WRITER: เอ็ม. เทียง ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: ณัฐฤทัย อาสาประโคน
EDITOR: Mustard Seed Team
ทุกครั้งที่นั่งไถเฟซบุ๊กหรือโซเชียลมีเดียต่างๆ ฉันมักจะมองดูรูปถ่ายของเพื่อนๆ ด้วยความอิจฉา บ้างก็ไปเที่ยวที่นู่นที่นี่ บ้างก็ถ่ายกับของใช้ใหม่แกะกล่อง บ้างก็เป็นรูปอาหารหน้าตาน่ารับประทาน ดูจากรูปภาพพวกนั้นแล้วฉันบอกได้เลยว่าชีวิตของพวกเขาคงกำลังไปได้สวยทีเดียว ก็เลยอดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมกันชีวิตของฉันจึงได้ดูอับเฉานักเมื่อเทียบกับเพื่อนๆ
แต่มีอยู่วันหนึ่ง เพื่อนคนที่ชอบลงรูปถ่ายสวยๆ เป็นประจำมาบอกกับฉันว่าจริงๆ แล้วเธอเครียดมาก เธอแทบจะหาความหมายของชีวิตไม่ได้เลย พอได้ยินแบบนั้น ฉันถึงเพิ่งนึกได้ว่าคนเหล่านั้นที่ฉันรู้สึกอิจฉาแท้จริงแล้วคงไม่ได้มีความสุขมากไปกว่าฉันเสียเท่าไร ฉันก็เลยกลับมาตั้งคำถามกับตัวเองดูว่า “คนพวกนั้นนี่เขามีความสุขจริงๆ เหมือนที่เขาโพสต์ลงโซเชียลหรือเปล่า”
ทำไมถึงไม่มีใครดูมีความสุขกับชีวิตจริงๆ เลยสักคนเดียว ในพระคัมภีร์ระบุว่าไม่มีมนุษย์คนใดที่พอใจหรือรู้สึกว่าชีวิตได้รับการเติมเต็มจากสิ่งที่พวกเขามีอยู่แล้ว อย่างไรเสียพวกเราก็จะโหยหาสิ่งที่คิดว่าดีกว่าอยู่เสมอ ในพระธรรมสุภาษิต 27:20 กล่าวว่า “แดนคนตายและแดนพินาศไม่รู้จักอิ่ม ดวงตาของมนุษย์ก็ไม่รู้จักอิ่ม” แม้แต่กษัตริย์ซาโลมอนผู้เขียนพระธรรมปัญญาจารย์ กษัตริย์ผู้มั่งคั่งและมีกินมีใช้ไม่ขัดสน ก็ยังเข้าใจถึงความรู้สึกของการไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีนี้ พระองค์กล่าวว่า “แล้วข้าพเจ้าหันมาดูทุกสิ่งที่มือข้าพเจ้าทำ และผลของการตรากตรำที่เหน็ดเหนื่อยและดูเถิด ทุกอย่างก็อนิจจังคือ กินลมกินแล้ง และไม่มีประโยชน์อะไรภายใต้ดวงอาทิตย์” (ปัญญาจารย์ 2:11)
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นล่ะ หรืออันที่จริงแล้วการได้ครอบครองทุกอย่างจะไม่ได้ช่วยเติมเต็มความว่างเปล่าในหัวใจอย่างที่เราคิดกันไปเอง และแม้ว่าเราพยายามอุดช่องว่างนั้นด้วยสิ่งของมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความร่ำรวย ความรัก ชื่อเสียงเกียรติยศ หรือคำสรรเสริญเยินยอของผู้อื่น ก็ไม่อาจทำให้พื้นที่ว่างนั้นถูกเติมเต็มขึ้นมาได้อย่างแท้จริง
มันไม่ใช่เรื่องผิดที่คนเราจะอยากประสบความสำเร็จหรือต้องการการยอมรับจากผู้อื่น แต่เราต้องพึงระลึกอยู่เสมอว่า สิ่งเหล่านั้นไม่สามารถนำมาใช้วัดคุณค่าของเราได้ สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่แก่นสำคัญของชีวิต และสิ่งเหล่านั้นจะไม่คงอยู่กับเราเสมอไป
ความอิ่มเอมใจ คุณค่า และความหมายของชีวิตเราต้องมาจากพระเจ้า
มีเพียงพระองค์ผู้สร้างเราเท่านั้นที่จะเติมเต็มความว่างเปล่าของเราได้ เพราะพระองค์ทรงสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้น ดังนั้นพระองค์ทรงทราบดีว่าเราต้องการสิ่งใดมากที่สุด
ดังนั้นเราจึงไม่จำเป็นต้องอิจฉาที่คนอื่นมีในสิ่งที่เราไม่มีหรือได้รับในสิ่งที่เราไม่ได้รับ ในพระธรรมสุภาษิต 14:30 กล่าวว่า “จิตใจสงบให้ชีวิตแก่เนื้อหนัง แต่ความอิจฉาทำให้กระดูกผุ” และพระธรรมสดุดี 16:11 กล่าวว่า “พระองค์ทรงสำแดงวิถีแห่งชีวิตข้าพระองค์ ต่อพระพักตร์พระองค์มีความยินดีเปี่ยมล้น ในพระหัตถ์ขวาของพระองค์มีความเพลิดเพลินอยู่เป็นนิตย์”
ลูกขอบคุณพระเจ้าที่ทรงย้ำเตือนว่าสิ่งใดที่ลูกควรใส่ใจให้ความสำคัญ ทั้งความต้องการของผู้คนรอบตัว การปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์ และการดำเนินชีวิตในแบบที่พระองค์พอพระทัย ลูกขออธิษฐานให้ชีวิตของเราทุกคนไม่ยึดติดว่าจะต้องออกไปผจญภัยบ่อยแค่ไหน จะต้องมีของแบรนด์เนมราคาแสนแพงหรือไม่ หรืออาหารที่เรารับประทานจะมีราคาเท่าไหร่ แต่ลูกขอให้ความสนใจของเราทั้งหมดมุ่งไปที่พระเจ้าเท่านั้น
ขอให้พวกเราทุกคนได้พบเจอและแบ่งปันความสุขที่แท้จริงซึ่งเป็นของประทานจากพระเจ้า และให้พวกเราได้ดำเนินตามอย่างพระคริสต์ที่ประพฤติตนเป็นที่พอพระทัยของพระองค์
YOU MAY ALSO LIKE
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน
WRITER: ฉีฉี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: นิศารัตน์ มั่นเกตุEDITOR: กรชวัล เพชรเลิศอนันต์ มันเป็นอีกหนึ่งวันที่ยาวนาน ในระหว่างที่ดูแลพวกลูกๆ สะสางงานต่างๆ ก็แทบจะไม่มีเวลาให้ได้พักหายใจเลย เมื่อลูกๆ...
ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?
WRITER: เมดาลีน คาลู ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: PinkEDITOR: Thitikarn Nithiuthai (Mesy) ฉันยังจำช่วงเวลาที่ฉันเริ่มต้นความสัมพันธ์กับพระเยซูได้ ราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงที่อากาศหนาวเย็นของเดือนมกราคม ฮันนาห์...
เสียงที่ดังพอ
WRITER: GRACESaoriEDITOR: Mustard Seed Team เคยไหม? ที่ในบางครั้งเสียงของใครบางคนก็ดังกว่าเสียงของตัวเอง เสียงนี้มักดังเร้าอยู่ภายในใจ บ่อยครั้งในเมื่อเราอยู่ในช่วงที่คิดไม่ตก ฟุ้งซ่าน หาทางออกไม่เจอหลายๆ สิ่ง แต่จะมีเสียงๆ นี้แหละ ที่กลับดังขึ้นมาหัวใจ...