fbpx
WRITER: แคสซี่ วัตสัน ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: สุมิตรา ชามรามดาบาน
EDITOR: ณัฐรวี ยุ้งทอง

“ฉันทำมันอีกแล้ว”

บางทีคุณอาจย้ำกับตัวเองด้วยคำเหล่านั้นหลังจากหลงทำบาปเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก คุณกลับใจแล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล

เมื่อเร็วๆ นี้ ฉันได้พูดคุยกับพี่เลี้ยงของฉันว่า การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับฉันช้าจนน่าหงุดหงิด แม้ฉันจะรู้ในหัวว่าบางสิ่งเป็นความจริง แต่มันก็ไม่ได้กำหนดทิศทางของหัวใจหรือบังคับท่าทีของฉันเสมอไป ฉันอ่านพระคัมภีร์แล้วรู้สึกทึ่งในฤทธิ์อำนาจ ความสัตย์ซื่อ และความเอาใจใส่ของพระเจ้าที่มีต่อฉันอย่างไม่สิ้นสุด ฉันได้รับการสนับสนุนให้มอบความกังวลไว้กับพระองค์ แทนที่จะหันไปหาความสบายใจจอมปลอม เช่น ในกรณีของฉันเป็นเรื่องอาหาร 

แต่เมื่อความคิดวิตกกังวลเกิดขึ้นอีกครั้ง ฉันกลับฉีกถุงคุกกี้แทนที่จะฝากความกังวลไว้กับผู้สร้างที่รักฉัน (1 เปโตร 5:7)

ย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 17 ริชาร์ด แบ็กซ์เตอร์ แสดงความไม่พอใจที่คล้ายกันในหนังสือ ความคิดที่ตายไปแล้ว: 

มนุษย์ทุกคนรู้ว่าโลกนี้อนิจจัง มนุษย์ต้องตาย ความร่ำรวยไม่สามารถหาประโยชน์ได้ เวลานั้นมีค่า และเรามีเวลาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่จะเตรียมพร้อมสำหรับนิรันดร์กาล แต่ดูเหมือนว่ามนุษย์มีความรู้ที่แท้จริงเกี่ยวกับความจริงนี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

แบ็กซ์เตอร์ มองเห็นอย่างชัดเจนว่า ความรู้มีสองประเภท : การยอมรับทางปัญญา และ “ความรู้ที่แท้จริง” ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อของเรา ความท้อใจและความคับข้องใจเกิดขึ้นในช่องว่างระหว่างความรู้ทั้งสองประเภทนี้ 

เมื่อเราไม่เห็นการพัฒนาอย่างรวดเร็ว เราอาจคิดว่าเราไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้

เพื่อให้สิ่งต่างๆ ซับซ้อนขึ้น การเรียนรู้และการประยุกต์ใช้ความจริงเกี่ยวกับพระเจ้าจำเป็นต้องละทิ้งคำโกหกที่เราซึมซับจากโลก สังคมบอกให้เราไล่ตามความปรารถนาของเราและอย่าให้สิ่งใดมาขัดขวาง พระเยซูตรัสว่าเราต้องตายเพื่อตัวเราเอง (ลูกา 9:23) ภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์แสดงให้เห็นว่าคุณค่าของเราขึ้นอยู่กับความงามภายนอก แต่พระคัมภีร์ยกย่อง “จิตวิญญาณที่อ่อนโยนและเงียบสงบ” (1 เปโตร 3:3–4)

นี่ไม่ใช่กระบวนการที่รวดเร็ว ดังที่ ทิม เชสเตอร์ เขียนไว้ในหนังสือของเขาเรื่อง คุณเปลี่ยนแปลงได้ ว่า “นิสัยและกระบวนการคิดเกี่ยวกับบาปไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะลืมเลือน มีการแก้ไขด่วน 3 ประการ”

ด้วยเหตุนี้ ฉันมีความจริงสามประการและสามขั้นตอนการปฏิบัติเมื่อการเติบโตทางฝ่ายจิตวิญญาณของคุณดูเหมือนจะช้าเกินไป:

1. พระเยซูทรงจ่ายราคาความบาปของเราเต็มจำนวนแล้ว

นี่คือความจริงที่เราต้องจดจำเหนือสิ่งอื่นใด พระคัมภีร์แสดงให้เห็นชัดเจนว่าบาปของเราได้รับการอภัยเพราะพระเยซูสิ้นพระชนม์เพื่อเรา

พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เรา คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์สิ้นพระชนม์เพื่อเรา (โรม 5:8)

คำกล่าวนี้สัตย์จริงและสมควรแก่การรับไว้อย่างยิ่งคือ พระเยซูคริสต์เสด็จมาในโลกเพื่อทรงช่วยคนบาปให้รอด และในพวกคนบาปนั้นข้าพเจ้าเป็นตัวเอ้ (1 ทิโมธี 1:15)

หากไม่มีความจริงอันมั่นคงนี้อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเรา เราก็จะท้อใจได้ง่าย เมื่อมองดูตัวเราเอง เราคิดว่าการเติบโตทางฝ่ายจิตวิญญาณของเราขึ้นอยู่กับว่าเราเข้มแข็งพอที่จะปฏิเสธสิ่งล่อใจครั้งต่อไปหรือไม่ เราคิดว่าทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่ที่เรา

แต่เราต้องมองดูที่กางเขน โดยรู้ว่าการยืนหยัดต่อพระพักตร์พระเจ้านั้นขึ้นอยู่กับการเป็นของพระเยซูคริสต์เท่านั้น ฉะนั้นขอให้เราเข้ามาถึงพระที่นั่งแห่งพระคุณด้วยความกล้าหาญ (ฮีบรู 4:16)

เพราะพระเยซูได้ทรงทำให้เราชอบธรรมต่อพระพักตร์พระเจ้า นี่คือสิ่งที่เราต้องเชื่อก่อนจึงจะสามารถเปลี่ยนแปลงนิสัยบาปของเราได้อย่างแท้จริง

นี่เป็นการปลอบโยนที่เกินความเข้าใจ เมื่อฉันมักจะรู้สึกราวกับว่าฉันไม่สามารถอธิษฐาน วิงวอนและกลับใจได้ เหมือนกับว่าฉันละทิ้งสิทธิ์นั้นเมื่อฉันปฏิเสธที่จะมาหาพระเจ้าตั้งแต่แรก แต่พระเยซูทรงจ่ายราคาความบาปของฉันแล้ว ไม่มีอะไรสามารถพรากสิ่งนี้ไปจากฉันได้

2. พระเจ้าทรงทำให้เติบโต ไม่ใช่ตัวคุณ

พระเจ้าทรงเป็นที่มาของความชอบธรรมของเรา (ยืนอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์) เช่นเดียวกับการชำระให้บริสุทธิ์ (เติบโตอย่างต่อเนื่องสู่ความบริสุทธิ์) พระองค์ประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่เราเพื่อเปลี่ยนแปลงเราจากข้างใน

ดังที่เปาโลเขียนถึงคริสตจักรในเมืองฟีลิปปีว่า “ฉะนั้น พวกที่รักของข้าพเจ้า เหมือนอย่างที่ท่านเชื่อฟังข้าพเจ้าอยู่เสมอ ท่านจงอุตส่าห์ประพฤติอย่างสมกับความรอดของท่านทั้งหลาย ด้วยความเกรงกลัวและตัวสั่น ไม่เฉพาะในเวลาที่ข้าพเจ้าอยู่ด้วยเท่านั้นเเต่มากยิ่งกว่านั้นอีกในเวลาที่ข้าพเจ้าไม่อยู่ เพราะว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงทำการอยู่ภายในพวกท่านให้ท่านมีความประสงค์และมีความสามารถทำตามชอบพระทัยของพระองค์” (ฟีลิปปี 2:12–13)

เราต้องวางใจพระองค์สำหรับการเติบโตนั้น ไม่ว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่ และขอให้พระองค์ช่วยเราต่อไป

ฉันไม่รู้ว่าทำไมพระเจ้าจึงเปลี่ยนแปลงเราอย่างช้าๆ บางทีเหตุผลหนึ่งก็คือ ความถ่อมใจของเรา หากการฆ่าความบาปเป็นเรื่องง่าย เราก็คงจะเอาเครดิตไปในที่สุด

โดยการเติบโตอย่างช้าๆ ของเรา เราจะพึ่งพาพระเจ้ามากขึ้นในฐานะแหล่งพระคุณของเรา

ปีนี้ ฉันเริ่มอดอาหารเปรียบเสมือนอาวุธอย่างหนึ่งในการต่อสู้กับความบาป หลายสัปดาห์ ฉันอดอาหารในช่วงเช้าและใช้เวลาครึ่งชั่วโมงเพื่ออธิษฐานโดยเฉพาะเกี่ยวกับรูปแบบการกินที่เป็นบาปของฉัน แม้ว่าจะเป็นการต่อสู้ที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง แต่ฉันก็ประหลาดใจที่พระเจ้าทรงทำให้ฉันเติบโต จุดอ่อนของฉันหากไม่มีอาหารแสดงว่าฉันไม่ได้เป็นคนที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้ การอดอาหารและการอธิษฐานซ้ำแล้วซ้ำอีกทำให้ฉันรู้ว่าการงานของพระเจ้าในตัวฉันเท่านั้นที่จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน

 

 

3. พระเจ้าจะทรงทำให้กระบวนการชำระให้บริสุทธิ์นั้นสมบูรณ์

เรารู้ว่าในนิรันดร์กาลบาปทั้งหมดจะหมดไป แต่มันยากมากที่จะจินตนาการในเเต่ละครั้ง ตัวเราเต็มไปด้วยมลทิน หูหนวกจากเสียงปืนของศัตรู และหวาดกลัวจนหมดปัญญา

แต่พระเจ้าทรงประทานความหวังแก่เราในพระคำของพระองค์: “ข้าพเจ้าเเน่ใจอย่างนี้ว่าพระองค์ผู้ทรงเริ่มต้นการดีไว้ในพวกท่านจะทรงทำให้งานสำเร็จจนถึงวันแห่งพระเยซูคริสต์” (ฟีลิปปี 1:6)

จงกล้าหาญ สงครามจะสิ้นสุด เราจะได้รับการเปลี่ยนแปลงในวันสุดท้ายเมื่อเราเห็นพระเยซูอย่างชัดเจนและครบถ้วน (1 ยอห์น 3:2)

ความรู้อันสมบูรณ์เกี่ยวกับพระผู้ช่วยให้รอดจะทำให้ใจเราซาบซึ้งในที่สุด เราจะนำเสื้อผ้าที่ขาดและสกปรกของเราไปแลกกับเสื้อคลุมแห่งความชอบธรรมของพระเยซู เราจะไม่อยากทำบาปอีกต่อไป

ในที่สุดเมื่อพระเยซูนำฉันเข้าสู่สวรรค์ใหม่และโลกใหม่ ความสัมพันธ์ของฉันกับอาหารจะเปลี่ยนไป ฉันจะร่วมฉลองอย่างล้นเหลือกับเจ้าบ่าวของฉัน (อิสยาห์ 25:6; วิวรณ์ 19:9) เพลิดเพลินกับอาหารมากกว่าที่ฉันเคยมีในชีวิตนี้ ทั้งหมดนี้ปราศจากการบูชารูปเคารพหรือความบาป เพราะฉันจะไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าพระเจ้า

เมื่อเราใคร่ครวญถึงความจริงทั้งสามข้อนี้ ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนการดำเนินการสามประการที่เราสามารถทำได้:

1. กระตือรือร้นในการจัดการกับความบาป

การที่พระเจ้าเป็นผู้สร้างการชำระให้บริสุทธิ์ไม่ใช่การอนุญาตให้นั่งเฉยๆ และไม่ทำอะไรเลย ในข้อความเดียวกันที่บอกว่าพระเจ้าทรงทำงานในเรา จำไว้ว่าเปาโลเตือนผู้เชื่อให้ “ท่านจงอุตส่าห์ประพฤติอย่างสมกับความรอดของท่านทั้งหลาย ด้วยความเกรงกลัวและตัวสั่น” (ฟีลิปปี 2:12)

เราไม่สามารถคาดหวังที่จะเติบโตในความบริสุทธิ์โดยไม่รับเอาพระคุณที่พระองค์ประทานให้อย่างแข็งขัน พระธรรมบทอื่นๆ แสดงให้เราเห็นว่าเราต้องกระตือรือร้นในการเติบโตของเรา

จงต่อสู้มาร แล้วมันจะหนีท่านไป (ยากอบ 4:7)

จงหลีกหนีจากการล่วงประเวณี (1 โครินธ์ 6:18)

จงกระตือรือร้นในการค้นหาบาปในใจ กลับใจ และดำเนินกลยุทธ์เพื่อช่วยท่านเปลี่ยนแปลง หากคุณต่อสู้กับตัณหา อย่าดูหนังที่มีฉากที่ไม่เหมาะสมอีกต่อไป หากอาหารเป็นสมรภูมิสำหรับคุณ อย่าเก็บอาหารจำนวนมากไว้ในตู้กับข้าวของคุณ สำหรับฉัน การเว้นระยะห่างระหว่างตัวเองและอาหารทำให้มีโอกาสมากขึ้นที่ฉันจะหันไปหาพระเจ้าในการอธิษฐานและฝากความกังวลไว้กับพระองค์

2. อ่านพระคัมภีร์

ดังที่เปาโลเขียนถึงคริสตจักรในเมืองโครินธ์: “ข้าพเจ้าปลูก อปอลโลรดน้ำ แต่พระเจ้าทรงทำให้เติบโต” (1 โครินธ์ 3:6–7) พระเจ้าทรงนำการชำระให้บริสุทธิ์ผ่านการกระทำของมนุษย์ แม้ว่าการกระทำของมนุษย์จะไม่ได้ทำให้เกิดการเติบโตก็ตาม เปาโลต้องปลูกพืช อปอลโลต้องรดน้ำหมายถึงวิธีที่ทั้งสองประกาศข่าวประเสริฐจากพระคัมภีร์

พระเจ้าทรงกำหนดให้พระคัมภีร์เป็นหนึ่งในวิธีการหลักในการช่วยให้เราเติบโตเป็นผู้ใหญ่ (สดุดี 1:2-3, สดุดี 119:9-11)

เราต้องการพระคัมภีร์อย่างยิ่ง

อ่านคร่าวๆ เป็นระยะๆ ยังไม่เพียงพอ เราต้องทำให้ชีวิตของเราให้อิ่มด้วยความจริง เพื่อที่ความจริงจะซึมซาบเข้าสู่จิตใจของเราโดยอำนาจของพระวิญญาณ

ฉันพบกลยุทธ์ต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ตลอดชีวิต เช่น การเขียนข้อพระคัมภีร์บนกระดาษและติดไว้รอบๆ บ้าน ท่องจำข้อพระคัมภีร์ และอ่านพระคัมภีร์ร่วมกับเพื่อนสนิทเป็นประจำ สิ่งเตือนใจถึงความจริงแต่ละครั้ง เสริมกำลังฉันให้ต่อต้านการล่อลวงครั้งต่อไป

ถึงเวลากำจัดความรู้สึกผิดจากการอ่านพระคัมภีร์ของคุณแล้ว

คุณเริ่มต้นปีใหม่ด้วยแผนการที่จะปฏิบัติตามคือ อ่านพระคัมภีร์ให้จบภายในหนึ่งปี แต่เมื่อถึงสัปดาห์ที่สามของเดือนมกราคม คุณได้ล่าช้าไปสามวัน เทียบเท่ากับ 12 ถึง 15 บทที่ต้องอ่านให้จบ ความสงสัยในการทำสิ่งนี้คืบคลานเข้ามา ความรู้สึกผิดที่ไม่ทำสิ่งที่คุณบอกว่าจะทำนั้นเพิ่มพูนมากขึ้น

3. อธิษฐานต่อไป

การอ่านข้อความในพระคัมภีร์ครั้งหนึ่งมักจะไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชีวิตในทันที เราจำเป็นต้องมีพระวิญญาณเพื่อนำความจริงเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้กับจิตใจของเรา ดาวิดเตือนเราในสดุดี 34 ให้ “ลองชิมดูว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าประเสริฐ” (ข้อ 8)

ฉันสามารถอ่านเกี่ยวกับความดีงามของพระเจ้าได้ แต่การลิ้มรสและดูเป็นสิ่งที่แตกต่างออกไปคือการสัมผัสกับความดีงามของพระองค์ 

ด้วยเหตุนี้ เราจึงต้องอธิษฐานอย่างจริงจังเกี่ยวกับความจริงที่เราเรียนรู้ในพระคัมภีร์ โดยขอให้พระเจ้าประทับท่ามกลางใจและมือของเรา ริชาร์ด แบกซ์เตอร์ เขียน:

เมื่อข้าพเจ้าคิดแล้วคิดอีกเป็นพันครั้ง ข้าพเจ้าต้องขอพระพรจากพระองค์ในความคิดของข้าพเจ้า ดวงตาแห่งความเข้าใจของข้าพระองค์จะไร้ประโยชน์ หรือก่อความรำคาญแก่ข้าพระองค์ หากไม่มีแสงอันส่องสว่างของพระองค์ ขอทรงนำวิญญาณผู้รับใช้ของพระองค์ให้มีความรู้ที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับตนเองและอาณาจักรของพระองค์ และรักเขาด้วยความรักอันศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น แล้วเขาจะเต็มใจกลับมาหาพระเจ้า!

นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันสามารถทำได้ ฉันต้องการความช่วยเหลือจากพระวิญญาณเพื่อเปลี่ยนความต้องการและความปรารถนาของฉัน เพื่อที่จะได้เห็นพระเจ้าทรงดีและน่าพึงพอใจมากกว่าช็อกโกแลตหรือสิ่งอื่นใดที่ฉันสามารถหันไปพึ่งได้

อย่าหยุดที่จะร้องขอพระเจ้าให้ “การทรงนำ” ของพระองค์ส่องสว่างบนจิตวิญญาณของคุณ

การต่อสู้เพื่อการเติบโตทางฝ่ายจิตวิญญาณของเรามักล่าช้าและเจ็บปวด เมื่อใดก็ตามที่คุณล้มเหลวอย่างที่คุณมักจะเป็นจงจำไว้ว่าแม้แต่เปาโล อัครสาวกผู้มีชื่อเสียงก็ยังได้ต่อสู้กับการต่อสู้อันยาวนานและหนักหน่วงนี้:

ดังนั้นข้าพเจ้าจึงพบว่ามีเป็นกฎธรรมดาอย่างหนึ่ง คือเมื่อไรที่ข้าพเจ้าตั้งใจจะทำความดี ก็มักจะเลือกทำชั่วซึ่งอยู่ใกล้ตัวเพราะ‍ว่า​ส่วน‍ลึก​ใน​ใจ​ของ​ข้าพ‌เจ้า​นั้น ก็​ชื่น‍ชม​ใน​ธรรม‍บัญญัติ​ของ​พระ‍เจ้า แต่​ข้าพ‌เจ้า​เห็น​มี​กฎ​อีก​อย่าง​หนึ่ง​อยู่​ใน​อวัยวะ​ของ​ข้าพ‌เจ้า ซึ่ง​ต่อ‍สู้​กับ​กฎ​แห่ง​จิต‍ใจ​ของ​ข้าพ‌เจ้า และ​ชัก‍นำ​ให้​อยู่​ใต้​บัง‍คับ​กฎ​แห่ง​บาป ซึ่ง​อยู่​ใน​อวัยวะ​ของ​ข้าพ‌เจ้าโอย ข้าพ‌เจ้า​เป็น​คน​น่า‍สม‌เพช​อะไร​เช่น‍นี้? ใคร​จะ​ช่วย​ให้​พ้น​จาก​ร่าง‍กาย​แห่ง​ความ​ตาย​นี้? (โรม 7:21–24)

แต่พระเจ้ากำลังทำงานอยู่ “ขอบพระคุณพระเจ้าผ่านทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา!” (โรม 7:25)

พระเจ้าทรงประทานอาวุธเพื่อต่อสู้ และพระองค์จะทรงทำให้งานที่พระองค์ทรงเริ่มไว้ในเราสำเร็จ

จงอดทนเพราะพระองค์สัตย์ซื่อ

YOU MAY ALSO LIKE

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน

WRITER: ฉีฉี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: นิศารัตน์ มั่นเกตุEDITOR: กรชวัล เพชรเลิศอนันต์ มันเป็นอีกหนึ่งวันที่ยาวนาน ในระหว่างที่ดูแลพวกลูกๆ  สะสางงานต่างๆ  ก็แทบจะไม่มีเวลาให้ได้พักหายใจเลย เมื่อลูกๆ...

ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?

ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?

WRITER: เมดาลีน คาลู ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: PinkEDITOR: Thitikarn Nithiuthai (Mesy) ฉันยังจำช่วงเวลาที่ฉันเริ่มต้นความสัมพันธ์กับพระเยซูได้ ราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงที่อากาศหนาวเย็นของเดือนมกราคม ฮันนาห์...

เสียงที่ดังพอ

เสียงที่ดังพอ

WRITER: GRACESaoriEDITOR: Mustard Seed Team เคยไหม? ที่ในบางครั้งเสียงของใครบางคนก็ดังกว่าเสียงของตัวเอง เสียงนี้มักดังเร้าอยู่ภายในใจ บ่อยครั้งในเมื่อเราอยู่ในช่วงที่คิดไม่ตก ฟุ้งซ่าน หาทางออกไม่เจอหลายๆ สิ่ง แต่จะมีเสียงๆ นี้แหละ ที่กลับดังขึ้นมาหัวใจ...

Share This