fbpx
WRITER: แมดาไลน์ ทูว์นีย์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: ศุภิสรา เจริญศรีศิลป์
EDITOR: พาทินธิดา เจริญสวัสดิ์

ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับฉันถึงแม้ว่ามันจะเริ่มต้นมาดีมากก็ตาม…ฉันได้ไปงานสัมมนาคริสเตียนครั้งแรกในชีวิตเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งหัวข้อของงานคือฤดูแห่งการเติบโตและมันก็ยอดเยี่ยมเหลือเกิน เพราะทุกอย่างที่ฉันได้ยินได้เห็นที่งานนั้น หนุนใจ ท้าทาย และเติมเต็มใจฉันให้ตระหนักถึงความรักของพระเจ้าอย่างลึกซึ้ง ฉันไม่รู้แม้แต่นิดเดียวว่าตัวเองกำลังจะเข้าสู่ช่วง ฤดูแห่งการเติบโตในอีกไม่นาน และช่วงเวลานั้นก็จะทดสอบทุกๆ สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้มา

ตั้งแต่วินาทีที่การสัมมนาจบจนถึงเดือนต่อๆ มา ก็เหมือนกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของฉันผิดพลาดไปหมด ตั้งแต่เรื่องที่น้องชายของฉันต้องพักฟื้นในโรงพยาบาลหลายสัปดาห์ เพราะมีลิ่มเลือดที่แขนและต้องผ่าตัดซี่โครงที่อุดเส้นเลือดออก เรื่องความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดของฉันกับคนสนิท เรื่องอาการนอนไม่หลับ, อกหัก, ร้องไห้หนักมาก, การถูกปฏิเสธ, ความสับสนในชีวิต และอีกหลายเรื่องที่ถาโถมเข้ามาจนดูจะไม่มีวันสิ้นสุด

ฉันยังยิ้มได้ถ้าต้องออกไปเจอผู้คน แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่อยู่คนเดียว ฉันกลับไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย ฉันทั้งโมโห ทั้งกลัว ในหัวเต็มไปด้วยคำถามและความไม่เข้าใจ

ฉันรู้สึกอ่อนไหวและพูดตามตรงนะ ฉันไม่รู้สึกอยากจะนมัสการพระเจ้าด้วยซ้ำ ในตอนแรกฉันได้แต่ร้องไห้และอธิษฐานขอให้พระเจ้ารักษาปลอบโยนจิตใจ ซึ่งก็เป็นช่วงเวลานั้นเองที่ฉันได้เรียนรู้ที่จะนมัสการพระเจ้าท่ามกลางสถานการณ์แย่ๆ

ถึงแม้ว่าถ้าเลือกได้ ฉันก็ไม่อยากจะเผชิญช่วงเวลาเหล่านั้นอีกแล้ว แต่ประสบการณ์ของปีที่ผ่านมาได้สอนฉันถึงฤทธิ์อำนาจและความสัตย์ซื่อของพระเจ้าในช่วงเวลาที่มืดมิดที่สุด ฉันตระหนักได้ว่าการนมัสการเป็นสิ่งที่จำเป็นมากยิ่งขึ้นไปอีกในเวลาที่ยากลำบาก และนี่คือ 3 วิธีที่ช่วยฉันในการนมัสการพระเจ้าท่ามกลางช่วงเวลานั้น

1. ลงลึกกับพระคำของพระเจ้า

เมื่อก่อนฉันเคยใช้เวลากับการเฝ้าเดี่ยวอยู่บ้าง แต่ตอนนี้มันกลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้วการได้อ่านเรื่องพระสัญญาและความสัตย์ซื่อของพระเจ้าในพระคัมภีร์ทำให้ฉันมีความหวัง คนในพระคัมภีร์บางคนเคยตกอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากมากจริงๆ และบางครั้งช่วงเวลาที่ว่านั้นก็ยาวนานหลายปี ตัวอย่างเช่น เรื่องของโยเซฟ ที่ถูกพี่ชายของตัวเองจับขายไปเป็นทาส และหลังจากนั้นยังต้องติดคุกอีก 2 ปี(ปฐมกาล 37-41), เรื่อง 7 ปีแห่งการกันดารอาหาร(ปฐมกาล 41-45) หรือตอนน้ำท่วมโลก(ปฐมกาล 6-7) เราจะเห็นได้จากเรื่องราวเหล่านี้ว่า แม้ในสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะสิ้นหวัง แต่พระเจ้ายังคงสัตย์ซื่อเสมอ ดังนั้นพระองค์ก็จะสัตย์ซื่ออย่างนั้นในชีวิตของฉันเช่นกัน

ไม่เพียงได้พบพระคำในระหว่างเฝ้าเดี่ยวเท่านั้น แต่เหมือนกับว่าทุกที่ที่ฉันไป ข้อพระคัมภีร์ โรม 8:28 เรารู้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างร่วมกันก่อผลดีแก่คนที่รักพระเจ้า คือแก่คนทั้งหลายที่พระองค์ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระเจ้า จะโผล่ขึ้นมาในหัวทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ฉันคุยกับใครสักคน อ่านหนังสือสักเล่ม หรือแม้กระทั่งตอนกำลังเลือกซื้อเสื้อผ้า

ถึงแม้ว่าทุกอย่างในชีวิตของฉันจะดูออกนอกลู่นอกทางและผิดปกติไปบ้าง แต่พระคัมภีร์ข้อนี้ก็ย้ำเตือนฉันว่า พระเจ้าผู้ทำงานอยู่เบื้องหลังจะใช้สิ่งที่ฉันเผชิญอยู่ในตอนนี้เพื่อการดีในอนาคต

แม้ว่าในตอนนี้มันจะเจ็บปวด แต่ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจะไม่เสียเปล่าแน่นอน

และแม้ว่ามันจะใช้เวลาสักหน่อย แต่ทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้นล้วนแต่มีจุดประสงค์ของมันเอง บางครั้งมันยากที่จะเปิดพระคัมภีร์และอ่านเรื่องราวว่าพระเจ้าดีแค่ไหน โดยเฉพาะเมื่อเราไม่รู้สึกว่าพระองค์ดี แต่อย่างไรก็ตาม ฉันเรียนรู้ที่จะพักพิงในพระสัญญา แผนการของพระเจ้านั้นดีเกินกว่าที่เราจะสามารถจินตนาการได้ และที่สำคัญคือพระองค์ทรงทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อผลดีของเรา

2. เปิดเพลงที่คุณชอบ

เมื่อเรากำลังเผชิญกับปัญหา เพลงที่ให้พลังด้านบวกหรือเพลงที่มีจังหวะสนุกๆ คือสิ่งสุดท้ายที่เราอยากจะได้ยิน แต่ถึงอย่างนั้นมันก็คุ้มค่าที่เราจะฟังอยู่ดี เพลง “Mighty Warrior” ของ David Virgo ช่วยให้ฉันผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากมาได้หลายครั้งในปีที่แล้ว ประโยคหนึ่งในเพลงบอกกับฉันว่า “Mighty Warrior, You will see that all things work for my good, things work for my good” (นักรบผู้ยิ่งใหญ่ คุณจะได้เห็นว่าทุกสิ่งๆ นั้นร่วมกันก่อเกิดผลดีแก่เราทุกสิ่งๆ นั้นร่วมกันก่อเกิดผลดีแก่เรา) อีกไม่กี่เดือนถัดมา ฉันก็ตระหนักได้ว่าเพลงนี้ช่วยให้ฉันประกาศพระคุณและความสัตย์ซื่อของพระเจ้าที่มีในชีวิตของฉันได้ แม้สถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่จะยังไม่เปลี่ยนไปก็ตาม

เพลง “Walking on Water” ของ NEEDTOBREATHE ก็เป็นอีกเพลงหนึ่งที่ช่วยให้ฉันผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากมาได้ ในช่วงสัปดาห์ที่น้องชายของฉันเข้าโรงพยาบาล ฉันและน้องสะใภ้ได้ฟังเพลงนี้ครั้งแรกในวิทยุ และเนื้อเพลงก็เป็นอะไรที่ฉันต้องการจะได้ยินในตอนนั้น เพราะมันเตือนฉันว่าพระเจ้ากำลังทำงานอยู่ และฉันต้องเชื่อใจพระองค์ท่ามกลางพายุคลื่นที่โหมกระหน่ำ

ฉันแนะนำให้คุณหาเพลงที่ช่วยดึงตัวเองขึ้นมาจากปัญหา และทำให้คุณสามารถสรรเสริญพระเจ้าได้ เปิดดังๆ และฟังซ้ำๆ เพื่อมองหาความจริงของพระเจ้าจากเนื้อเพลง และร้องวนไปกับตัวเองจนคุณเชื่อมัน แน่นอนว่าการนมัสการพระเจ้าอาจเป็นสิ่งสุดท้ายที่คุณอยากจะทำ แต่ทำไปเถอะ เพราะการนมัสการในขณะที่เรากำลังเผชิญปัญหาจะเสริมกำลังและความหวังใหม่ ไม่แน่ว่าเสียงเพลงอาจเป็นสิ่งที่เราต้องการที่สุดเพื่อจะผ่านแต่ละวันไปก็เป็นได้

3. พูดความรู้สึกที่แท้จริงของคุณกับพระเจ้า

ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด เรายิ่งจำเป็นต้องเข้าหาพระเจ้า พระองค์อยากอยู่ข้างๆ และฟังเสียงของเรา ดังนั้นอย่าปิดบังอะไรต่อพระองค์เลย เพราะพระเจ้ารู้ทุกความรู้สึกนึกคิดของเราอยู่แล้ว ถ้าโกรธ เราบอกพระองค์ได้ หรือถ้าสับสน เราก็ปรึกษาพระองค์ได้ ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องทำให้ตัวเองรู้สึกดีก่อน เพราะพระเจ้าต้องการให้เราเข้าหาพระองค์อย่างที่เราเป็น พระองค์ทรงรักในทุกส่วนที่เป็นตัวตนของเรา และพระองค์จะไม่มีทางหยุดฟังเพียงเพราะแค่เรากำลังโมโหหรือโวยวายใส่พระองค์ เชื่อเถอะ พระเจ้าจัดการได้

กษัตริย์ดาวิดผู้เขียนสดุดีเป็นตัวอย่างที่ดีมากในเรื่องนี้ ยกตัวอย่างจาก สดุดี 42:9-10 ดาวิดร้องไห้กับพระเจ้าและทูลต่อพระองค์ว่า ไฉนพระองค์ทรงลืมข้าพระองค์? ไฉนข้าพระองค์ต้องดำเนินไปอย่างทุกข์โศก เพราะการบีบบังคับของศัตรู? พวกคู่อริเยาะเย้ยข้าพระองค์ดุจจะให้กระดูกของข้าพระองค์แหลกละเอียด เมื่อพวกเขาพูดกับข้าพระองค์วันแล้ววันเล่าว่าพระเจ้าของข้าพระองค์อยู่ที่ไหน?” ดาวิดไม่กลัวที่จะแสดงความรู้สึกออกมาให้พระเจ้ารู้ในขณะที่เขาหมดกำลังใจและทุกข์ใจ เพราะฉะนั้น เราก็ไม่ควรกลัวหรือรู้สึกผิดที่จะทูลต่อพระเจ้าว่าเรากำลังรู้สึกอย่างไรเช่นกัน

บอกอารมณ์และความรู้สึกที่แท้จริงกับพระเจ้าเพื่อขอให้พระองค์เติมเราให้เต็มด้วยสันติสุข, ความชื่นชมยินดี, การฟื้นฟูรักษา และความรักของพระองค์

สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถเปลี่ยนกันได้ชั่วข้ามคืน(หรืออาจจะทำได้) แต่สำหรับฉันผู้ยังอยู่ในกระบวนการเปลี่ยนแปลง การเปิดเผยความรู้สึกต่อพระเจ้ายังเป็นสิ่งที่ต้องตัดสินใจเลือกในแต่ละวัน โดยแทนที่จะซ่อนความรู้สึกของตัวเอง ฉันก็ได้เรียนรู้แล้วว่าการเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงทำให้มีสันติสุขอย่างที่ไม่มีอะไรสามารถจะให้ได้

มันแปลกมากเมื่อตอนนี้ได้มองย้อนไปในช่วงที่ดีและแย่ของปีที่ผ่านมา และมันก็แปลกมากกว่าเดิมที่ฉันรู้สึกขอบคุณสำหรับเหตุการณ์เหล่านั้น อาจเรียกได้ว่าเป็นปีแห่งการเตรียมดินเพื่อเพาะปลูก เพราะทั้งไถ และขุดลึกลงไปในความสัมพันธ์กับพระเจ้าที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น หลายสิ่งที่ฉันหวังและอธิษฐานกลับได้รับการตอบอีกแบบหนึ่ง มันเป็นคำตอบที่มากเกินกว่าความคิดหรือความเข้าใจที่ฉันคาดไว้แต่แรก แม้ยังมีอีกหลายสิ่งที่ไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้ฉันมีมุมมองต่อแผนการของพระเจ้าที่เปลี่ยนไปแล้ว ฉันได้เห็นความสัตย์ซื่อของพระเจ้า และฉันเชื่อใจและวางใจว่าพระองค์ทรงทำงานเพื่อผลดีของเราเสมอ(โรม 8:28)

พระเจ้าอาจไม่ได้เปลี่ยนสถานการณ์ให้เป็นแบบที่คุณต้องการ แต่อย่าหมดหวัง! พระเจ้ากำลังเปลี่ยนและปั้นคุณให้เป็นคนที่พระเจ้าอยากสร้างคุณให้เป็น และนั่นจะเป็นสิ่งที่สวยงามแน่ ไม่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้จะดูมืดมนแค่ไหน จับมือพระเจ้าไว้ให้แน่นและรู้ไว้ว่าพระเจ้ารักคุณมาก! ขอให้เรานมัสการพระเจ้าต่อไป โดยเชื่อและวางใจว่าพระองค์จะพาเราผ่านช่วงเวลาที่ยากที่สุดไปได้อย่างแน่นอน

YOU MAY ALSO LIKE

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน

WRITER: ฉีฉี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: นิศารัตน์ มั่นเกตุEDITOR: กรชวัล เพชรเลิศอนันต์ มันเป็นอีกหนึ่งวันที่ยาวนาน ในระหว่างที่ดูแลพวกลูกๆ  สะสางงานต่างๆ  ก็แทบจะไม่มีเวลาให้ได้พักหายใจเลย เมื่อลูกๆ...

ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?

ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?

WRITER: เมดาลีน คาลู ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: PinkEDITOR: Thitikarn Nithiuthai (Mesy) ฉันยังจำช่วงเวลาที่ฉันเริ่มต้นความสัมพันธ์กับพระเยซูได้ ราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงที่อากาศหนาวเย็นของเดือนมกราคม ฮันนาห์...

เสียงที่ดังพอ

เสียงที่ดังพอ

WRITER: GRACESaoriEDITOR: Mustard Seed Team เคยไหม? ที่ในบางครั้งเสียงของใครบางคนก็ดังกว่าเสียงของตัวเอง เสียงนี้มักดังเร้าอยู่ภายในใจ บ่อยครั้งในเมื่อเราอยู่ในช่วงที่คิดไม่ตก ฟุ้งซ่าน หาทางออกไม่เจอหลายๆ สิ่ง แต่จะมีเสียงๆ นี้แหละ ที่กลับดังขึ้นมาหัวใจ...

Share This