
WRITER: ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: ปาลีญา ธนาวัฒนเจริญ
EDITOR: ธนากร พูลสินกูล
คุณพบว่ามันง่ายกว่าไหมที่เราจะอธิษฐานในช่วงเวลาที่เรากำลังต่อสู้กับความบาป เผชิญกับความยากลำบาก หรือเมื่อรู้สึกหมดหนทาง แต่ขณะที่ทุกอย่างดูราบรื่นและคุณมีทุกอย่างตามที่คุณต้องการ คุณกลับไม่แน่ใจว่าคุณควรอธิษฐานถึงเรื่องอะไร และคุณพบว่าคุณอธิษฐานแบบเดิมๆ (หรือเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย) คืนแล้วคืนเล่า
ฟีลิปปี 4:6 บอกกับเราว่า จงทูลพระเจ้าให้ทรงทราบถึงทุกสิ่งโดยการอธิษฐาน แต่ว่าเราจะอธิษฐานถึงสิ่งใดเมื่อเราไม่รู้ว่าเราจะขออะไร Alistair Begg นักเขียนและศิษยาภิบาลชาวอังกฤษได้ท้าทายให้เราพิจารณาเนื้อหาคำอธิษฐานของเราในหนังสือ “อธิษฐานขอสิ่งใหญ่ เรียนรู้ที่จะอธิษฐานแบบอัครสาวก” (Pray Big: Learn to Pray Like an Apostle) ซึ่งเขียนไว้ว่า “เราควรทูลทุกสิ่งที่สำคัญต่อหน้าพระเจ้า แต่ใช่ว่าทุกสิ่งที่เราทูลต่อพระเจ้านั้นเป็นเรื่องสำคัญเสมอไป”
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งไหนสำคัญที่สุดสำหรับพระเจ้า? และเราควรจะเริ่มต้นที่ตรงไหน?
ก่อนอื่นให้เราเริ่มต้นด้วยพระคัมภีร์ โดยเฉพาะจดหมายฝากของเปาโลที่มีต่อคริสตจักรต่างๆ ซึ่งเป็นแนวทางที่มีประโยชน์แก่พวกเราในการอธิษฐาน และนี่คือ 5 สิ่งที่เราสามารถอธิษฐานขอ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราอาจจะไม่รู้ตัวว่าเราจำเป็นต้องมีสิ่งเหล่านี้


1. เพื่อที่จะได้รู้จักพระเจ้ามากขึ้น
คริสตจักรเอเฟซัสเป็นที่รู้จักดีในเรื่องความเชื่อที่มีต่อพระเยซูคริสต์ และความรักต่อธรรมิกชน (เอเฟซัส 1:15) แต่แทนที่เปาโลจะหันความสนใจไปที่ชุมชนอื่นๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือ เขากลับอธิษฐานเผื่อถึงพวกเขาอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งสิ่งแรกและสำคัญที่สุดคือ การที่พระเจ้าจะมอบสติปัญญาและความเข้าใจฝ่ายวิญญาณแก่พวกเขาเพื่อพวกเขาจะเติบโตในความรู้เกี่ยวกับพระองค์ (ข้อ 16)
เราอาจจะอธิษฐานขอสิ่งเหล่านี้เมื่อเราเริ่มมาเป็นคริสเตียน และเราก็หยุดที่จะทำเมื่อเราเข้าสู่แบบแผนของการศึกษาพระคัมภีร์และไปโบสถ์อย่างสม่ำเสมอ แต่ถ้าพระเจ้าไม่ได้เป็นผู้ให้ความเข้าใจแก่เรา ความพยายามทั้งหมดของเราในการรู้จักพระองค์ก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นให้เราทูลขอความเข้าใจฝ่ายวิญญาณอย่างสม่ำเสมอเพื่อเราจะได้เติบโตด้วยหัวใจขอบพระคุณดั่งที่พระองค์เป็น

2. เพื่อจะได้เห็นพระคริสต์อย่างชัดเจน
เรามักจะพบเจอกับสิ่งรบกวนมากมายรอบตัวเราซึ่งมันเป็นเรื่องง่ายที่ทำให้เราละสายตาจากสิ่งที่สำคัญจริงๆ และนั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่เปาโลใช้เวลาในการอธิษฐานให้ตาใจของชาวเอเฟซัสเปิดออก เพื่อพวกเขาจะเห็นถึงพระพรที่พวกเขามีในพระเยซูคริสต์คือความหวัง ศักดิ์ศรี และฤทธานุภาพ (เอเฟซัส 1:18-19)
เหนือสิ่งอื่นใด เราต้อง “มอง” ผู้ที่ “ถูกทำให้ต่ำกว่าพวกทูตสวรรค์เพียงชั่วระยะหนึ่งนั้น ทรงได้รับพระสิริและพระเกียรติเป็นมงกุฎ เพราะพระองค์สิ้นพระชนม์ด้วยความทุกข์ทรมาน ทั้งนี้โดยพระคุณของพระเจ้า พระองค์จึงได้วายพระชนม์” (ฮีบรู 2:9) ให้ชัดเจนมากขึ้น เพราะหากไม่ใช่ชีวิตและการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ เราคงไม่มีโอกาสได้ชื่นชมในความงดงามของพระพรจากองค์พระเยซู
คุณเคยสงสัยไหมว่าในช่วงเวลาที่ได้เฝ้ามองพระพักตร์อันงดงามของพระเยซูนั้นจะเป็นอย่างไร ให้เราใช้เวลานี้ทูลขอต่อพระเจ้าที่จะทรงช่วยเราระลึกถึงการสละพระชนม์ของพระองค์อยู่เสมอ เพื่อให้สิ่งต่างๆ ที่ลวงตาบนโลกนี้นั้นถูกขจัดออกไป

3. เพื่อลิ้มรสความดีของพระองค์
โดยทั่วไปแล้ว ชีวิตเปรียบเสมือนการล่องเรือออกไปอย่างราบรื่นและเราไม่สามารถพูดได้ว่าเราขาดสิ่งใด แต่เสียงในใจของเรานั้นอาจบอกเราแตกต่างออกไป ว่าถ้าพระเจ้าให้เราได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นนิดหน่อย หรือทำให้เราได้เลื่อนตำแหน่งบ้างชีวิตคงจะสมบูรณ์แบบ
ความคิดของเรานั้นเปิดเผยให้เห็นว่าเราไม่รู้ว่าเรามีความสมบูรณ์เพียงใด เพราะในความเป็นจริง เราเป็นผู้ที่มั่งคั่ง นั่นคือเราทุกคน ซึ่งคำนี้มาจากเปาโลผู้ที่บอกเราในพระธรรมเอเฟซัส 1:3 ว่าเรา ในฐานะผู้เชื่อได้รับการอวยพรฝ่ายวิญญาณในพระเยซูคริสต์ ใช่แล้ว เรามีทุกสิ่ง และถูกเลือกให้บริสุทธิ์ (เอเฟซัส 1:4) ได้สิทธิ์ในการเป็นบุตรของพระเจ้า (เอเฟซัส 1:5) ได้รับการยอมรับผ่านทางพระคริสต์ (เอเฟซัส 1:6) รับการไถ่โดยพระโลหิตของพระองค์ (เอเฟซัส 1:7) ยกโทษจากการละเมิด (เอเฟซัส 1:7) เข้าใจในพระประสงค์ของพระองค์ (เอเฟซัส 1:8-10) ได้รับมรดกทางพระคริสต์ (เอเฟซัส 1:11) และรับการประทับตราด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ (เอเฟซัส 1:13)
ดังนั้น ทำไมเราถึงร้องหาถึงสิ่งที่เติมเต็มเราเพียงชั่วคราว ให้เราทูลขอพระเจ้าที่จะทำให้เราลิ้มรสคุณค่าในสิ่งที่เรามีในพระคริสต์ เพื่อที่เราจะได้รับการเติมเต็มอย่างแท้จริงและไม่ต้องการสิ่งอื่นใดอีก

4. เพื่อได้ยินการเตือนของพระองค์
ไม่มีใคร แม้กระทั่งพระเยซูที่ไม่พบการทดลองในชีวิต และในขณะที่พระเยซูไม่ยอมแพ้ในการทดลอง เรากลับพบว่ามีผู้เชื่อที่เข้มแข็งหลายคนกลับตกเป็นเหยื่อของการทดลองในช่วงเวลาที่พวกเขาไม่คาดคิดที่สุด ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะได้ยินพระเยซูสอนสาวกให้อธิษฐานเผื่อการทดลอง (ลูกา 22:40, 46 และ ลูกา 11:4)
เราต้องใส่ใจเมื่อพระเยซูเรียกร้องให้เราอธิษฐานไม่เพียงเฉพาะต่อต้านความบาปของเรา แต่ให้อธิษฐานต่อต้านการล่อลวงจากบาปด้วย ในการที่จะทำเช่นนั้น ศิษยาภิบาลและบรรณาธิการชาวอเมริกัน David Mathis กล่าวว่า “เราต้องรับรู้ถึงความอ่อนแอของเราและพลังของความบาป เพื่อเราจะได้ระลึกถึงหัวใจของพระบิดาของเราในความบริสุทธิ์ตลอดไป”
ถ้าเราไม่ยอมรับความอ่อนแอของเราและอธิษฐานขอการปกป้องจากพระเจ้า และการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราจะถูกล่อลวงและถูกนำโดยความปรารถนาของเรา (ยากอบ 1:14) ในเวลาที่เราไม่คาดคิด
ดังนั้นขอให้เราอธิษฐานที่จะฟังเสียงของพระเจ้าและใส่ใจการเตือนของพระองค์ที่ให้เราระวังตัวเราเองจากการทดลอง

5. เพื่อได้สัมผัสความรักของพระองค์
บ่อยครั้งแค่ไหนที่เรารู้สึกไม่ได้รับความรักหรือรู้สึกโดดเดี่ยว? กี่ครั้งในชีวิตของเราที่เรายึดตัวเรากับความรักของคนอื่น ไม่ว่าจะเป็น แฟน คู่ชีวิต คนในครอบครัวหรือเพื่อน โดยที่ไม่รับรู้ว่าพระเยซูคริสต์รักเรามากแค่ไหน?
ในความคิดของเรา เรารู้ว่าพระเจ้ารักเราและพระองค์ได้ส่งพระเยซูลงมาสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อเรา แต่เรารู้จริงๆ ถึงความกว้าง ความยาว ความสูงและความลึกของความรักของพระองค์ที่เกินความเข้าใจหรือไม่ (เอเฟซัส 3:17-18)? เราเคยได้สัมผัสความรักของพระคริสต์เมื่อเราร้องเพลงหรือยืนยันกับคนอื่นๆ ได้ยินในพระวจนะของพระองค์ และได้เห็นสิ่งนั้นเป็นจริงหรือไม่?
ให้เราอธิษฐานขอเพื่อเราจะเข้าใจความรักของพระเจ้าและใช้ชีวิตที่เปี่ยมไปด้วยความรักนี้ในชุมชนและคนรอบๆ ตัวเรา
ไม่ว่าชีวิตของเราจะขึ้นลงเพียงใด หรือเรากำลังเฝ้ารอที่จะได้เห็นสิ่งที่พระเจ้าทำในชีวิตของเรา ให้เราอธิษฐานที่พระเจ้าจะปรับเปลี่ยนอารมณ์ความรู้สึกของเราเข้าหาพระองค์และให้เราสามารถใช้ชีวิตที่เป็นที่พอพระทัยพระองค์เพื่อเราจะเป็นกลิ่นหอมของพระคริสต์ (2 โครินธ์ 2:15) ไปยังโลกที่กำลังจ้องมองเราอยู่
YOU MAY ALSO LIKE
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน
WRITER: ฉีฉี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: นิศารัตน์ มั่นเกตุEDITOR: กรชวัล เพชรเลิศอนันต์ มันเป็นอีกหนึ่งวันที่ยาวนาน ในระหว่างที่ดูแลพวกลูกๆ สะสางงานต่างๆ ก็แทบจะไม่มีเวลาให้ได้พักหายใจเลย เมื่อลูกๆ...
ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?
WRITER: เมดาลีน คาลู ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: PinkEDITOR: Thitikarn Nithiuthai (Mesy) ฉันยังจำช่วงเวลาที่ฉันเริ่มต้นความสัมพันธ์กับพระเยซูได้ ราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงที่อากาศหนาวเย็นของเดือนมกราคม ฮันนาห์...
เสียงที่ดังพอ
WRITER: GRACESaoriEDITOR: Mustard Seed Team เคยไหม? ที่ในบางครั้งเสียงของใครบางคนก็ดังกว่าเสียงของตัวเอง เสียงนี้มักดังเร้าอยู่ภายในใจ บ่อยครั้งในเมื่อเราอยู่ในช่วงที่คิดไม่ตก ฟุ้งซ่าน หาทางออกไม่เจอหลายๆ สิ่ง แต่จะมีเสียงๆ นี้แหละ ที่กลับดังขึ้นมาหัวใจ...