WRITER: คริสติน อี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: เฮจี คิม
EDITOR: พาทินธิดา เจริญสวัสดิ์
เสียงเพลงนมัสการที่โบสถ์วันอาทิตย์นับว่าดี มีเพียงเสียงเพี้ยนครั้งเดียวเท่าที่ฉันนับได้ และคนที่ยืนอ่านพระวจนะบนธรรมาสน์นั้นก็ออกเสียงถูกต้อง
พอศิษยาภิบาลเริ่มเทศนา หัวสมองของฉันก็เริ่มประมวลผลในสิ่งที่เขาพูด ตั้งแต่ที่มาของพระวจนะ คำศัพท์ภาษากรีก จนไปถึงการตรวจสอบว่าพระเจ้าเป็นศูนย์กลางในคำเทศนานั้นหรือเปล่า
สิ่งที่ฉันทำนั้นไม่ใช่ลักษณะของคริสเตียนที่ถ่อมใจนัก
ฉันเติบโตมาในครอบครัวคริสเตียน จบจากวิทยาลัยศาสนศาสตร์ และทำงานกับกลุ่มองค์กรคริสเตียน ฉันรักประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และภาษา ดังนั้นฉันชอบที่จะให้สิ่งที่เกิดขึ้นถูกต้องตามหลักความรู้ทางพระคัมภีร์ อย่างที่อาจารย์เปาโลได้กล่าวไว้ว่า ความรู้นั้นทำให้ลำพอง เรื่องของอาหารที่บูชารูปเคารพนั้น เราทั้งหลายทราบแล้วว่า “ทุกคนต่างก็มีความรู้” ความรู้นั้นทำให้ลำพอง แต่ความรักเสริมสร้างขึ้น (1 โครินธ์ 8:1)
อย่าเข้าใจฉันผิดนะ การคุ้นเคยกับพระคำเป็นสิ่งที่ดี และการคิดวิเคราะห์ก็เป็นสิ่งที่ดีเช่นกัน มันสำคัญที่จะรู้ความเเตกต่างระหว่างคำเทศนาที่มาจากพระคำของพระเจ้ากับคำพูดเร้าใจที่มาจากมนุษย์ เเม้กระทั่งศิษยาภิบาลที่มีประสบการณ์เยอะๆ ก็สามารถที่จะผิดพลาดได้ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราควรตรวจสอบสิ่งที่ได้ยินด้วยพระคัมภีร์อีกครั้ง
แม้แต่ชาวเบโรอาก็ยังตรวจสอบอาจารย์เปาโลด้วยพระคัมภีร์ (กิจการ 17:10-11)
อย่างไรก็ตาม หน้าที่ของเราไม่ใช่การนั่งกอดอกประเมินคุณภาพของคำเทศนา ระหว่างการเทศนาในอาทิตย์หนึ่งฉันได้ตระหนักว่าตัวเองวิจารณ์ศิษยาภิบาลจนถึงจุดที่ต่อต้านคำเทศนาของเขา และยังรู้สึกภูมิใจเมื่อได้จับผิดเล็กๆ น้อยๆ เพียงเพื่อจะยืนยันสติปัญญาที่สะสมมาจากการอ่าน กระทั่งรู้สึกไปเองว่าสติปัญญาที่มีนั้นมากเกินจริง รวมถึงความมั่นใจที่ก็มากเกินเหตุด้วย
เมื่อฉันเข้าใจปัญหาที่เกิดจากทัศนคติของตัวเอง ฉันก็บอกให้ตัวเองหยุดคิดและวิจารณ์ แต่นั่นยังไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้องใช่ไหมล่ะ? ฉันเลยใช้เวลาที่เหลือในวันนั้นไปกับการพยายามหาจุดกึ่งกลางระหว่างการคิดวิเคราะห์กับความรักแบบคริสเตียน ในที่สุด ฉันจึงได้แนวทางที่จะช่วยให้ผ่านพ้นปัญหานี้ไปได้
แล้วมันสำคัญจริงๆ เหรอ?
บางครั้งฉันพบว่าตัวเองเรื่องมากในหลายเรื่องที่ไม่สำคัญ เช่น การออกเสียงผิด ที่ไม่ได้ทำให้ความหมายเปลี่ยนไป หรือการที่ศิษยาภิบาลอธิบายภาพของความอัศจรรย์ของสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง และยกตัวอย่าง “ดาวเคราะห์เก้าดวง” ในระบบสุริยะ ซึ่งแม้ว่าดาวพลูโตจะถูกตัดไปแล้ว แต่ใจความหลักก็ยังชัดเจนไม่ผิดเพี้ยน มันคงจะดูงี่เง่ามากถ้าฉันมานั่งกังวลในข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างการนมัสการ
ในทางกลับกัน บางครั้งความผิดพลาดก็นำมาสู่ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม ยกตัวอย่างเช่น เมื่อไม่นานมานี้ ฉันได้เข้าร่วมในกลุ่มศึกษาพระคัมภีร์ ในกลุ่มนี้มีสมาชิกใหม่คนหนึ่ง เขาตีความข้อพระคัมภีร์ในทางที่ไม่ถูก ทำให้เขาโต้เเย้งว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ใช่พระเจ้า ความคิดนี้เป็นสิ่งที่ขัดเเย้งกับคำสอนในพระคัมภีร์ เเละยังสามารถทำให้ผู้เชื่อใหม่ในกลุ่มเข้าใจผิดได้ ซึ่งจะทำให้ชีวิตของพวกเขาขาดการปลอบโยนของพระเจ้าไป (ยอห์น 14:16-17) ต่างจากการนับจำนวนดาวเคราะห์ในระบบสุริยะผิด สิ่งนี้เป็นปัญหาสำคัญที่ต้องนำมาพิจารณาและเเก้ไข
ต้องขอบคุณปัญหานี้ ผู้นำชั้นเรียนได้หยุดการตีความของสมาชิกใหม่คนนี้อย่างสุภาพ และเสนอที่จะพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจเป็นการส่วนตัว ในขณะที่บางความผิดพลาดเป็นสิ่งเล็กน้อยและไม่ได้มีผลอะไรที่เกี่ยวกับการใช้ชีวิตหรือความสัมพันธ์อื่นๆ มากนัก แต่ความผิดพลาดบางอย่างก็อาจมีผลเสียตามมามาก
ฉันต้องเรียนรู้ที่จะไม่อยู่กับความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ตลอดจนแสดงออกด้วยความรักในปัญหาที่จริงจัง
ถ้าสำคัญ เราจะแสดงออกด้วยความรักอย่างไร?
เมื่อเราเผชิญหน้ากับข้อบกพร่องในคำสอนหรือความผิดพลาดที่มีอำนาจพอจะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับผู้เชื่อใหม่ บางครั้งเราต้องแสดงออก แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องใส่ใจการแสดงออกนั้นด้วย บ่อยครั้งที่ฉันพบว่าตัวฉันเองกำลังคิดต่อต้านอยู่ในหัว หรือซุบซิบนินทาข้อบกพร่องทั้งหลายจนเป็นนิสัยโดยที่ไม่ทำอะไรกับปัญหาเลย
ถ้าฉันตัดสินใจว่าความผิดพลาดนี้ไม่ใช่เรื่องขี้ประติ๋วแต่ต้องทำอะไรบางอย่าง ดังนั้นฉันควรจะต้องถามตัวเองว่า ฉันกำลังแสดงออกด้วยความรักอยู่ไหม? ฉันควรจะต้องเริ่มจากการอธิษฐานและขอพระเจ้าให้ชำระความบาปออกจากแรงจูงใจเสียก่อน
ถ้าฉันไปค้านใครในชั้นเรียนพระคัมภีร์หรือเข้าไปหาศิษยาภิบาลหลังจากการเทศนา ฉันจะต้องแสดงออกถึงความรักและการรับใช้ ฉันค้นพบว่าทางเดียวที่ฉันทำได้คือ ให้เริ่มต้นด้วยคำถามและทำความเข้าใจมุมมองของคนอื่นก่อน บางทีเขาอาจจะรู้ในสิ่งที่ฉันยังนึกไม่ถึง หรือบางทีฉันอาจจะเข้าใจผิดไปเองก็ได้!
ถ้าหากฉันคุยปัญหานี้กับครอบครัวหรือเพื่อน ฉันควรจะคุยในแบบที่พยายามทำความเข้าใจและมองหาความจริงให้มากขึ้น แน่นอนว่ามันไม่ง่ายที่จะวิจารณ์ข้อผิดพลาด
“คิดยังไงเกี่ยวกับการตีความของผู้พูด?” หวังว่าประโยคนี้จะทำให้เราทุกคนมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งขึ้น และมั่นใจข้อเท็จจริงในพระคัมภีร์มากขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าฉันจะทำอะไร ต้องไม่มีความเหย่อหยิ่ง “จงทำทุกสิ่งด้วยความรัก” (1 โครินธ์ 16:14)
บ่อยครั้งที่ฉันมั่นใจในความคิดและความเข้าใจของตัวเองมากจนเกินไป ฉันต้องพยายามเรียนรู้ที่จะปล่อยวางในเรื่องที่ไม่สำคัญ อีกทั้งต้องคอยเตือนตัวเอง และขอพระเจ้าช่วยให้คิดและทำทุกอย่างด้วยความรัก ฉันอธิษฐานขอให้พระเจ้าครอบครองจิตใจที่หยิ่งยโส รวมทั้งเปิดเผยความผิดพลาดและความคิดเห็นที่ผิด ฉันยังคงถามคำถามนี้กับตัวเองตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา และขอพระเจ้าที่จะให้ฉันสามารถรักและมีความถ่อมใจกับผู้คนรอบข้าง
YOU MAY ALSO LIKE
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน
WRITER: ฉีฉี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: นิศารัตน์ มั่นเกตุEDITOR: กรชวัล เพชรเลิศอนันต์ มันเป็นอีกหนึ่งวันที่ยาวนาน ในระหว่างที่ดูแลพวกลูกๆ สะสางงานต่างๆ ก็แทบจะไม่มีเวลาให้ได้พักหายใจเลย เมื่อลูกๆ...
ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?
WRITER: เมดาลีน คาลู ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: PinkEDITOR: Thitikarn Nithiuthai (Mesy) ฉันยังจำช่วงเวลาที่ฉันเริ่มต้นความสัมพันธ์กับพระเยซูได้ ราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงที่อากาศหนาวเย็นของเดือนมกราคม ฮันนาห์...
เสียงที่ดังพอ
WRITER: GRACESaoriEDITOR: Mustard Seed Team เคยไหม? ที่ในบางครั้งเสียงของใครบางคนก็ดังกว่าเสียงของตัวเอง เสียงนี้มักดังเร้าอยู่ภายในใจ บ่อยครั้งในเมื่อเราอยู่ในช่วงที่คิดไม่ตก ฟุ้งซ่าน หาทางออกไม่เจอหลายๆ สิ่ง แต่จะมีเสียงๆ นี้แหละ ที่กลับดังขึ้นมาหัวใจ...