4 บทเรียนที่ความล้มเหลวสอนเรา

WRITER: เอเลน บาร์จ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR/EDITOR: นฤมล บางทราย

มีหลายวิธีที่เราจะล้มเหลว…ฉันล้มเหลวที่จะอ่านพระคัมภีร์ในทุกๆ วัน ฉันล้มเหลวในการบอกความจริงกับพ่อแม่ บางครั้งฉันล้มเหลวที่จะคุยกับคนที่ทำให้ฉันอึดอัดและรำคาญใจด้วยความเมตตา ฉันล้มเหลวตลอดเวลารวมถึงผลการเรียนวิชาศาสนาที่โรงเรียนด้วย

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงดีใจที่ในพระคัมภีร์เต็มไปด้วยเรื่องราวของผู้คนที่ล้มเหลว เปโตรหนึ่งในสาวกของพระเยซูล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า เขาปฏิเสธพระเยซูถึงสามครั้งและเขากำลังไปที่ไม้กางเขน เขาเห็นพระเยซูเดินบนน้ำและถามพระเยซูว่าเขาอยากทำเช่นเดียวกัน แต่ในที่สุดก็กลัวและจมน้ำ (มัทธิว 14) แต่พระเยซูยังรักและยอมรับเขาเหมือนเดิม

พระคัมภีร์ไม่เคยสัญญาว่าเราจะประสบความสำเร็จในทุกสิ่งที่ทำ แต่บอกเราถึงวิธีการจัดการกับความล้มเหลวเมื่อมันเกิดขึ้นแทน สุภาษิต 24:16 เพราะคนชอบธรรมล้มลงเจ็ดครั้งแล้วก็ลุกขึ้นอีก ฟิลิปปี 3 บอกเราให้ลืมสิ่งที่ผ่านมาและพากเพียรต่อไปให้ถึงเป้าหมายของพระคริสต์

การล้มเหลวไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือเมื่อเราล้มเหลวในการเรียนจากความล้มเหลวของเราเองและยอมแพ้จนราบคาบ

ดังนั้นสำหรับใครที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความล้มเหลวนี่เป็นบทเรียนที่ฉันได้เรียนรู้

1. ฉันเรียนรู้ที่จะขอความช่วยเหลือ

ในปีแรกของการเรียนปริญญาโทฉันพยายามที่จะอธิษฐานและอ่านพระคัมภีร์ มันเป็นอะไรที่ยากเพราะฉันเรียนปริญญาโทเอกพระคัมภีร์เดิม ฉันอ่านและศึกษามันทุกวันสำหรับทำการบ้าน แต่ฉันรู้สึกว่าพระเจ้าห่างไกลจากฉัน ฉันกลับรู้สึกล้มเหลวเพราะรู้ว่าฉันควรที่จะติดสนิทกับพระองค์มากขึ้น

ฉันรู้ว่าฉันควรจะโฟกัสไปที่พระเยซูและพูดคุยกับพระองค์ แต่ฉันยังต่อสู้เพียงลำพังเพราะฉันไม่ได้ขอความช่วยเหลือ การขอความช่วยเหลือให้ความรู้สึกเหมือนพ่ายแพ้และล้มเหลว แต่มันจะดีแค่ไหนหากมีใครสักคนอธิษฐานและอ่านพระคัมภีร์กับฉันทุกสัปดาห์เหมือนในอดีต ฉันตัดสินใจทิ้งความเย่อหยิ่งของฉัน หลังจากนั้นพระเจ้าสร้างเราเพื่อเราจะแบกรับภาระซึ่งกันและกันในกลุ่ม (กาลาเทีย 6:2)

ฉันดีใจมากที่ฉันขอความช่วยเหลือและได้พบเพื่อนที่จะอธิษฐานอ่านพระคำพระเจ้าและจดจำคำเทศนาที่ภูเขาด้วยกัน เพราะช่วงเวลาเหล่านั้นนำฉันกลับไปหาพระเจ้าในวิธีที่ฉันไม่เคยนึกถึงมาก่อน

ผ่านความล้มเหลวเราเรียนรู้ว่าเราต้องการความช่วยเหลือ

2. ฉันเรียนรู้ว่าฉันต้องการพระคุณ

ระหว่างเทอมแรกในห้องเรียนภาษาฮีบรู อาจารย์ของฉันประกาศว่าใครได้คะแนนต่ำสุดของการทดสอบระหว่างสัปดาห์ ในระหว่างปีการศึกษาจะต้องถูกพักการเรียน

แต่สิ่งนั้นไม่ได้อยู่ในหัวของฉันเมื่อฉันตัดสินใจออกไปข้างนอกกับเพื่อนหนึ่งวันก่อนสอบ แทนที่จะเตรียมตัวสอบ ฉันรู้ว่าฉันทำสอบได้ไม่ดีเท่าไหร่แต่ก็ไม่ได้คิดว่าผลสอบของฉันมันจะแย่มากนัก ตอนที่ผลสอบออกมานั้นทำให้ฉันจำได้ถึงสิ่งที่อาจารย์ได้บอกตอนต้นเทอม หลังจากนั้นสองอาทิตย์ฉันถามอาจารย์ด้วยความกังวลว่ายังเป็นตามกฏเดิมอยู่ไหม อาจารย์ตอบกลับมาด้วยความทะเล้นว่าคะแนนของฉันมันไม่สามารถหยุดยั้งฉันได้เหมือน “ตะวันออกห่างไกลจากตะวันตกเท่าใด” ฉันโล่งอกจนเกือบจะร้องไห้ฉันรู้ว่าฉันได้รับพระคุณที่ฉันไม่สมควรจะได้รับ

เรื่องนี้ช่วยฉันให้ซาบซึ้งว่าพระบิดาในสวรรค์ได้ส่งพระบุตรของพระองค์เพื่อบาปของเราพระเจ้ารู้ว่าเราไม่สามารถช่วยตัวเองจากความบาปได้ ดังนั้นพระองค์ทรงส่งบุตรที่รักของพระองค์มาเพื่อรับผลของความล้มเหลวทั้งหมดของเราเพื่อให้บาปของเราได้รับการอภัยเหมือนตะวันออกไกลจากตะวันตก(สดุดี 103:12)

ผ่านความล้มเหลวเราซาบซึ้งในพระคุณพระเจ้า

3. ฉันเรียนรู้ว่าฉันยังได้รับการช่วยกู้

ในฟาร์มที่ฉันทำงานเมื่อนานมาแล้ว มีระบบการให้อาหารผ่านขดลวด มันปล่อยอาหารออกมาและคลายออกเพื่อหยุดให้อาหาร ถ้าทำไม่ถูกต้องเรียบร้อยอาหารจะออกมาเรื่อยๆ จากเครื่องให้อาหาร และมันจะทะลักเข้าไปในคอกสัตว์

คืนหนึ่งระหว่างที่ทำงานในฟาร์มคนเดียวฉันทำสิ่งที่ผิดพลาดอย่างมาก ฉันไม่รู้ว่าไม่ได้คลายลวดอย่างเหมาะสม อาหารเป็นตันๆ ไหลลงไปในคอกสัตว์ระหว่างที่ฉันออกไปทำงานอื่น พอกลับไปที่คอกสัตว์ฉันถึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันคลายลวดออกและอาหารก็หยุดไหล ฉันกลับบ้านไปด้วยความรู้สึกผิดตลอดทั้งคืน

เช้าวันต่อมาฉันไปทำงานแต่เช้าเพื่อจะอธิบายแก่เจ้าของฟาร์มว่าฉันทำอะไรลงไป แทนที่เขาจะตะคอกฉันหรือไล่ฉันออก เจ้าของฟาร์มไปที่คอกสัตว์และพูดว่า “สถานการณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่ก็สามารถกู้คืนมาได้” ทันใดนั้นฉันรู้สึกว่าความรู้สึกผิดถูกยกออกจากบ่าฉัน ขอบคุณเขาที่มีเมตตา ฉันกล่าวขอโทษและยังคงทำงานที่นั่นต่อไป

การได้เห็นสถานการณ์ที่เลวร้ายถูกกู้คืนกลับมาได้ ทำให้ฉันคิดถึงการที่พระเจ้าช่วยกู้คนอย่างฉัน คนที่ไปกลุ่มเซลอนุชนในวันศุกร์ ไปปาร์ตี้คืนวันเสาร์ และก็ไปโบสถ์วันอาทิตย์ด้วยอาการเมาค้าง ถึงอย่างนั้นพระเจ้าก็ไม่ได้ตัดฉันออกไป แต่พระองค์ทรงให้โอกาสฉันที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาด และใช้ความผิดพลาดเพื่อหนุนใจคนอื่นในกลุ่มอนุชนที่ฉันเป็นผู้นำอยู่

ผ่านความล้มเหลวพระเจ้ายังสามารถใช้เราได้

4. ฉันเรียนรู้ที่จะบากบั่น

มีบางช่วงเวลาที่ฉันล้มเหลวและรู้สึกอยากยอมแพ้ทุกอย่าง เช่น ฉันตกลงสู่การทดลองเรื่องการโกหกถึงแม้ว่าฉันจะได้แก้ไขมันเมื่อไม่นานมานี้แต่ฟิลิปปี 3:13 บอกเราให้ลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้วโน้มตัวไปยังสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า

หมายถึงดึงตัวเองขึ้นมาหลังจากที่ล้มลง หมายถึงให้ตาของเราจับจ้องที่พระเยซู หมายถึงอย่ายอมแพ้เมื่อเราล้มลงดังนั้นตอนที่ฉันโกหก ฉันกลับไปหาคนที่ฉันโกหกเพื่อจะสารภาพและทำให้ทุกอย่างกลับมาถูกต้อง มันหมายถึงการวางเกียรติของฉันลงและการเลือกที่จะเป็นเหมือนพระเยซูคริสต์

และข้าพเจ้าบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัยเพื่อจะได้รับรางวัลคือการทรงเรียกแห่งเบื้องบนซึ่งมีในพระเยซูคริสต์(ฟิลิปปี 3:14)

ผ่านความล้มเหลวเราเรียนรู้ที่จะบากบั่น

YOU MAY ALSO LIKE