WRITER: เจสลิน ซี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: ชลิดา สุภาแสน
EDITOR: ธัญธร จันทสุทธิบวร
“ไร้ประโยชน์” “โง่จัง” “ไม่เห็นจะมีไรดีสักอย่าง” คำพูดเหล่านี้อาจจะเป็นคำที่เราคุ้นเคยในท่ามกลางพวกเราบางคน แม้ว่าฉันจะรู้ว่าฉันเป็นลูกของพระเจ้า แต่ก็มีบางครั้งที่ฉันยังคงคิดว่าคำพูดเหล่านี้เป็นตัวตนของฉันจริงๆ
ฉันเป็นคนที่ชอบคิดวิตกกังวลและเต็มไปด้วยความกลัว เมื่อฉันมองที่ตัวเอง ฉันมักจะเปรียบเทียบตัวเองกับเพื่อนและคิดว่าฉันไม่สามารถเป็นอย่างเพื่อนของฉันได้หรอก เช่น ในเรื่องการแต่งตัวของตัวเองที่ยังดูเหมือนเด็กน้อย หรือแม้แต่เกรดคะแนนสอบย่อยของฉัน มันทำให้ฉันสงสัยว่าฉันผ่านระบบการศึกษาของสิงคโปร์ที่แสนทรหดไปได้อย่างไร
เมื่อฉันเริ่มเข้ามหาวิทยาลัย ความกลัวของฉันก็ขยายวงกว้างขึ้นไปอีก ฉันจะสามารถหาเพื่อนได้หรือไม่? จะมีใครยอมรับฉันไหม? ฉันจะสามารถรับมือกับความเข้มข้นทางวิชาการในมหาวิทยาลัยนี้ได้หรือไม่? ฉันได้พูดคุยแบ่งปันกับเพื่อนสนิทคนหนึ่งเกี่ยวกับความกังวลและความกลัวนี้ในการเริ่มต้นในมหาวิทยาลัย และมันเป็นการพูดคุยกันที่มีความหมายมากๆ
แต่แทนที่ฉันจะรู้สึกขอบคุณสำหรับมิตรภาพที่เราได้แบ่งปันกัน ในคืนนั้นขณะที่อยู่บนเตียงนอน ฉันกลับสงสัยว่าเพื่อนของฉันห่วงใยฉันจริงๆ ใช่มั้ย เพราะการกระทำของฉันมันไม่สมควรที่จะได้รับความรักและความสนใจจากเธอ
ฉันรู้สึกเสียใจต่อเธอจริงๆ ถ้าหากว่าเธอไม่ได้ต้องการจะพบฉันตั้งแต่แรกอยู่แล้วละ ถ้าหากเธอแค่ทำตามมารยาทละ? ฉันกลัวมากที่เธออาจจะปฏิเสธฉันและคิดว่าฉันเป็นคนขี้แพ้ ถ้าหากว่าเธอได้เพื่อนที่ดีกว่าละ แล้วถ้าเธอตัดสินใจที่จะไม่เป็นเพื่อนกับฉันต่อไป ฉันจะทำอย่างไร?
ฉันดิ้นรนอยู่กับความคิดที่ว่าทำไมคนอื่นต้องมาเป็นเพื่อนกับฉันและอยากไปเที่ยวกับฉัน? ฉันไม่ใช่คนที่ทันสมัยหรือให้คำปรึกษาที่ดีได้ คะแนนของฉันก็ไม่ได้ดีขนาดนั้น ฉันจึงไม่ใช่คนที่จะสามารถพึ่งพาด้านการเรียนได้สักเท่าไหร่ ความคิดทั้งหมดนี้ถาโถมเข้ามาในคืนนั้น
ฉันพยายามข่มตาให้หลับ จนฉันยอมแพ้และต้องยอมความคิดของฉันต่อบางสิ่งบางอย่าง ในคืนนั้นการบ้านจากบทเรียนในพระคัมภีร์น่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดเมื่อฉันกำลังรู้สึกแย่
ข้อพระธรรมในคืนนั้นจากเอเฟซัส 3:14-21 ซึ่งกล่าวถึงความรักของพระเจ้าว่า พระคริสต์ไม่ได้มาเพื่อชาวยิวเท่านั้น แต่มาเพื่อคนต่างชาติด้วย ความรักของพระองค์มีเพื่อเราทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นคนยิวหรือคนต่างชาติ
เมื่อฉันได้อ่านพระธรรมข้อนี้ ฉันรู้สึกได้ทันทีว่าฉันเป็นที่รัก ไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้ว่าพระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อบาปของฉัน แต่พระธรรมข้อนี้เป็นการเตือนใจฉันจากพระเจ้า สำหรับคนที่แตกสลาย ขาดความมั่นคง และโศกเศร้า ซึ่งเป็นข้อพระธรรมที่มาทันเวลาและให้กำลังใจฉันเป็นอย่างมาก
ต่อไปนี้คือ 3 ความจริงที่สำคัญเกี่ยวกับความรักของพระเจ้าที่เตือนใจฉัน
1. ความรักของพระเจ้าที่มีต่อฉันนั้นมากมายเหลือเกิน
ในพระธรรมเอเฟซัส 3:18-19 อาจารย์เปาโลอธิบายถึงความรักของพระเจ้าที่เกินความรู้ ความรักของพระเจ้านั้นมี ความกว้าง ความยาว ความสูง และความลึก ซึ่งสำแดงถึงความยิ่งใหญ่ในความรักของพระเจ้าที่มีต่อเรา และมันเป็นการยากที่จะหาปริมาณในความรักนั้น ที่จริงแล้วความรักของพระเจ้าที่มีต่อเรานั้นมีมากมายจนนับไม่ถ้วน
แม้ในขณะที่ฉันต่อสู้กับกับการรักตัวเองและเชื่อว่าฉันนั้นดีพอแล้ว การที่ได้อ่านเกี่ยวกับความรักของพระเจ้าที่มีมากมายต่อฉันนั้น ได้เตือนฉันว่าพระเจ้ายังคงรักฉันในแบบที่ฉันเป็น
2. พระเจ้าทรงรักฉันมากพอที่จะส่งพระบุตรของพระองค์มาตายเพื่อฉัน
ในความจริงนั้น พระเจ้าทรงรักเรามากจนไม่ต้องการให้เราพินาศ พระองค์ทรงประทานพระบุตรของพระองค์มาเพื่อทนทุกข์แทนเราบนไม้กางเขน เพื่อที่จะนำการคืนดีในความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระองค์กลับมา (ยอห์น 3:16)
ลองจิตนาการว่าพระผู้สร้างทุกสรรพสิ่งทรงปรารถนาและห่วงใยเรามากเพียงใด ฉันไม่สามารถหยั่งถึงความรักที่ยิ่งใหญ่เพียงนี้ได้เลย
3. ฉันสามารถรักผู้อื่นได้ด้วยความรักของพระองค์
เมื่อเราเข้าใจถึงความรักที่พระเจ้ามีต่อเราทุกคนอย่างไร เราก็ได้ถูกเรียกให้สะท้อนความรักแบบเดียวกันกับพระองค์ต่อคนรอบข้าง
พระธรรม 1 ยอห์น 4:7-8 เตือนใจเราถึงความรักของพระเจ้าว่า ท่านที่รักทั้งหลายขอให้เรารักซึ่งกันและกัน เพราะว่าความรักมาจากพระเจ้า และทุกคนที่รักก็บังเกิดมาจากพระเจ้า และรู้จักพระเจ้า
การมีสามัคคีธรรมกับพี่น้องคริสเตียนจะช่วยให้เราได้มีประสบการณ์ในความรักของพระเจ้ามากขึ้น และให้เราได้มีโอกาสฝึกฝนในการรักผู้อื่น แม้ในเวลาที่ยากลำบาก
สิ่งนี้ผุดขึ้นมาในใจฉันว่ามิตรภาพเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเราที่เราจะสะท้อนความรักที่ไม่มีเงื่อนไขดั่งที่พระคริสต์ได้สำแดงแก่เรา และให้เราได้เป็นผู้รับความรักที่ไม่มีเงื่อนไขนี้จากผู้คนรอบข้างเราด้วยเช่นกัน
ฉันได้รับกำลังใจอย่างมากจากความจริงนี้ และมันช่วยฉันที่จะมองเห็นความรักของพระเจ้าที่มีต่อฉัน แม้ในยามที่ฉันอ่อนแอ แต่ฉันก็รู้แน่ว่าพระคุณพระเจ้านั้นเพียงพอสำหรับฉัน เพราะกำลังของพระองค์นั้นสมบูรณ์ในความอ่อนแอของฉัน (2 โครินธ์ 12:9) พระเจ้าทรงช่วยให้ฉันมองเห็นว่าในสายตาของพระองค์ฉันดีเพียงพอแล้ว
ฉันไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ ฉันไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นเหมือนคนอื่น แม้ว่าฉันจะเกิดมาพร้อมไม่สมบูรณ์แบบพระเจ้ายังทรงรักฉันแล้วและพระองค์ทรงยอมรับฉันในสิ่งที่ฉันเป็น การตอบสนองเดียวของฉันคือ การขอบพระคุณ และใช้ชีวิตให้เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า
YOU MAY ALSO LIKE
กังวลจนไม่หลับไม่นอน
WRITER: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ฉันนอนไม่หลับทั้งคืน บางคืนเราก็มีอาการนอนไม่หลับ หลับๆ ตื่นๆ พอเช้าตื่นมาก็ไม่สดชื่น อารมณ์ไม่ดี การนอนไม่หลับส่งผลกระทบต่อคนส่วนใหญ่เป็นครั้งคราว แต่สําหรับบางคนอาจเจอปัญหานี้เป็นประจำ...
ทำไมเราถึงไม่กล้าปฏิเสธ
WRITER: ซาร่า โซ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: สุมิตรา ชามรามดาบานEDITOR: ปวีณา นิลบุตร “ถ้าใช่ก็จงบอกว่าใช่ ถ้าไม่ใช่ก็จงบอกว่าไม่ใช่” (ยากอบ 5:12) ขณะที่ฉันเขียนข้อความนี้ ฉันเพิ่งจะพูดว่า "ไม่" ที่จะฟังความขัดข้องใจของแม่เรื่องคนสนิทในครอบครัว...
พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)
WRITER: แคทเธอรีน ฟลินน์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ในปี 2003 ฉันอายุ 24 ปี และอาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษตอนที่ฉันถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยเพื่อนร่วมห้องของฉัน...