WRITER: ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: ประภัสสร พัชรวีระพงษ์
EDITOR: พักตร์วดี คะนึงไกวัล
เราใช้เวลาส่วนใหญ่ในที่ทำงาน ถ้าอย่างนั้น “การเป็นแสงสว่างในที่ทำงาน” ก็น่าจะเป็นสถานที่เริ่มต้นที่ดีในการทำหน้าที่พยานของพระเยซูคริสต์ จริงไหม?
แต่บางครั้งการทำแบบนั้นในวันอาทิตย์หลังจากได้ฟังคำเทศนาที่หนุนใจก็น่าจะทำได้มากกว่าการทำในระหว่างสัปดาห์ที่แสนเหน็ดเหนื่อย หรือถูกบั่นทอนกำลัง ท่ามกลางสภาพแวดล้อมของที่ทำงานที่ไม่เป็นคริสเตียน
แล้วอย่างนั้นเราจะสำแดงการดี เพื่อจะทำให้เพื่อนร่วมงานของเราอยากรู้จักพระเจ้า และยกย่องพระองค์ได้อย่างไร? (มัทธิว 5:16) แม้ว่ามันจะดูน่ากลัว แต่มันก็เป็นไปได้ เราลองมาดูวิธี 7 วิธีที่ทำได้จริง เพื่อจะนำแสงสว่างของพระคริสต์ไปยังที่ทำงานของเรา
1. จงยืนยัน – ให้บอกคนอื่นว่าสิ่งที่เขาทำนั้นมีคุณค่า
มันเป็นเรื่องง่ายที่เราจะมองเห็นความขี้เกียจและความไม่ได้เรื่องของคนอื่นซึ่งเป็นเหตุให้เราต้องทำงานมากขึ้น แต่บ่อยครั้งแค่ไหนที่ลองมองหาข้อดีของคนอื่นในการทำงาน เจ้านายของคุณเคยให้คำติชมที่มีประโยชน์ต่อโครงการของคุณบ้างไหม?
คุณเคยสังเกตเห็นจุดเด่นหรือจุดแข็งของพนักงานฝึกงานที่คุณร่วมงานด้วยบ้างหรือไม่? คุณมีเพื่อนร่วมงานที่คุณไว้ใจว่าจะทำงานได้อย่างถูกต้องชัดเจนและมีระบบระเบียบบ้างไหม?
จงฝึกฝนตัวเองที่จะเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เราเห็นคุณค่า และให้ยืนยันกับพวกเขาเพื่อให้กำลังใจและยกย่องพวกเขา
2. จงยอมรับ – ให้กล้ายอมรับเมื่อคุณทำผิดพลาด
เรามักถูกล่อลวงให้พยายามปกปิดความผิดของตนเองโดยเฉพาะอย่างยิ่งในที่ทำงานของเรา ให้เราถ่อมใจและกล้าที่จะยอมรับความผิดพลาดของเรา และทำงานหนักเพื่อลดผลกระทบด้านลบที่อาจเกิดขึ้น แทนที่จะทำงานเพื่อความก้าวหน้าของตัวเอง
ด้วยการกระทำแบบนี้ เรามีโอกาสที่จะแสดงถึงความถ่อมใจอย่างพระเยซูคริสต์ (ไม่ใช่ของตัวเราเอง)
3. จงยอมขอโทษ – ให้ใช้ข้อบกพร่องของคุณเพื่อชี้ให้ผู้อื่นรู้จักกับพระเยซูคริสต์
เราทุกคนเคยเจอวันที่เรารู้สึกเหมือนโดนงานกำลังจิกหัว ในช่วงเวลาที่เรากำลังรู้สึกว่าถูกถาโถมด้วยข้อเรียกร้องต่างๆ นานาของงาน หรือกำลังผิดหวังกับการกระทำของคนอื่น เรามีแนวโน้มที่จะหมดความอดทนหรือไม่ระมัดระวังคำพูด
ไม่ว่าเพื่อนร่วมงานของเราจะคิดว่ามันสำคัญหรือไม่ เราก็ควรจะกล่าวคำขอโทษเนื่องจากอารมณ์ชั่ววูบของเรา และขอให้เขายกโทษให้ในกรณีที่จำเป็น ที่สำคัญที่สุดคือให้เรามีบุคคลิกที่สำแดงความเมตตา ความสุภาพอ่อนโยน และอดทนนานอย่างชัดเจนให้สมกับที่พระเจ้าทรงเรียกให้เราเป็น
4. จงยกย่อง – ให้พูดถึงสิ่งที่คุณรู้สึกขอบคุณ
การบ่นเป็นการเริ่มต้นหัวข้อสนทนาที่ง่ายที่สุด แต่ว่าเราสามารถเลือกกล่าวคำขอบคุณแทนได้
เราอาจจะมีเพื่อนร่วมงานที่ดีหนึ่งคน หรือได้มีโอกาสร่วมทำงานในโครงการใหม่ เราก็สามารถขอบคุณสำหรับการทำงานที่ให้ทักษะและให้การพัฒนาเพื่อจะเป็นประโยชน์ต่อชีวิตของเราในอนาคต
ในทางปฏิบัติ ความรู้สึกขอบคุณจะมีส่วนช่วยทำให้เกิดสภาพแวดล้อมด้านบวกในการทำงานมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้จิตใจของเราฝึกนับพระพรและขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับพระพรที่พระองค์ทรงประทานให้
5. จงช่วยเหลือ – ให้สละเวลาส่วนตัวของคุณเพื่อช่วยเพื่อนร่วมงาน
พอถึงเวลาห้าโมงเย็น พวกเราส่วนใหญ่ก็จะตื่นเต้นที่จะได้เลิกงาน
แต่เราสามารถสร้างผลกระทบในทางที่ดีๆ ต่อคนอื่นได้ หากเรายอมสละเวลาอันมีค่าของเรานอกเวลางาน เพื่อจะรับใช้คนที่เราทำงานด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเสนอตัวช่วยเพื่อนที่ทำงานย้ายบ้าน หรือการนำอาหารไปเยี่ยมคนบางคนที่กำลังพักฟื้นหลังการผ่าตัด จงสำแดงความรักของพระเจ้าต่อเพื่อนร่วมงานของเราโดยปรนนิบัติพวกเขาทุกเวลาเท่าที่เราสามารถทำได้
6. จงเป็นเพื่อน – ให้หาวิธีสร้างความสัมพันธ์แบบสร้างสรรค์
มีกิจกรรมมากมายที่สร้างมิตรและเหมาะที่จะช่วยเราให้เข้าสังคมกับเพื่อนร่วมงาน ชวนกันมาเล่นกีฬา หรือจัดงานสังสรรค์แสดงความยินดีให้กับผู้ที่กำลังจะเป็นพ่อแม่มือใหม่ หรือทานอาหารกลางวันร่วมกันในร้านอาหารเปิดใหม่ใกล้ๆ ที่ทำงาน
การใช้เวลาเข้าสังคมกับเพื่อนร่วมงานจะช่วยให้เรามีพื้นที่สร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกว่าและไม่ใช่แค่ผิวเผิน ซึ่งเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่สุดในการแบ่งปันพระกิตติคุณกับพวกเขา
7. จงสนับสนุน – ให้อธิษฐานเผื่อเพื่อนร่วมงานของคุณอย่างจริงจัง
มันเป็นเรื่องง่ายที่จะลืมไปว่าเพื่อนร่วมงานของเราก็มีชีวิตส่วนตัวและต้องต่อสู้ดิ้นรนเหมือนกัน เมื่อเรามองไปรอบๆ ถึงแม้จะเป็นที่ทำงานเล็กๆ เราก็จะพบว่าคนมากมายกำลังเผชิญปัญหาหลายอย่างปะปนกัน ไม่ว่าจะเป็นการนอกใจ การเสพติด ปัญหาครอบครัว หรือ ภาวะซึมเศร้า ซึ่งเรามักจะมองไม่เห็น
ดังนั้น จงอธิษฐานเผื่อเพื่อนร่วมงานของเราอย่างจริงจัง ขณะที่เราอธิษฐานขอพระเจ้าช่วยพวกเขา เราจะระลึกได้ว่าพระเจ้าคือความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับพวกเขา จงมองไปรอบตัวเราด้วยหัวใจแบบที่พระเยซูทรงอธิษฐานเผื่อผู้ที่ข่มเหงพระองค์ และอธิษฐานอย่างสุดใจเพื่อให้พวกเขาจะได้รู้จักพระเจ้า (ลูกา 23:34)
ถ้าเราคิดถึงการเป็นแสงสว่าง เพื่อนร่วมงานของเราคือกลุ่มคนที่เรามีโอกาสแบ่งปันพระกิตติคุณ หรือสำแดงลักษณะชีวิตแบบพระเยซูให้เขาได้เห็นมากที่สุด ดังนั้นให้เราเดินเข้าที่ทำงานด้วยความตั้งใจใหม่ ที่จะสะท้อนแสงสว่างของพระเยซูออกมาในทุกสิ่งที่เราทำ
YOU MAY ALSO LIKE
กังวลจนไม่หลับไม่นอน
WRITER: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ฉันนอนไม่หลับทั้งคืน บางคืนเราก็มีอาการนอนไม่หลับ หลับๆ ตื่นๆ พอเช้าตื่นมาก็ไม่สดชื่น อารมณ์ไม่ดี การนอนไม่หลับส่งผลกระทบต่อคนส่วนใหญ่เป็นครั้งคราว แต่สําหรับบางคนอาจเจอปัญหานี้เป็นประจำ...
ทำไมเราถึงไม่กล้าปฏิเสธ
WRITER: ซาร่า โซ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: สุมิตรา ชามรามดาบานEDITOR: ปวีณา นิลบุตร “ถ้าใช่ก็จงบอกว่าใช่ ถ้าไม่ใช่ก็จงบอกว่าไม่ใช่” (ยากอบ 5:12) ขณะที่ฉันเขียนข้อความนี้ ฉันเพิ่งจะพูดว่า "ไม่" ที่จะฟังความขัดข้องใจของแม่เรื่องคนสนิทในครอบครัว...
พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)
WRITER: แคทเธอรีน ฟลินน์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ในปี 2003 ฉันอายุ 24 ปี และอาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษตอนที่ฉันถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยเพื่อนร่วมห้องของฉัน...