนสนิทในครอบครัว...

พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)

พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)

WRITER: แคทเธอรีน ฟลินน์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ในปี 2003 ฉันอายุ 24 ปี และอาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษตอนที่ฉันถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยเพื่อนร่วมห้องของฉัน...

Share This