วิธีสร้างสรรค์ในการอ่านพระคำ

WRITER: แอชลีย์ แอชคราฟท์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR : สรสิทธิ์ ธัมมารักขิตานนท์
EDITOR: ธัญธร จันทสุทธิบวร

ไม่รู้ว่าพวกคุณเป็นเหมือนกันไหม แต่หลังจากช่วงกักตัวฉันรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนเฉื่อยชา ไร้ซึ่งแรงจูงใจในการทำสิ่งต่างๆ และที่น่าเศร้าคือวินัยในการอ่านพระคำของฉันก็ได้รับผลกระทบ ไป ด้วยเช่นกัน เมื่อก่อนฉันจะเริ่มต้นแต่ละวันด้วยการอ่านพระคัมภีร์หรืออย่างน้อยก็จะมีการจัดเวลาไว้ช่วงหนึ่งของวัน แต่ตอนนี้ตารางเวลา ของฉันเละเทะไปหมด และนั่นก็ร่วมถึงการอ่านพระคัมภีร์ด้วย

ความละอายใจและความรู้สึกผิดที่บ่อยครั้งเกิดขึ้นเมื่อเราเริ่มออกห่างจากแผนการเฝ้าเดี่ยวซึ่งมัน สามารถทำให้เรารู้สึกหนักใจได้เหมือนกัน

หากเรากำลังรู้สึกผิดกับสิ่งนี้ ขอให้เรามีกำลังขึ้นในการอธิษฐานสารภาพถึงความปรารถนาในการอ่านที่ขาดหายไป ขอให้พระเจ้ามอบความปรารถนานั้นแก่เรา ขอให้พระองค์ช่วยให้เรามองถ้อยคำของพระองค์เหมือนเป็นเครื่องช่วยชีวิตของเรา เพราะถ้อยคำเหล่านี้นำเราไปหาพระเยซู ผู้ทรงเป็นชีวิตและแสงสว่าง

ถ้าฉันไม่ได้อ่านพระคัมภีร์ติดต่อกันหลายวันมากเกินไป มันจะมีความผิดพลาดบางอย่างเกิดขึ้น เคยมีครั้งหนึ่งเมื่อไม่กี่ปีก่อนตอนที่ฉันยังไม่ได้อ่านพระคัมภีร์เป็นประจำ และในช่วงนั้นฉันอ่านหนังสือที่สนับสนุนเรื่องของการทำสิ่งต่างๆ อย่างรวดเร็ว ความบากบั่น และทัศนคติในเรื่อง “แค่ทำให้มันจบไป” และด้วยเสียงเหล่านั้นที่คอยสั่งการในหัวของฉันตลอดเวลา ฉันก็เริ่มเดินหน้างานที่ฉันตั้งหน้าตั้งตารอมานาน แต่ในท้ายที่สุดแล้วงานนี้ก็พังไม่เป็นท่า และฉันก็รู้ตัวว่าฉันไม่ได้ฟังถึงน้ำพระทัยของพระเจ้าและการตักเตือน ถ้าตอนนั้นฉันใช้เวลากับถ้อยคำของพระองค์อย่างสม่ำเสมอ ฉันมั่นใจว่าเสียงของพระองค์จะมีน้ำหนักมากกว่านี้ และคงเป็นถ้อยคำของพระองค์ที่นำทางฉัน ไม่ใช่ด้วยความคิดของฉันเอง

เราจำเป็นต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อช่วยให้เราอ่านพระคัมภีร์ได้อย่างสม่ำเสมอ ฉันได้ระดมความคิดและวิธีต่างๆ ที่จะช่วยให้เราแต่ละคนรักษาความต่อเนื่องในการอ่านพระคัมภีร์ ให้กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตที่ขาดไม่ได้

หาเพื่อนสักคน

หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดคือการมีใครสักคนที่จะทำไปพร้อมกันกับเรา แทนที่เราจะเผชิญหน้ากับปัญหานี้เพียงลำพัง ให้เราหาเพื่อนในพระคริสต์และชวนเขามาทำร่วมกัน

วิธีการนั้นไม่ตายตัว ไม่ว่าจะใช้แผนการอ่านออนไลน์ร่วมกัน หรือการใช้เวลาพิเศษร่วมกันกับเพื่อนสนิท กลุ่มสร้างสาวก คู่หมั้น หรือลูกๆ ให้เราจัดตารางเวลาของเราในแต่ละวัน ตั้งเวลานัดหมายหรือตั้งเตือนในโทรศัพท์ของเรา อย่างในตอนที่เริ่มกักตัวใหม่ๆ สามีของฉันนำให้เราอ่านพระธรรมสดุดีทุกเช้า ฉันรู้สึกขอบคุณเขามากๆ เพราะในบางวันพระคำเหล่านั้นคือทั้งหมดที่ฉันได้รับ 

ทำให้มันสดใหม่

สิ่งที่ช่วยฉันได้อย่างมากเวลาที่ฉันประสบปัญหาในการอ่านพระคำคือการอ่านเวอร์ชั่นที่ต่างออกไป

พอเราอ่านพระคัมภีร์บ่อยๆ เราก็เริ่มชินกับมัน เป็นการง่ายที่จะกลายเป็นการอ่านผ่านๆ โดยที่ไม่ได้คิดใคร่ครวญอะไร การเลือกอ่านเวอร์ชั่นในการแปลที่ต่างออกไปจะช่วยให้เราอ่านช้าลงและจดจ่อกับสิ่งที่เรากำลังอ่านได้มากขึ้น

ลองอ่านการถอดความ (paraphrase) และการเล่าเรื่อง (retelling) ของเวอร์ชั่นต่างๆ เช่น เดอะแมสเซจ (The Message) เดอะวอยซ์ (The Voice) หรือ เดอะแพสชั่น (The Passion) หรือลองอ่าน “หนังสือพระคัมภีร์” (Reader’s Bible) ที่ตัวเลขกำกับบทและข้อถูกตัดออกไป ซึ่งจริงๆ ตัวเลขเหล่านี้ถูกใส่เพิ่มเข้าไปทีหลัง การมีตัวเลขกำกับบทและข้อนั้นช่วยให้เราสามารถหาสิ่งที่ต้องการได้ง่าย แต่ในขณะเดียวกันการอ่านโดยที่ไม่มีตัวเลขเหล่านั้นก็จะช่วยให้เราเห็นภาพว่าพระคัมภีร์แบบดั้งเดิมนั้นถูกเขียนให้อ่านอย่างไร มันจะช่วยให้รู้สึกเหมือนได้อ่านหนังสือจริงๆ แบบที่มันควรจะเป็น!

จดลงสมุด

การคัดลอกข้อพระคำลงสมุดเป็นสิ่งที่ฉันชอบทำมานานแล้ว เมื่อฉันจดอะไรบางอย่าง มันจะช่วยให้ฉันจำได้มากขึ้น เป็นการบังคับให้ฉันต้องทบทวนอีกครั้งถึงสิ่งที่อาจจะดูคุ้นเคยเกินไป บางทีคุณอาจเริ่มต้นจากพระธรรมสั้นๆ จากนั้นค่อยตั้งเป้าว่าจะคัดลอกทั้งหมดลงในการจดบันทึกประจำวัน หรือเลือกพระธรรมสดุดีบางบท หรือเรื่องราวที่คุณชอบ จดลงในกระดาษโน้ตแล้วแปะไว้ตามจุดต่างๆ เช่น ในบ้าน บนโต๊ะ หรือในรถของคุณ

ลองฟังมากขึ้น

มีแอปพลิเคชันมากมายที่เราสามารถใช้เพื่อฟังพระคำ “Dwell” เป็นหนึ่งในแอปพลิเคชันที่ฉันชอบ การมีคนอ่านพระคัมภีร์ให้ฟังในบ้านบ่อยครั้งก็มีผลกระทบที่ดีกับเรามากกว่าที่คิด บางคนบอกว่าเสียงต่างๆ รอบตัวที่เรา ”ไม่ได้ตั้งใจฟัง” ส่งผลกระทบกับเรามากกว่าที่เรารู้ ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เสียงต่างๆ รอบตัวเราก็ควรจะเป็นอะไรที่เสริมสร้างอย่างพระคำของพระเจ้า

อาจมีบางคนอยากฟังพระคำผ่านเสียงเพลง มีนักดนตรีหลายคนที่ยกพระคัมภีร์มาทำเป็นเพลง กลุ่มหนึ่งที่ฉันชอบคือ Psallos พวกเขามีทั้งอัลบั้มโรมและฮีบรู ที่เอาพระธรรมทั้งเล่มมาทำเป็นเพลง อัลบั้มโรมเร้าใจฉันอย่างที่เพลงนมัสการทั่วไปไม่สามารถทำได้ จงให้บ้านของเราเต็มไปด้วยบรรยากาศของเพลงแนวนี้และให้ความจริงทั้งหลายฝังเข้าไปในหัวของเรา

หากนิสัยของในการอ่านพระคำของคุณพร่องไปเหมือนฉัน อย่าโกรธตัวเองเลย

ขอให้พระเจ้าเปิดเผยกับคุณถึงสาเหตุว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ ถ้าเป็นเพราะขาดแรงจูงใจหรือไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร ก็ขอให้พระเจ้าสอนคุณและลองเอาวิธีต่างๆ เหล่านี้ไปใช้ แต่ถ้าพระเจ้าสำแดงว่าที่คุณไม่อ่านนั้นเป็นเพราะความขี้เกียจของคุณ ฉันขอหนุนใจให้คุณจริงจังกับมัน พูดจริงๆ นะ ฉันเองก็เป็นเหมือนกัน ในขณะที่เขียนบทความนี้ ฉันสัมผัสได้ถึงการทรงเรียกให้เชื่อฟัง ให้โตขึ้นและทำในสิ่งที่ฉันรู้ว่าอะไรที่จริงและอะไรที่ถูกต้อง นั่นคือการเอาตัวเองเข้าหาพระคัมภีร์ หนังสือที่นำฉันไปหาพระคริสต์

ยูจีน แพทเทอร์สัน กล่าวไว้ในหนังสือ Eat this Book ว่า “สิ่งที่ผมอยากให้ทุกคนตระหนักถึงก็คือพระคัมภีร์ทั้งเล่มนั้นมีชีวิต เป็นหนังสือที่สอนเราถึงการดำเนินชีวิต บอกเล่าให้เรารู้ถึงโลกที่พระองค์ทรงสร้าง ทรงจัดสรร และทรงอวยพร ในแบบที่เรารู้สึกเหมือนเป็นบ้านและมีชีวิตอย่างครบบริบูรณ์”

YOU MAY ALSO LIKE