fbpx
WRITER: มาริซ่า ลุค ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: นารดา ไทรงาม
EDITOR: ธัญธร จันทสุทธิบวร

หมายเหตุจากบรรณาธิการ : บทความนี้มีรายละเอียดของการต่อสู้กับโรคซึมเศร้าและการทำร้ายตัวเอง

ในช่วงปีแรกๆ มันเป็นเพียงแค่ความหนักหน่วงทั้งในจิตใจและความคิด ที่มาแบบกระทันหันและคาดไม่ถึง ความรู้สึกที่ติดอยู่ในความมืดมิดและไร้ซึ่งความปลอดภัย แต่มันช่างท่วมท้นเหลือเกิน

ฉันเริ่มสูญเสียการควบคุมความคิดของตัวเองและถูกความกลัวครอบงำ ความสิ้นหวังก้าวเข้ามา และความหมดหวังเต็มอยู่ในหัวใจ

ฉันรู้สึกว่างเปล่า ฉันมองเห็น แต่ไม่อาจเข้าใจหรือรู้สึกได้

ฉันเดินอยู่ท่ามกลางหมอก ไปตามกระแสอย่างไม่มีเหตุผล

สิ่งเดียวที่ฉันรู้สึกคือความสับสน

ทุกวันผ่านไปโดยที่ฉันขังอยู่กับความคิดของตัวเอง ความซึมเศร้ารัดความคิดของฉันไว้ มันดึงม่านแห่งโอกาสที่ฉันจะมองเห็นความหวังหรืออนาคตออกไป บางครั้งดูเหมือนไม่มีทางออกจากความว่างเปล่าในความคิดของฉัน ฉันแบกภาระของการไม่มีตัวตนไปในทุกที่ที่ไป แต่จริงๆ แล้วฉันยังต้องการจะมีชีวิตแบบคนธรรมดาที่มีความสุข

ลึกลงข้างใน ฉันรู้ว่ายังมีสิ่งมหัศจรรย์ที่ต้องค้นพบ มีอนาคตรออยู่ข้างหน้า และมีเป้าหมายให้บรรลุ ฉันอยากอยู่ตรงนั้นเพื่อจะได้มีประสบการณ์กับมัน

“แต่ว่าฉันเป็นใครล่ะ?” “ฉันมีคุณค่าอะไร?” ฉันไม่สามารถมองเห็นจุดประสงค์และทิศทางได้สายตาของฉันถูกทำให้พร่ามัวไป

ฉันไปถึงจุดสูงสุดในปี 2018

ขณะที่ทั้งสองมือกำศีรษะเอาไว้แน่น ฉันตะโกน ขอให้มันหยุด ให้มันไปจากฉันเสียที แต่ความมืดกลับยิ่งยากจะแบกรับไหว มันโอบล้อมและเกาะฉันไว้แน่นขึ้นเรื่อยๆ ฉันโหยหาที่จะหลุดพ้นและพบกับความบรรเทา แต่กลับถูกความกลัวผูกมัดไว้ ฉันไม่สามารถแม้แต่จะร้องไห้ออกไป

มีวิธีแก้เดียววนเวียนอยู่ในหัวฉัน มันช่างเจ้าเล่ห์และทำให้มัวเมา เสียงหนึ่งพูดซ้ำไปซ้ำมาว่า “ทำร้ายตัวเองซะ ทำร้ายตัวเอง”

ฉันไม่รู้จักเสียงนี้ แต่มันยั่วยุและไม่ยอมหยุดจนกว่าฉันจะทำตาม เมื่อความคิดของฉันค่อยๆยินยอม ฉันหลงใหลไปกับแรงกระตุ้นที่คอยครอบงำ ให้ฉันทำร้ายตัวเอง โดยการจบชีวิตของฉัน ตอนนี้มีแต่ความปรารถนาที่จะเป็นอิสระจากการผูกมัดของความมืดที่คืบคลานเข้ามา

25 รอยกรีด 

ความเจ็บปวดช่างน่ากลัวเหลือเกิน แต่ฉันหยุดไม่ได้ ฉันจำเป็นต้องหนีจากสิ่งที่ได้กลายเป็นคุกทางความคิด

25 รอยเฉือน

ใบมีดแตะลงบนผิวหนังของฉัน สลักไว้ทีละครั้ง “นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการจริงๆ มันไม่ใช่” ฉันเป็นคนที่อยากมีชีวิตอย่างเต็มเปี่ยม โดยที่เปิดรับทุกสิ่งที่ดีเยี่ยมและไม่ธรรมดา

25 รอยแผล

“นี่ไม่ใช่คำตอบ พระเจ้าอยู่ที่ไหน?” ฉันรู้ว่าตัวเองต้องการความช่วยเหลือ และฉันต้องการมันจากพระองค์อย่างมาก ฉันรู้ว่าพระองค์ทรงช่วยได้ แต่พระองค์จะฟังฉันทำไม?

น้ำตาไหลลงนับไม่ถ้วน

ฉันมองขึ้นไป โดยไม่สามารถร้องออกมา ไม่สามารถมองเห็นอย่างชัดเจน และแทบไม่รู้สึกอะไรเลย

ทันใดนั้น ภาพของเชือกเข้ามาในหัวของฉัน เป็นความหวังให้ยึดเอาไว้แน่น- และร้องเรียกพระนามของพระองค์

พระนามบริสุทธิ์ พระนามยิ่งใหญ่สูงสุด

เสียงร้องที่จริงใจที่สุดผุดขึ้นมาจากใจของฉัน ฉันไม่สามารถพูดมันออกมาได้ เพราะการร้องไห้ทำให้มีอาการสั่นอย่างรุนแรง แต่ฉันมั่นใจว่าถึงกระนั้น พระองค์ทรงได้ยินฉัน

ฉันรู้สึกถึงการอยู่ใกล้

มันเป็นการปรากฏตัวที่ยิ่งใหญ่กว่าทุกสิ่งที่ฉันเคยรู้สึก ห้องที่ฉันอยู่ดูเหมือนจะไม่บีบเข้ามาหาตัวฉันอีก อากาศสดชื่นเริ่มไหลผ่านตัวฉัน

หัวใจของฉันกระซิบว่า “พระเยซู พระเยซู ” “ช่วยฉันด้วย”

จากนั้น ฉันมองเห็นอีกครั้ง ฉันรู้สึกได้อีกครั้ง ถึงเสรีภาพ การปลดปล่อย การฟื้นฟู สันติสุข และจุดประสงค์ ถ้อยคำเหล่านี้พุ่งเข้ามา ไม่ได้มาจากเสียงก่อนหน้านี้ที่พ่นแต่พิษ แต่เป็นเสียงแห่งความจริงและความรอด มันคือเสียงแห่งฤทธิ์เดชและสิทธิอำนาจที่อยู่เหนือความมืดและความกลัวทั้งหมด

มันเป็นเสียงที่ทำให้ความมืดหลีกหนีและแสงสว่างพุ่งเข้ามา ทั้งหมดเกิดขึ้นเพียงเอ่ยพระนาม เสียงที่หัวใจของฉันรับรู้ได้ว่าเป็นเสียงเดียวที่คู่ควรจะฟัง

เสียงของกษัตริย์ของฉัน องค์เจ้านายของฉัน พระบิดาของฉัน

แต่บัดนี้ ยาโคบเอ๋ย พระยาห์เวห์ผู้ทรงสร้างท่าน

อิสราเอลเอ๋ย พระองค์ผู้ทรงปั้นท่านตรัสดังนี้ว่า

“อย่ากลัวเลย เพราะเราได้ไถ่เจ้าแล้ว

เราได้เรียกเจ้าตามชื่อ เจ้าเป็นของเรา

เมื่อเจ้าลุยข้ามน้ำ เราจะอยู่กับเจ้า

และเมื่อข้ามแม่น้ำ มันจะไม่ท่วมเจ้า

เมื่อเจ้าเดินผ่านไฟ เจ้าจะไม่ถูกไหม้

และเปลวเพลิงจะไม่เผาเจ้า

เพราะเราคือยาห์เวห์เป็นพระเจ้าของเจ้า

องค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลผู้ช่วยให้รอดของเจ้า

เราให้อียิปต์เป็นค่าไถ่ของเจ้า

ให้คูชและเสบาเพื่อแลกกับเจ้า

(อิสยาห์ 43:1-3)

คุณค่าอยู่ในพระองค์ (ลูกา 12:7) เป้าประสงค์มาจากพระองค์ (1 เปโตร 2:9) กำลังอยู่ในพระองค์ (สดุดี 46:1) สันติสุขไหลมาจากพระองค์ (ฟิลิปปี 4:7) อันดับแรกคือฉันเป็นของพระองค์ (1 ยอห์น 3:1) ฉันเป็นของพระองค์ เพราะฉันถูกรัก (เยเรมีย์ 31:1)

ฉันถูกรัก อย่างลึกซึ้งและร้อนแรง รอยแผลของพระองค์คือหลักฐานยืนยัน รอยบนตัวของพระองค์แสดงถึงคุณค่าของฉัน (1 เปโตร 2:24)

สายตาของฉันต้องไม่มองรอยแผลที่ตัวเองทำไว้ แต่พักสงบในพระสิริอันรุ่งโรจน์ของพระผู้ช่วยให้รอดของฉัน และบาดแผลที่พระองค์แบกรับไว้แทนฉัน เพื่อให้ฉันมีชีวิต

ความล้ำลึกแห่งรักของพระองค์เหนือกว่าความมืดหรือความกลัว

ความรักของพระองค์ที่มีต่อเราช่างลึก กว้าง และสูงเหลือเกิน (เอเฟซัส 3:18)  สำหรับคุณ และสำหรับฉัน

มันเป็นความรักที่สวยงาม ไม่มีที่สิ้นสุด และไม่จำกัด

นี่คือเรืองราวของฉัน มันไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นของความหวังและความชื่นชมยินดีที่ถูกรื้อฟื้นขึ้นใหม่ พระเจ้าทรงรื้อฟื้นและไถ่เรา จงกล้าหาญเถิด

เมื่อคริสต์มาสใกล้เข้ามา ขอให้ “ความหวัง” ดังก้องในความคิดของคุณ ยอมให้มันสำแดงตัวเองภายในจิตใจของคุณ พระเยซูทรงบังเกิดก็เพื่อนำความหวังมาสู่เรา เรามีความหวังในพระองค์ คือพระผู้ช่วยรอดผู้ทรงฤทธาและพระบิดาผู้เต็มเปี่ยมด้วยความรัก

สาธุการแด่พระเจ้าพระบิดาแห่งพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา โดยพระเมตตาล้นเหลือของพระองค์ ทรงโปรดให้เราบังเกิดใหม่ เข้าในความหวังที่ยั่งยืน โดยการคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ และเข้าในมรดก ซึ่งไม่เสื่อมสลาย(และ)ไร้มลทิน และไม่ร่วงโรย ซึ่งได้เก็บรักษาไว้ในสวรรค์แล้วเพื่อพวกท่าน ผู้ได้รับการคุ้มครองโดยฤทธิ์เดชของพระเจ้าทางความเชื่อให้เข้าในความรอด ซึ่งพร้อมจะปรากฏในวาระสุดท้าย ในสิ่งนี้พวกท่านชื่นชมยินดี ถึงแม้ว่าเดี๋ยวนี้ จำเป็นที่พวกท่านต้องทนทุกข์ในการทดลองต่างๆ นานาชั่วระยะหนึ่ง (1 เปโตร 1:3-6)

*ในปี 2014 ฉันเริ่มต่อสู้กับอาการซึมเศร้า ในปี 2015 ความวิตกกังวลเข้ามา แต่กว่าฉันจะได้รับความช่วยเหลือทางการแพทย์ก็ในปลายปี 2017 และในปี 2018 ฉันถูกวินิจฉัยด้วยโรคซึมเศร้าและโรคกลัวการเข้าสังคม โดยความช่วยเหลือจากที่ปรึกษาคริสเตียนและจิตแพทย์คริสเตียน ฉันกระโดดเข้าสู่เส้นทางของการหายดี ผ่านการรักษาด้วยยาและการรื้อฟื้นความเข้าใจในความรักของพระเจ้าที่มีต่อฉัน

ฉันตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต่อสู้อาการซึมเศร้า ทั้งในฝ่ายวิญญาณและฝ่ายร่างกาย ความเข้าใจตรงนี้สำคัญมากสำหรับคนที่ต่อสู้อยู่กับความผิดปกติทางจิตใจ

นี่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่เผชิญกับความยากลำบากอีกเลย การรับประทานยาไม่ใช่ทางออกถาวร ฉันอาจต้องต่อสู้กับการป่วยทางจิตไปตลอดชีวิตหรือไม่นั้น ฉันไม่อาจรู้ได้

แต่แม้ในยามมืดมิดที่สุด พระเจ้าไม่เคยทอดทิ้งฉัน และพระองค์จะไม่มีวันทิ้งคุณไป

คุณสามารถเอื้อมมือออกไปขอความช่วยเหลือ จากพระเจ้าและจากคนที่คุณไว้วางใจ มันไม่ผิดอะไรที่ต้องการความช่วยเหลือ เพื่อจะได้มีชีวิตที่ดีและแข็งแรงขึ้น

สุดท้ายคือ ให้จดจำและยึดมั่นว่าพระเจ้าคือความหวังของคุณ พระองค์จะนำทางให้คุณก้าวต่อไปข้างหน้า

YOU MAY ALSO LIKE

กังวลจนไม่หลับไม่นอน

กังวลจนไม่หลับไม่นอน

WRITER: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ฉันนอนไม่หลับทั้งคืน บางคืนเราก็มีอาการนอนไม่หลับ หลับๆ ตื่นๆ พอเช้าตื่นมาก็ไม่สดชื่น อารมณ์ไม่ดี  การนอนไม่หลับส่งผลกระทบต่อคนส่วนใหญ่เป็นครั้งคราว แต่สําหรับบางคนอาจเจอปัญหานี้เป็นประจำ...

ทำไมเราถึงไม่กล้าปฏิเสธ

ทำไมเราถึงไม่กล้าปฏิเสธ

WRITER: ซาร่า โซ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: สุมิตรา ชามรามดาบานEDITOR: ปวีณา นิลบุตร “ถ้าใช่ก็จงบอกว่าใช่ ถ้าไม่ใช่ก็จงบอกว่าไม่ใช่” (ยากอบ 5:12) ขณะที่ฉันเขียนข้อความนี้ ฉันเพิ่งจะพูดว่า "ไม่" ที่จะฟังความขัดข้องใจของแม่เรื่องคนสนิทในครอบครัว...

พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)

พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)

WRITER: แคทเธอรีน ฟลินน์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ในปี 2003 ฉันอายุ 24 ปี และอาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษตอนที่ฉันถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยเพื่อนร่วมห้องของฉัน...

Share This