fbpx
WRITER: โนนิ เอลิน่า คริสเตียนิ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: Chumpon Rungrit
EDITOR: Mustard Seed Team

“ปีใหม่แล้ว ทำไมเธอยังโสดอยู่เลยหล่ะ?”

“เมื่อไหร่เธอจะมีแฟน?”

“รู้อะไรไหม เพื่อนเธอสมัยมัธยมปลายมีลูกสองคนแล้วนะ เมื่อไหร่เธอจะมีกับเขาบ้างหล่ะ?”

นี่คือบรรดาคำถามที่ฉันมักจะได้รับ ฉันคือคนที่โสดมาได้สักระยะนึง ฉันสามารถหัวเราะกับบรรดาเพื่อนๆ ได้ เมื่อพวกเขาล้อเกี่ยวกับความโสดของฉัน แต่บางคำพูดมันก็ทำให้ฉันหงุดหงิด เมื่อไม่นานมานี้ ฉันได้รับข้อความในอินสตาแกรม ที่ฉันมักจะแชร์ความคิดและความรู้สึกเกี่ยวกับชีวิตลงไป ข้อความนั้นมาจากเด็กหญิงคนนึงที่กำลังเรียนอยู่เทอมสุดท้ายในมหาวิทยาลัย เธอบอกกับฉันว่า เธอมักจะรู้สึกเสียใจเมื่อบรรดาเพื่อนสนิทของเธอล้อเลียนเกี่ยวกับความโสดของเธอ เธอยังแชร์ว่าเธอรู้สึกอึดอัดเมื่อพวกเขาเริ่มคุยเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตการออกเดทของพวกเขา เมื่อรวมกับการถูกล้อเลียนด้วยแล้ว เธอจึงรู้สึกเจ็บปวดอยู่บ่อยครั้งเมื่อต้องคุยประเด็นนี้กับเพื่อนๆ ของเธอ

แม้ว่าฉันจะเห็นด้วยจริงๆ ที่ว่า ความสุขที่แท้จริงนั้นไม่ได้มาจากการมีคู่ชีวิต แต่มาจากความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่มันก็เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนักในการอยู่เป็นโสด ฉันยังคงเชื่อเสมอว่าพระองค์จะทรงตอบสนองต่อความต้องการทั้งหมดของฉัน และฉันเองก็ไม่ติดขัดแต่อย่างใดกับการรอคอยที่พระองค์จะทรงมอบคนที่ใช่เข้ามาในชีวิตของฉันในเวลาที่ดีที่สุดของพระองค์ แต่ในบางครั้งความเห็นและคำถามจากผู้คนรอบๆ ตัวเรานั้นก็ทำให้เราถูกบั่นทอน

หากคุณสามารถรับรู้ถึงเรื่องราวของเด็กหญิงคนนั้นที่ได้แชร์ หรือได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดจากการแสดงความเห็นอย่างไร้ความเกรงใจในเรื่องความเป็นโสด ฉันอยากจะแชร์เคล็ดลับ 5 อย่างที่ช่วยฉันเผชิญหน้าและรับมือกับความเห็นแบบนี้

 

1. สัตย์ซื่อกับพระองค์เกี่ยวกับความรู้สึกของเรา

คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อมีคนมาถามว่า “ทำไมคุณยังโสดอยู่?”

บางครั้ง เราบางคนอาจจะไม่ได้เอาคำถามนี้มาใส่ใจ แถมยังสามารถพูดอย่างมั่นใจถึงเหตุผลที่ทำไมเรายังเป็นโสด แต่ฉันก็แน่ใจว่าเราหลายคนในที่นี้คงจะรู้สึกแย่ที่ต้องได้ยินคำถามแบบนี้ ถ้าคุณจัดอยู่ในประเภทหลัง ฉันอยากจะบอกกับคุณว่ามันไม่ผิดเลยที่จะรู้สึกแบบนั้น

บางครั้งมันก็ถูกต้องแล้วที่รู้สึกไม่โอเค เมื่อเรารู้สึกเจ็บปวดกับคำบางคำ หรือพฤติกรรมจากคนรอบๆ ตัวเรา ฉันเชื่อว่าพระองค์อยากให้เราสัตย์ซื่อต่อพระองค์และนำเอาความคิดของเราทูลต่อพระองค์ ยอมรับในความรู้สึกที่แท้จริงทั้งต่อตัวเราเองและต่อพระองค์ในคำอธิษฐาน ให้พระองค์เยียวยาเราจากความเจ็บปวดและความผิดหวังที่คำจากผู้อื่นนั้นมาทำร้ายเรา

 

 

2. จงอวยพรผู้ที่ทำให้คุณขุ่นเคืองใจ 

แม้ว่าคำถามที่เกี่ยวกับความเป็นโสดของเรานั้นไม่ได้ทำร้ายเราทางกายภาพ แต่มันทำให้เรารู้สึกเจ็บปวด และสามารถทำให้เรารู้สึกหดหู่ได้ เมื่อใดก็ตามที่เรารู้สึกขุ่นเคืองหรือถูกทิ่มแทงจากคำพูดจากผู้อื่น มันได้ย้ำเตือนถึงตัวอย่างที่พระเยซูแสดงออกเมื่อยามที่พระองค์เดินไปยังกางเขน เมื่อพระองค์อธิษฐานทูลว่า “พระบิดาเจ้าข้า ขอทรงยกโทษพวกเขาเพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร” (ลูกา 23:34)

แม้ว่ามันยากที่จะทำได้ การให้อภัยกับผู้ที่ทำร้ายเรา และเลือกที่จะให้อภัยพวกเขาแทนนั้นเป็นหนทางที่ดีที่สุดที่จะเยียวยาเราจากบาดแผลและความเจ็บปวด มันไม่เพียงแต่ปลดปล่อยเราเองจากการทิ่มแทงทุกรูปแบบ มันยังทำให้เราหันเหความตั้งใจที่เราจะมีความตระหนักและไวต่อความรู้สึกที่มีต่อผู้อื่นให้มากขึ้นได้อย่างไร และอธิษฐานเผื่อพวกเขาแทน

3. สร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระเจ้า

ในขณะที่ผู้อื่นอาจจะวางคุณค่าของตัวเองบนสถานะความสัมพันธ์ แต่เรามั่นใจได้ว่าพระองค์จะไม่ทำอย่างนั้นแน่นอน พระองค์เห็นคุณค่าเราอย่างที่เราเป็น (อิสยาห์ 43:4) เมื่อเรายิ่งลงลึกในถ้อยคำของพระองค์ เรายิ่งจะเข้าใจคุณค่าที่แท้จริงในตัวเราและเรียนรู้ที่จะนิยามตัวเราเองบนพื้นฐานที่พระองค์พูดอย่างไรเกี่ยวกับตัวเรา ไม่ใช่ว่าโลกนี้ได้พูดอย่างไรกับตัวเรา

เมื่อฉันเริ่มต้นที่จะอ่านถ้อยคำของพระองค์มากขึ้น ฉันก็มาถึงจุดที่เข้าใจได้มากขึ้นว่าความรักที่แท้จริงนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร

มันช่วยให้ฉันปรับความคาดหวังที่มีต่อความรักที่โลกนี้มอบให้ฉันใหม่ เป็นสิ่งที่พระองค์นั้นมอบให้เราผ่านการเดินติดตามพระองค์

 

 

4. ใช้เวลาของเราอย่างชาญฉลาด

แทนที่จะกังวลใจเกี่ยวกับความเห็นของผู้อื่นถึงสถานะของเรา มันจะช่วยได้มากกว่าถ้าเราใช้เวลาของเราไปกับการพัฒนาตัวเอง โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับของประทานและความสามารถของเรา ถ้าเรามีความฝันที่เรามักจะอยากไปให้ถึงเสมอ จงมุ่งหน้าต่อไป และเริ่มต้นที่จะวางแผนเพื่อไปให้ถึงมัน จงลงทุนเวลาของเราในการสร้างชีวิตความเป็นอยู่ภายในชุมชนที่เราอาศัย ฉันได้ค้นพบว่าการเติมเต็มเวลาของฉันด้วยกิจกรรมที่ช่วยสอน อย่างเช่น การสอนคนหนุ่มสาวและสร้างสาวกในคริสตจักรของฉัน หรือการเข้าร่วมชุมชนการเขียน ได้ช่วยให้ฉันใช้ชีวิตความเป็นโสดด้วยความชื่นนชมยินดีแทนที่จะรู้สึกแย่หรือสมเพชตัวเอง

5. พัฒนาหัวใจแห่งการสำนึกในพระคุณ

มันง่ายที่จะสำนึกพระคุณในเวลาที่ทุกสิ่งเป็นไปด้วยดีในชีวิตของเรา แต่เราสามารถที่จะขอบพระคุณเมื่อทุกสิ่งไม่ได้เป็นไปตามที่เราหวังไว้ โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับสถานะความสัมพันธ์? มันไม่เคยที่จะง่ายเลย แต่ก็กำลังเรียนรู้ที่จะเข้าใจในถ้อยคำสติปัญญาของเปาโลในพระธรรม 1 เธสะโลนิกา 5:18 “จงขอบพระคุณในทุกกรณี เพราะนี่แหละเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า สำหรับพวกท่านในพระเยซูคริสต์”

การฝึกฝนการสำนึกในพระคุณได้ช่วยฉันให้มีความชื่นชมยินดีอย่างแท้จริงในเวลา 8 ปีที่ฉันเป็นโสด อีกทั้งยังช่วยฉันให้มีความยินดีจริงๆ กับเพื่อน เมื่อพวกเขาได้พบคู่ชีวิตและกำลังจะต่อยอดความสัมพันธ์ แม้ว่ามันจะเจ็บปวดมากแค่ไหน ฉันก็ยังยินดีกับคำถามและความเห็นมากมายเกี่ยวกับความเป็นโสดที่ฉันได้รับมาตลอดหลายปี เพราะว่าพวกเขาได้ช่วยทดสอบชีวิตของฉันอย่างลึกที่สุด และช่วยให้ฉันได้กลับมาทบทวนใหม่ว่าฉันจะตอบสนองอย่างดีที่สุดในช่วงเวลานี้ของชีวิตฉันได้อย่างไร

เมื่อฉันได้เติบโตใกล้ชิดกับพระองค์มากขึ้น ฉันก็ได้รับความเข้มแข็งจากพระสัญญาของพระองค์ที่พระองค์จะทรงทำให้ “สรรพสิ่งงดงามตามฤดูกาลของมัน” (ปัญญาจารย์ 3:11) ดังนั้นถึงแม้ว่ามันจะหนักหนาที่จะยืนหยัดเกี่ยวกับคำถามถึงความเป็นโสดของฉัน สิ่งที่สำคัญมากกว่าคือฉันรู้ว่าฉันจะสามารถเผชิญกับความท้ายทายทั้งหลายในชีวิตอย่างชื่นชมยินดีได้ พระองค์ทรงทราบทุกสิ่งอย่างแท้จริงว่าพระองค์กำลังทำอะไรในชีวิตของฉันอยู่ และพระองค์จะทรงอยู่กับฉันเสมอในทุกย่างก้าว

ทุกวันนี้ ฉันเรียนรู้ที่จะมองในมุมที่ต่างออกไป แทนที่จะเฝ้าถามพระองค์ว่าเมื่อไหร่ฉันจะเจอคู่พระพร ฉันเริ่มต้นที่จะถามว่า “พระเจ้า อะไรคือสิ่งพระองค์จะสอนฉันในช่วงเวลานี้? พระองค์ต้องการให้ฉันทำอะไร?” นับตั้งแต่นั้น พระองค์ได้แสดงให้ฉันเห็นว่าฉันสามารถรับใช้พระองค์มากขึ้นกว่าเดิม เมื่อฉันมุ่งจับจ้องไปยังสิ่งที่พระองค์ต้องการให้ฉันทำ บรรดาคำถามและความเห็นต่างๆ จากผู้คนไม่ได้สำคัญกับฉันอีกต่อไป สิ่งที่สำคัญมากกว่าคือการได้รับรู้แม้ว่าฉันจะเป็นโสดหรือแต่งงานแล้ว ฉันก็จะไม่เดียวดายเพราะพระองค์จะทรงเป็นผู้นำทางของฉัน

YOU MAY ALSO LIKE

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน

WRITER: ฉีฉี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: นิศารัตน์ มั่นเกตุEDITOR: กรชวัล เพชรเลิศอนันต์ มันเป็นอีกหนึ่งวันที่ยาวนาน ในระหว่างที่ดูแลพวกลูกๆ  สะสางงานต่างๆ  ก็แทบจะไม่มีเวลาให้ได้พักหายใจเลย เมื่อลูกๆ...

ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?

ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?

WRITER: เมดาลีน คาลู ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: PinkEDITOR: Thitikarn Nithiuthai (Mesy) ฉันยังจำช่วงเวลาที่ฉันเริ่มต้นความสัมพันธ์กับพระเยซูได้ ราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงที่อากาศหนาวเย็นของเดือนมกราคม ฮันนาห์...

เสียงที่ดังพอ

เสียงที่ดังพอ

WRITER: GRACESaoriEDITOR: Mustard Seed Team เคยไหม? ที่ในบางครั้งเสียงของใครบางคนก็ดังกว่าเสียงของตัวเอง เสียงนี้มักดังเร้าอยู่ภายในใจ บ่อยครั้งในเมื่อเราอยู่ในช่วงที่คิดไม่ตก ฟุ้งซ่าน หาทางออกไม่เจอหลายๆ สิ่ง แต่จะมีเสียงๆ นี้แหละ ที่กลับดังขึ้นมาหัวใจ...

Share This