
WRITER: มิเชล ไล ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: นิศารัตน์ มั่นเกตุ
EDITOR: ไวท์
โรคซึมเศร้าของฉันเริ่มขึ้นเมื่อในเดือนธันวาคม 2006 ฉันจำได้แค่ว่า ตอนไปทัศนศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่น ฉันรู้สึกเศร้าและเหนื่อยอยู่ตลอดเวลา
มันก็เป็นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งปี 2007 ซึ่งเป็นปีที่ฉันต้องสอบวัดระดับความสามารถ ฉันรู้สึกเบลอและไม่มีสมาธิ ฉันมักจะต้องอ่านประโยคเดิมซ้ำๆ สิ่งนี้ส่งผลต่อการเรียนของฉัน แม้กระทั่งความสัมพันธ์ของฉันก็ได้รับผลกระทบในเวลาต่อมา ฉันมีอาการเจ็บหน้าอกอย่างต่อเนื่อง และรู้สึกเหมือนจะร้องไห้หรืออยากจะอาเจียนตลอดเวลา ฉันจำได้ว่าฉันร้องไห้และอาเจียนก่อนสอบในชั่วโมงเรียนวิชาชีววิทยา ขณะที่ฉันพยายามอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบอย่างเสียเปล่า
ในเวลานั้น ฉันรู้สึกเศร้าใจมากที่ต้องสมัครเข้าเรียนในโรงเรียนที่มีเพื่อนร่วมชั้นเรียนเพียงไม่กี่คน
เพียงเพราะฉันต้องการจะหนีจากทุกคนที่ฉันเคยรู้จัก ฉันไม่ได้คาดหวังว่าตัวเองจะได้เรียนต่อในระดับมัธยมต้น เพราะสถานการณ์ของฉัน มันเป็นเรื่องอัศจรรย์มาก ที่ฉันทำคะแนนสอบได้ดีและได้รับการตอบรับเข้าเรียนที่วิทยาลัยคริสเตียนได้
แต่เมื่อชั่วโมงเรียนแรกในโรงเรียนใหม่เริ่มขึ้น ฉันก็โดดเรียน ในตอนนั้นฉันไม่รู้ว่าฉันเป็นโรคซึมเศร้า ทั้งหมดที่ฉันรู้คือมีบางอย่างผิดปกติและฉันต้องการความช่วยเหลือจริงๆ แต่ฉันไม่รู้ว่าจะหาความช่วยเหลือได้จากที่ไหน ดังนั้น ฉันก็เลยหาทางที่จะหลีกหนีมันแทน ฉันโกหกพ่อกับแม่ว่าไม่มีเรียน หรือไม่ฉันก็จะเดินไปแถวๆ บ้านโดยสวมชุดนักเรียนแทนที่จะไปโรงเรียน
วันหนึ่ง อาจารย์ของฉันโทรมาหาและบอกกับฉันว่าต้องการที่จะคุยเรื่องการเข้าเรียนของฉัน
เขาอยากรู้ว่าฉันกำลังมีปัญหาอะไรรึเปล่า หลังจากที่คุยกับฉันแล้ว เขาก็ได้แนะนำให้ฉันไปพบกับอาจารย์ที่ปรึกษา เธอบอกว่าฉันอาจจะเป็นโรคซึมเศร้า และแนะนำให้ฉันไปพบแพทย์ ในที่สุดฉันถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้า และจะต้องทานยา
ในระหว่างการพูดคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาของฉัน เธอได้ถามว่าฉันเคยรู้จักพระเจ้า และรู้ว่าพระเยซูได้ทำสิ่งใดบนไม้กางเขนหรือไม่ ฉันตอบกลับไปว่าฉันเข้าใจบ้างเล็กน้อย เพราะโรงเรียนที่ฉันเคยเรียนเป็นโรงเรียนคริสเตียน ฉันจำได้ว่าฉันร้องไห้ในโรงเรียนประถมระหว่างการนมัสการวันศุกร์ประเสริฐ เมื่อได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับการที่พระเยซูได้สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนครั้งแรก ในตอนนั้นฉันบอกตัวเองว่าฉันไม่สามารถยอมรับพระคริสต์ได้ เพราะฉันไม่อยากทำให้แม่ของฉันซึ่งนับถือศาสนาอื่นรู้สึกไม่พอใจ ดังนั้นฉันจึงพยักหน้าเมื่อครูที่ปรึกษาบอกฉันว่าพระเจ้าไม่ได้เป็นแค่ครอบครัวของฉันเท่านั้น พระองค์ยังทรงรักฉันอย่างมากมายจนส่งพระบุตรของพระองค์มาสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อฉัน เพื่อที่ฉันจะได้มีชีวิตที่ครบบริบูรณ์
ในเวลาต่อมา แม่ของฉันได้ขอให้ลุงพาฉันไปคริสตจักร เธอรู้สึกว่าพระเจ้าและศาสนาของเธอไม่ได้ช่วยฉันเลย แต่เธอมีเงื่อนไขเพียงข้อหนึ่งคือ ฉันแค่ไปคริสตจักรเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อเปลี่ยนเป็นคริสเตียน ดังนั้นฉันก็เลยไปคริสตจักรกับลุงและฟังเทศน์
ฉันเริ่มอ่านหนังสืออัตชีวประวัติเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งที่หนีออกมาจากลัทธิด้วยเช่นกัน
แม้ว่าในหนังสือจะไม่ได้กล่าวถึงพระเยซู แต่เมื่อฉันได้อ่านก็ทำให้ฉันรู้สึกได้รับพระพรอย่างมาก
ในการได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ฉันสามารถรู้จักพระเจ้า ผู้ที่รักเรามากจนพระองค์ได้ทรงส่งพระบุตรองค์เดียวของพระองค์มาสิ้นพระชนม์เพื่อบาปของเรา
สิ่งนี้ทำให้ฉันยอมรับพระคริสต์ในใจและอธิษฐานเพื่อรับเชื่อพระคริสต์ในการรับคำปรึกษาครั้งต่อไป แม้ว่าฉันจะกังวลเกี่ยวกับปฏิกิริยาของแม่ แต่ฉันก็ตัดสินใจบอกเธอ แน่นอนว่าเธอไม่มีความสุข แต่โชคดีที่เธอไม่ได้ต่อว่าหรือตีฉัน
ในวันนี้ภาวะซึมเศร้าของฉันถูกควบคุมไว้ได้ด้วยการทานยา และฉันคิดว่าตัวเองหายดีแล้ว ตราบเท่าที่ฉันยังทำงานได้ดีและเป็นปกติ ฉันใช้เวลาเงียบๆ ภาวนาพระคำและพระสัญญาของพระเจ้าในทุกวัน เมื่อใดก็ตามที่ความคิดเชิงลบเข้ามาในความคิดของฉัน ฉันก็คิดถึงเส้นทางที่ได้ต่อสู้กับภาวะซึมเศร้า และพระเจ้าทรงสำแดงความเมตตาและพระคุณแก่ฉันผ่านช่วงเวลาทั้งหมดมาแล้วอย่างไรบ้าง
เมื่อมองย้อนกลับไป ฉันตระหนักได้ว่าฉันคงจะไม่ได้เป็นคริสเตียนถ้าฉันไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้า ฉันไม่ได้จะบอกว่าโรคซึมเศร้าเป็นสิ่งที่ดี แต่ฉันก็นึกถึงในพระธรรมโรม 8:28 “เรารู้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างร่วมกันก่อผลดีแก่คนที่รักพระเจ้า คือแก่คนทั้งหลายที่พระองค์ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์”
การเดินทางของฉันไปสู่พระเจ้านั้นไม่ใช่เรื่องปาฏิหาริย์ หากปราศจากพระองค์ ฉันคงจะไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีในการสอบวัดระดับความสามารถเลย ฉันคงจะไม่ได้ไปเรียนที่วิทยาลัยคริสเตียนไม่ได้พบกับครูที่ปรึกษา หากปราศจากการทรงนำจากพระเจ้า ฉันคงจะไม่ได้รับการรักษาอาการซึมเศร้าของฉันอย่างทันท่วงที
เรื่องราวปาฏิหาริย์เพิ่มเติมจากพระเจ้าคือ ในตอนนี้แม่ของฉันพูดคุยกับฉันเกี่ยวกับพระเยซูและคริสตจักรแม้ว่าเธอจะยังไม่เป็นผู้เชื่อก็ตาม และเธอไม่เพียงแค่ยอมให้ฉันเป็นคริสเตียนเท่านั้น เธอยังสนับสนุนในการเดินกับพระเจ้าของฉันด้วย
การสรรเสริญเป็นของพระเจ้า!
YOU MAY ALSO LIKE
ภายใต้หน้ากากรอยยิ้ม ฉันเคยฆ่าตัวตาย
WRITER: จานีน ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: เฮจี คิมEDITOR: Mustard Seed Team การฆ่าตัวตาย เรามักจะหลีกเลี่ยงคำนี้ให้พ้นจากสายตา เพราะดูน่ากลัว ต้องเผชิญหน้า และเป็นจริงเกินไป เราอ่านเจอได้ในหนังสือพิมพ์และดูข่าว แต่ส่วนใหญ่แล้วมันไม่ได้กระทบใจเราเป็นการส่วนตัว...
ทำไมการถ่อมใจ จึงไม่เหมือนกับการลดคุณค่าในตัวเอง
WRITER: จาเนล ไบร์ทเท็นสไตน์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team เพื่อนของฉันจ้องมองมาที่ฉันผ่านเฟสไทม์พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ “ฉันแค่อยากให้เธอรู้ว่าฉันนับคำว่า 'โง่' ได้ถึงหกครั้งเมื่อเธอพูดถึงตัวเอง” เธอยิ้ม...
จะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อไรควรลาออก
WRITER: แอนดรูว์ แลร์อาด ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: ณัฐฤทัย อาสาประโคนEDITOR: Mustard Seed Team แอนดรูว์ ทำงานอยู่กับ City Bible Forum ในประเทศออสเตรเลีย และเป็นผู้ดูแลโครงการ Life@Work...