WRITER: เฟธ ฮานัน ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: ศุภิสรา เจริญศรีศิลป์
EDITOR: วิวรรธน์ ศรีธนางกูร
เราได้ยินคำพูดที่ใช้สร้างกำลังใจให้ตัวเอง เช่น “ให้เป็นตัวของคุณเอง” “จงเป็นตัวของตัวเอง” และ “ใช้ชีวิตอย่างที่เป็นตัวคุณเอง” อยู่ตลอดเวลา พูดตามตรงนะฉันก็เคยใช้คำพูดพวกนี้กับตัวเองเหมือนกัน
ในขณะที่ความคิดเรื่องการเป็นตัวของตัวเองแพร่หลายมากขึ้น ฉันกลับถามตัวเองว่า ถ้าคำว่า “ตัวเอง” ที่เรารู้จักมันไม่ใช่อย่างที่ใครๆ บอกไว้หล่ะ ถ้าหากการเป็น “คุณ” ที่เราอยากจะเป็นมันไม่ได้ถูกต้องในสายพระเนตรพระเจ้าหล่ะ พวกเราที่เป็นคริสเตียนควรต้องเปลี่ยนแปลงและเติบโตขึ้นเพื่อจะเป็นเหมือนพระเยซูมากขึ้นไม่ใช่หรือ พวกเราควรจะถือว่าเราได้ตายต่อบาป และมีชีวิตสนิทกับพระเจ้าโดยพระเยซูคริสต์ไม่ใช่หรือ (โรม 6:11)
แต่ในขณะเดียวกัน…
ฉันก็ไม่ต้องการจะสูญเสียทุกอย่างที่ทำให้ฉันรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง! ฉันไม่อยากจะกลายเป็นคนๆ หนึ่งหรืออะไรที่ไม่ใช่ฉัน เพื่อที่จะได้ชื่อว่าเติบโตเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายจิตวิญญาณ
ฉันสงสัยอยู่บ่อยครั้งว่า การติดตามพระเยซูคริสต์หมายความว่าฉันจำเป็นต้องละทิ้งบุคลิกภาพส่วนตัวใช่ไหม? มันเป็นเรื่องที่ตอบยาก และเป็นเรื่องที่ฉันพยายามหาคำตอบมาสักพัก
ฉันได้เรียนรู้ว่าเมื่อคริสเตียนพูดถึงเรื่องความเป็นตัวเอง เราจำเป็นจะต้องเริ่มต้นที่เรื่องการทรงไถ่จากบาป เพราะว่าหากพระเยซูเป็นจอมเจ้านายของเราจริงๆ เมื่อนั้นเราได้มอบสิทธิ์ให้พระองค์ทรงเปลี่ยนแปลงเราและสร้างเราใหม่ให้เป็นเหมือนพระองค์ พระคัมภีร์ได้เตือนเราถึงความจริงนี้
แต่เราทุกคนไม่มีผ้าคลุมหน้าแล้ว และมองดูพระรัศมีขององค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วเราก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงให้เป็นเหมือนพระฉายาของพระองค์โดยมีศักดิ์ศรีเป็นลำดับขึ้นไป เหมือนอย่างศักดิ์ศรีที่มาจากองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นพระวิญญาณ (2 โครินธ์ 3:18)
ถ้าเรามอบถวายตัวเราซึ่งรวมไปถึงความเป็นตัวตนที่มีลักษณะเฉพาะ บุคลิกภาพ พฤติกรรมที่อาจต่างจากคนอื่น ความชอบ ความไม่ชอบ และความสามารถของเรา เพื่อที่จะติดตามพระคริสต์อย่างสุดหัวใจ พระเจ้าจะรับสิ่งที่พระองค์สร้าง (พวกเรา!) และเปลี่ยนแปลงเราให้เป็นเหมือนพระบุตรของพระองค์มากขึ้นในรูปแบบที่สร้างสรรค์และล้ำเลิศของพระองค์ พระเจ้าสามารถชำระบาปเราได้โดยไม่ต้องลบล้างสิ่งที่พระเจ้าทรงมอบให้แก่เราทั้งหมดซึ่งทำให้เรามีความพิเศษแตกต่างจากคนอื่น อารมณ์ขัน ความเป็นคนสบายๆ ความชอบในกีฬาหรือกิจกรรมมกลางแจ้งของฉันไม่จำเป็นจะต้องหายไป เพียงเพราะฉันมอบถวายชีวิตติดตามพระคริสต์
ฉันคิดเสมอว่าขั้นตอนการทรงไถ่เราจากบาปนั้น (การเติบโตเหมือนพระเยซูมากขึ้น) เปรียบเสมือนว่าเราทุกคนเป็นกระจกเก่าๆ ที่สกปรก และมีโคลนหนาๆ ปกคลุมทั่วทั้งกระจกนั้น เมื่อเราเข้ามาหาพระคริสต์ เราก็ถูกวางไว้ต่อหน้าแสงสว่างที่งดงามที่สุดเท่าที่เราเคยเห็น และถูกจัดวางในมุมที่สะท้อนแสงแห่งความรอดอันงดงามให้แก่ผู้คนบนโลกนี้
แต่ถ้าเราอยากจะสะท้อนแสงนั้นมากเท่าไหร่ เราก็จำเป็นต้องถูกชำระล้าง เราจำเป็นต้องถูกทำให้สะอาด
เมื่อเรารู้จักพระเยซูมากยิ่งขึ้น เมื่อเราศึกษาพระวจนะเพื่อที่เราจะรู้ว่าเราเป็นใครในพระคริสต์ และเมื่อเรากลายมาเป็นผู้ประพฤติตามพระวจนะและไม่ใช่เป็นเพียงผู้ฟังเท่านั้น (ยากอบ 1:22) พระวจนะจะชำระเราให้สะอาดหมดจด เปลี่ยนแปลงและทำให้เราเติบโตขึ้น เมื่อเป็นเช่นนั้นเราก็จะสามารถสะท้อนพระสิริ แสงแห่งความรอดได้มากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้น
แต่เราจะทำได้อย่างไรหล่ะ เราจะเติบโตในชีวิตคริสเตียนและยังคงความเป็นตัวของตัวเองได้อย่างไร เราจะเป็นตัวเราที่ได้รับการชำระแล้วได้อย่างไร นี่คือ 3 เคล็ดลับที่ได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่ามีประโยชน์ต่อการแสวงหาการเป็นเหมือนพระคริสต์และเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น
1. เข้ามาหาพระเจ้าอย่างที่คุณเป็น…เพื่อที่คุณจะรับการเปลี่ยนแปลงได้
เมื่ออาลิยาลูกสาวของฉันเกิด ฉันต้องทำงานมากขึ้นเพราะเธอไม่สามารถรับประทานข้าวเอง สื่อสาร เงยหน้าขึ้น หรือเช็ดก้นเองได้ (และยังคงทำเองไม่ได้) ฉันรักเธอในสภาพนี้ แต่ฉันก็คาดหวังที่เธอเองจะเติบโตขึ้น ฉันไม่ได้อยากจะเช็ดก้นให้เมื่อเธออายุ 12 ในฐานะแม่ที่ดีและรักลูก ฉันคาดหวังที่จะเห็นลูกเติบโตขึ้น
พระเจ้าก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าพระองค์จะเข้ามาและช่วยเหลือเราให้รอดด้วยความรักในแบบที่เราเป็น เละเทะบ้าง อะไรบ้าง แต่พระองค์ไม่ได้อยากให้เรานั่งอยู่กับที่ตลอดไป ในขณะที่พระเยซูไม่เคยขอให้เราซ่อนความเป็นตัวเองและสิ่งที่เรากำลังเผชิญ แต่พระองค์ขอที่เราจะวางปัญหาเหล่านั้นลง และยอมที่จะได้รับการเปลี่ยนแปลงจิตใจและอุปนิสัย (โรม 12:2)
2. ให้พระเยซูรักษาบาดแผลที่ก่อให้เกิดความประพฤติที่ไม่ดี
การสบถเป็นสิ่งที่ฉันพยายามดิ้นรนต่อสู้มาตลอด เมื่อมีสิ่งที่ทำให้ฉันโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงนั่นไม่ใช่ตัวฉันเลย นั่นคือผลของแผลบางอย่าง หรือลักษณะนิสัยที่ไม่ปกติ เป็นโคลนที่ยังติดอยู่ที่กระจกของฉัน
เมื่อฉันอนุญาตให้พระเจ้าเข้ามารักษาในส่วนนี้ ฉันก็เริ่มสบถน้อยลงๆ และฉันสามารถสะท้อนพระสิริของพระองค์ได้มากขึ้น มันเป็นส่วนหนึ่งในการละทิ้งตัวเก่าของฉัน รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ในมุมมองความคิดใหม่ และสวมสภาพใหม่ซึ่งได้รับการสร้างขึ้นตามแบบของพระเจ้าในความชอบธรรมและความบริสุทธิ์อย่างแท้จริง (เอเฟซัส 4:22-24)
3. อย่าใส่ใจในความอ่อนแอของคุณมากนัก แต่ให้มุ่งเน้นที่จุดแข็งของคุณแทน
ฉันไม่ได้เป็นคนมีระเบียบโดยธรรมชาติ ความยุ่งเหยิงไม่ได้ทำให้ฉันรำคาญใจเท่ากับที่ทำให้พี่สะใภ้ของฉันรู้สึกในขณะที่ฉันควรจะเรียนรู้ที่จะดูแลของและงบประมาณการค่าใช้จ่ายเป็นอย่างดี ฉันก็ไม่จำเป็นจะต้องเป็นเหมือนพี่สะใภ้ของฉัน
ฉันอาจเรียนรู้วิธีการจากเธอได้ แต่สุดท้ายแล้วการเจริญเติบโตในชีวิตฉันส่วนใหญ่มาจากการใช้ความสามารถที่ฉันมีในการทำบางอย่าง มากกว่าการใช้ความพยายามทั้งสิ้นในการทำสิ่งที่ไม่ค่อยถนัด เมื่อเราใช้จุดแข็งของเราด้วยความรัก ร่างกายทั้งหมดก็เจริญและเสริมสร้างขึ้น (เอเฟซัส 4:16)
เดินหน้าต่อไปด้วยความมั่นใจ
ยิ่งฉันให้พระเยซูรักษาใจของฉันและชำระล้างฉันจากสิ่งใดก็ตามที่ไม่เป็นที่พอพระทัยของพระองค์เท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นเท่านั้น ฉันยังคงเป็นคนตลก สนุกสนาน เป็นผู้นำอย่างกล้าหาญ และใจกล้าเหมือนเดิม ฉันเป็นตัวเองมากขึ้นกว่าเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เพราะฉันโตขึ้นเป็นเหมือนอย่างคนที่พระเจ้าสร้างให้ฉันเป็น เป็นผู้ให้ชีวิต นักรบของพระองค์ ผู้หนุนใจ และผู้หญิงที่รักคนรอบข้างอย่างสุดใจ นี่แหละคือการเป็นอิสระ นี่เป็นการงานของพระเจ้า ความสำคัญที่แท้จริงของความเป็นเนื้อแท้และการชำระล้างบาปของการเติบโตในการเป็นคริสเตียนและการคงความเป็นตัวของตัวเอง
มันเป็นกระบวนการในหลายๆ ด้านที่เรียกร้องให้เราต้องเลือกที่จะเดินในความรักและเลือกที่จะเติบโตนอกเหนือความสบายในทุกๆ วัน
สรรญเสริญพระเจ้า พระองค์ทรงมุ่งมั่นในกระบวนการสร้างเรา “พระกรุณาของพระเจ้าเป็นของใหม่ทุกเวลาเช้า ความเที่ยงตรงของพระองค์ใหญ่ยิ่งนัก” (เพลงคร่ำครวญ 3:23) พระองค์ทรงรับผิดชอบในการเติบโตของเรา (ฟีลิปปี 1:6) การชำระบาปเป็นความงดงาม ความยากลำบาก ความบริสุทธิ์ และบางครั้งก็เป็นงานที่ทุกข์ยากมาก แต่มันคุ้มค่า เหมือนกับทุกๆ สิ่งที่พระเจ้าเรียกเราให้ทำ
YOU MAY ALSO LIKE
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน
WRITER: ฉีฉี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: นิศารัตน์ มั่นเกตุEDITOR: กรชวัล เพชรเลิศอนันต์ มันเป็นอีกหนึ่งวันที่ยาวนาน ในระหว่างที่ดูแลพวกลูกๆ สะสางงานต่างๆ ก็แทบจะไม่มีเวลาให้ได้พักหายใจเลย เมื่อลูกๆ...
ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?
WRITER: เมดาลีน คาลู ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: PinkEDITOR: Thitikarn Nithiuthai (Mesy) ฉันยังจำช่วงเวลาที่ฉันเริ่มต้นความสัมพันธ์กับพระเยซูได้ ราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงที่อากาศหนาวเย็นของเดือนมกราคม ฮันนาห์...
เสียงที่ดังพอ
WRITER: GRACESaoriEDITOR: Mustard Seed Team เคยไหม? ที่ในบางครั้งเสียงของใครบางคนก็ดังกว่าเสียงของตัวเอง เสียงนี้มักดังเร้าอยู่ภายในใจ บ่อยครั้งในเมื่อเราอยู่ในช่วงที่คิดไม่ตก ฟุ้งซ่าน หาทางออกไม่เจอหลายๆ สิ่ง แต่จะมีเสียงๆ นี้แหละ ที่กลับดังขึ้นมาหัวใจ...