fbpx
TRANSLATOR: Natty Grace
EDITOR: Mustard Seed Team
Artwork by : YMI

“ฉะนั้นถ้าใครอยู่ในพระคริสต์ เขาก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆ ก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น” (2 โครินธ์ 5:17) 

“อดีตก็คืออดีต” อย่างที่เขาพูดกัน แต่เราหลายคนกลับรู้ดีว่าเราต่างรู้สึกอย่างไรเมื่อความทรงจำที่เราอยากจะลืม อยู่ๆ ก็ผุดขึ้นมาและทำให้เรารู้สึกอับอายหรือเจ็บปวดอีกครั้ง เวลานั้นที่เราพูดผิดไป เราพูดอะไรบางอย่างที่โหดร้ายกับใครบางคน และทำให้เขาเจ็บปวด หรือตอนที่เราลองทำอะไรใหม่ๆ แล้วมันไม่สำเร็จอย่างที่คาดไว้ 

ไม่ว่ามันจะเป็นความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ หรือความผิดครั้งใหญ่ การพยายามกดความรู้สึกไว้ หรือวิ่งหนีจากสิ่งเหล่านั้นกลับไม่ได้ช่วยอะไรเลย แต่เมื่อไรก็ตามที่เราอาจรู้สึกหมดหนทางหรือกลัวอดีตของเรา พระเจ้าทรงมีพระประสงค์ให้เรารู้ว่า เราไม่จำเป็นต้องเผชิญมันด้วยตัวเอง เพราะพระองค์ทรงโอบกอดเราไว้ ด้วยความจริงที่จะช่วยให้เราสามารถพบสันติสุขในอดีต และเผชิญกับอนาคตด้วยความหวัง

1. อดีตของเราได้รับการไถ่แล้ว – เราทุกคนได้รับการสร้างใหม่ในพระคริสต์

เมื่อพระคัมภีร์บอกเราว่า “สิ่งเก่าก็ล่วงไป สิ่งใหม่ก็เข้ามา” (2 โครินธ์ 5:17) ไม่ได้บอกว่าอดีตของเราไม่เคยเกิดขึ้น แต่บอกกับเราว่า อดีตของเราไม่อาจฉุดรั้งหรือครอบงำเราได้อีกต่อไป เพราะเรามีพระเยซูผู้เข้ามาครอบครองเหนือชีวิตและจิตใจของเรา และพระองค์ทรงประทานความหวังในสิ่งใหม่ให้แก่เรา

อดีตไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่การที่เราอยู่ในพระเยซูคริสต์ พระเจ้าได้เปลี่ยนอัตลักษณ์และชะตาชีวิตของเรา เราถูกทำให้ชอบธรรม และสามารถดำเนินชีวิตอย่างอิสระในฐานะลูกของพระองค์ เรามีพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นผู้ชี้นำทางให้กับเรา เรามีบ้านถาวรรอเราอยู่ในสวรรค์

การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ ทำให้เราสามารถพูดได้ว่า:

  • พระเยซูทรงสามารถและทรงยกบาปผิดที่ฉันได้ทำในอดีต
  • พระเยซูทรงสามารถรักษาความเจ็บปวดและประสานทุกรอยร้าวที่เกิดขึ้นกับชีวิตของฉันได้ หากพระองค์ไม่ทรงทำให้เกิดขึ้นในชีวิตนี้ พระองค์จะทำในชีวิตนิรันดร์อย่างแน่นอน
  • พระเยซูทรงประทานโอกาสและหนทางใหม่ ให้ฉันได้ทำสิ่งดีที่ฉันไม่เคยทำได้มาก่อน

พระคัมภีร์บอกกับเราเกี่ยวกับผู้คนมากหน้าหลายตา ที่ต่างมี “อดีต” ไม่ว่าจะเป็น อับราฮัม ผู้ที่โกหกว่าภรรยาของเขาเป็นน้องสาวของเขาเพราะความกลัว ยาโคบ ผู้โกงสิทธิบุตรหัวปีมาจากพี่ชายของเขา มัทธิว คนเก็บภาษีที่ทุจริตก่อนมาพบพระเยซู ซึ่งพวกเขาก็ยังได้ถูกเรียกว่า เป็นบุคคลแห่งความเชื่อ เพราะพวกเขากลับใจและพระเจ้าทรงไถ่พวกเขา

และพระเจ้าก็ทรงไถ่เราแล้วเช่นกัน นั่นหมายความว่า เราสามารถหลุดพ้นจากอดีตที่เหนี่ยวรั้งเราไว้ และรับอัตลักษณ์ใหม่ของเราได้ในพระองค์

2. อดีตของเราสามารถปลอบประโลมใจผู้อื่นได้

บางคนในที่นี้อาจมีช่วงเวลาที่เลวร้ายในอดีต ที่ทำให้เรารู้สึกไม่อยากเผชิญกับมันอีก ไม่ว่าจะเป็น การเลิกรา ความล้มเหลว หรือการสูญเสีย เราอาจถามพระเจ้ามานานหลายปีว่า “เหตุใดพระองค์จึงทรงยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้น” เพียงเพื่อจะรู้ได้ในภายหลังว่า ประสบการณ์อันขมขื่นของเราสามารถช่วยให้เราเห็นอกเห็นใจและปลอบโยนผู้คนที่กำลังเผชิญเรื่องเดียวกันได้

อัครทูตเปาโล ผู้ถือว่าตนเองเป็นคนบาปที่เลวร้ายที่สุด (1 ทิโมธี 1:15-16) และเมื่อเขาต้องทนทุกข์ทรมานอย่างหนัก เขาได้กล่าวถ้อยคำให้กำลังใจกับเราว่า “สาธุการแด่พระเจ้า พระบิดาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระบิดาผู้ทรงพระเมตตากรุณา พระเจ้าแห่งการหนุนใจทุกอย่าง พระองค์ผู้ทรงหนุนใจเราในความยากลำบากทั้งหมดของเรา เพื่อเราจะสามารถหนุนใจคนทั้งหลาย ที่มีความยากลำบากอย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยการหนุนใจ ซึ่งเราเองได้รับจากพระเจ้า” (2 โครินธ์ 1:3-4)

อดีตของเราสามารถเป็นคำพยานให้กับผู้ที่กำลังเผชิญเรื่องแบบเดียวกันกับเรา และเป็นเครื่องเตือนใจว่า พระเจ้าผู้ทรงช่วยกู้และเปลี่ยนแปลงเราอย่างไร และพระองค์ได้ทรงนำเรามาไกลเพียงใดกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้

3. อดีตของเราไม่สามารถขัดขวางการเปลี่ยนแปลงจากพระเจ้า

ถ้อยคำในพระคัมภีร์ทำให้เรามั่นใจหลายต่อหลายครั้งว่าพระเจ้ายังคงทำกิจอยู่ในกระบวนการแห่งการเปลี่ยนแปลงเรา (เช่น 2 โครินธ์ 3:18, โรม 12:1-2, ฟีลิปปี 1:6) แม้เมื่อโซ่ตรวนแห่งอดีตจะคอยเหนี่ยวรั้งเราไว้ เราก็ยังสามารถยึดมั่นในพระสัญญาที่ว่า พระเยซู เป็นความจริง เป็นชีวิต จะปลดปล่อยเราให้เป็นไท (ยอห์น 8:32, 36)

เราได้รับเสรีภาพ และการเปลี่ยนแปลง เมื่อเราเลือกที่จะรับและตอบสนองต่อพระคำของพระเจ้า สิ่งล้ำค่าที่สุดเกี่ยวกับพระคัมภีร์คือการเปิดเผยว่าเมื่อพระเจ้าทรงมาเป็นมนุษย์เป็นเช่นไร การได้เห็นและรู้จักพระเยซู ทำให้เราได้รับการเปลี่ยนแปลง :

  • การที่พระองค์ทรงอธิษฐานอย่างต่อเนื่องและพึ่งพาพระเจ้าเพื่อรับกำลังจากพระองค์  เตือนเราให้รู้ว่า เราสามารถนำความยากลำบากที่เราประสบเข้าหาพระองค์ได้ และพระองค์จะทรงช่วยให้เราอดทนและเอาชนะมันได้ในที่สุด (ยอห์น 16:33)
  • การที่พระองค์ทรงรักและให้อภัยศัตรูของพระองค์ และยังทรงสิ้นพระชนม์เพื่อพวกเขา (โรม 5:8) สื่อความหมายว่า การได้รับความรักและการให้อภัยจากพระองค์ ทำให้เราได้รับกำลังที่จะให้อภัยตนเองและผู้อื่นสำหรับความผิดบาปในอดีต

การยอมรับว่าชีวิตและความตายของพระเยซูได้เปลี่ยนแปลงเรา (กาลาเทีย 2:20, ฟีลิปปี 3:20-21) จะช่วยให้เราต่อสู้กับคำโกหกที่ว่า เราถูกตรึงไว้กับอดีตและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือก้าวไปจากมันได้

ในทางกลับกัน การที่รู้ว่าเรามีชีวิตใหม่แล้วในพระเยซู ซึ่งชีวิตนั้นพระองค์ได้ทรงชำระให้บริสุทธิ์ครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เรามีความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความผิดบาปในอดีต เติบโตและเป็นผู้ใหญ่ขึ้นจากความผิดเหล่านั้น

พระเยซู เป็นผู้ทรงทำให้ความเชื่อของเราสมบูรณ์ ผู้ทรงประทานชัยชนะและเสรีภาพเหนือความชั่วร้ายและความตายให้แก่เราอย่างครบถ้วนบริบูรณ์ในพระองค์ (ฮีบรู 12:2-3) ขอให้พระราชกิจของพระองค์บนกางเขนและแผนการอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า คอยเตือนใจให้เรารู้ว่า อดีต ปัจจุบัน และอนาคตของเราล้วนปลอดภัยอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์

YOU MAY ALSO LIKE

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน

WRITER: ฉีฉี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: นิศารัตน์ มั่นเกตุEDITOR: กรชวัล เพชรเลิศอนันต์ มันเป็นอีกหนึ่งวันที่ยาวนาน ในระหว่างที่ดูแลพวกลูกๆ  สะสางงานต่างๆ  ก็แทบจะไม่มีเวลาให้ได้พักหายใจเลย เมื่อลูกๆ...

ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?

ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?

WRITER: เมดาลีน คาลู ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: PinkEDITOR: Thitikarn Nithiuthai (Mesy) ฉันยังจำช่วงเวลาที่ฉันเริ่มต้นความสัมพันธ์กับพระเยซูได้ ราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงที่อากาศหนาวเย็นของเดือนมกราคม ฮันนาห์...

เสียงที่ดังพอ

เสียงที่ดังพอ

WRITER: GRACESaoriEDITOR: Mustard Seed Team เคยไหม? ที่ในบางครั้งเสียงของใครบางคนก็ดังกว่าเสียงของตัวเอง เสียงนี้มักดังเร้าอยู่ภายในใจ บ่อยครั้งในเมื่อเราอยู่ในช่วงที่คิดไม่ตก ฟุ้งซ่าน หาทางออกไม่เจอหลายๆ สิ่ง แต่จะมีเสียงๆ นี้แหละ ที่กลับดังขึ้นมาหัวใจ...

Share This