
WRITER: สวิตตา เจริญศรีศิลป์
EDITOR: Mustard Team
คุณเคยรู้สึกไม่ดีพอไหม? ฉันเชื่อว่าเราทุกคนต่างเคยมีประสบการณ์กับความรู้สึกนี้ไม่มากก็น้อยในชีวิต
ฉันเป็นคนนึงที่รู้ว่าพระเจ้ารักฉันอย่างไม่มีเงื่อนไข แต่บางครั้งฉันกลับยังมีความรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอ ฉันเคยคิดว่าที่ตัวเองเป็นแบบนี้อาจเพราะว่าฉันขาดความเชื่อและไม่ได้ไว้วางใจพระเจ้าเพียงพอรึเปล่าฉันจึงรู้สึกแบบนี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งหนึ่งที่ฉันได้เรียนรู้จากประสบการณ์ที่มีกับพระเจ้าคือ พระเจ้าไม่ได้ทรงตัดสินหรือกล่าวโทษเรา เมื่อเรารู้สึกไม่ดีพอ แต่พระองค์ทรงปรารถนาที่จะช่วยเรา เพราะพระองค์ทรงเข้าใจถึงสาเหตุว่าทำไมเราจึงรู้สึกเช่นนั้น
ถ้าคุณเป็นคนนึงที่เผชิญกับความรู้สึกนี้ ฉันหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และมีส่วนช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองมากขึ้น และเติบโตไปกับพระเจ้า
1. เราจะเป็นในแบบที่เราคิด
บ่อยครั้งสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกไม่ดีพอนั้นมาจาก การที่ฉันวัดคุณค่าของตัวเองด้วยมาตรฐานต่างๆ นอกเหนือจากมาตรฐานของพระเจ้า ถึงแม้ว่าฉันจะรู้จักพระคำของพระเจ้า แต่การรู้จักพระคำของพระเจ้าอย่างผิวเผินนั้นไม่เพียงพอที่เราจะสามารถต่อสู้กับคำหลอกลวงต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิตได้ เราทุกคนต่างมีกรอบความคิดที่หล่อหลอมเรา ไม่ว่าจะจากการเลี้ยงดู วัฒนธรรมหรือค่านิยมต่างๆ ที่ส่งผลต่อวิธีคิดของเรา สิ่งที่ฉันเรียนรู้คือ เราจำเป็นจะต้องใคร่ครวญและใช้ชีวิตในความจริงของพระเจ้าทุกๆ วัน ซึ่งสิ่งสำคัญในกระบวนการนี้คือ “ความคิดของเรา” เพราะความคิดเป็นเหมือนตัวกรองข่าวสารที่เราเลือกที่จะให้เข้ามาในชีวิต
สิ่งที่เรารับเข้ามาในความคิดมักจะออกมาเป็นการกระทำและกลายมาเป็นสิ่งที่เราเชื่อ เพราะสิ่งที่เราพูดไม่ได้วัดว่าเราเชื่ออะไรแต่การกระทำของเราต่างหากที่บ่งบอกว่าเรากำลังเชื่ออะไรอยู่
ในพระคัมภีร์ได้พูดถึงเรื่องการนำความคิดทุกอย่างให้มาอยู่ใต้การควบคุมของพระเจ้า(2 โครินธ์ 10:5) เพราะไม่ใช่ทุกความคิดที่เข้ามาในหัวของเรานั้นจะมาจากพระเจ้า บางครั้งก็เป็นความคิดของเราเอง ความคิดเห็นของผู้อื่น หรือแม้แต่ความคิดที่มารตั้งใจใส่ให้กับเรา ดังนั้นเมื่อเราเรียนรู้ที่จะยึดกุมและชำระความคิดนั้นด้วยความจริงจากพระคำของพระเจ้า มันก็จะช่วยให้เราเป็นไทจากคำโกหกหรือคำกล่าวโทษที่ทำให้เราท้อใจหรือรู้สึกไม่ดีพอได้
สิ่งสำคัญคือการต่อสู้ทางความคิดเป็นสิ่งที่เราต้องเผชิญทุกวัน เป็นการเดินทางแบบมาราธอนที่เราต้องพึ่งพาพระเจ้า ฉะนั้นการที่เรารู้วิธีจัดการความคิดนั้น ไม่ได้การันตีว่าเราจะไม่มีวันรู้สึกแบบนี้อีก ฉะนั้นครั้งหน้าที่คุณรู้สึกไม่ดีพอ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด อย่าหมดหวังกับตัวเอง เพราะพระเจ้าจะทรงอยู่เคียงข้างคุณและเดินไปกับคุณตลอดเส้นทางนี้
2. ฉันกำลังทำเพื่อใคร
อีกวิธีที่สามารถช่วยเราได้เมื่อเราสับสน จมอยู่กับความรู้สึกต่างๆ หรือรู้สึกไม่ดีพอ คือการสำรวจแรงจูงใจของตนเอง ว่าแท้จริงแล้วเรากำลังพยายามทำสิ่งต่างๆ เพื่อใคร ด้วยการขอให้พระเจ้าเข้ามาตรวจสอบจิตใจของเรา เพราะเมื่อเราหยุดและกลับมาทบทวนตัวเราเอง นั่นแสดงถึงความจริงใจที่เรามีต่อตัวเองและต่อพระเจ้า ฉันพบว่าความรู้สึกไม่ดีพอหลายครั้งเกิดจากความคาดหวังที่เรามีต่อตัวเองและต่อผู้อื่น ซึ่งผลลัพธ์คือมันจะทำให้เราผิดหวังเพราะเราวางความหวังของเราไว้ผิดที่
แต่เมื่อเรารู้ความจริงและนำหัวใจของเรากลับมาจดจ่อที่พระองค์ ฟังในสิ่งที่พระองค์ทรงบอกกับเรา และทำในสิ่งที่พระองค์ปรารถนาให้เราทำจริงๆ
เราจะรู้สึกมั่นคงเพราะเรารู้ว่าเรากำลังอยู่ในน้ำพระทัยพระเจ้า เราไม่จำเป็นจะต้องพิสูจน์ตัวเอง หรือคาดหวังว่าเราจะต้องทำทุกอย่างได้สมบูรณ์ เพราะสิ่งที่พระเจ้าปรารถนานั้นคือหัวใจของเรา
3. ไม่เปรียบเทียบ
การเปรียบเทียบเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มักทำให้เรารู้สึกด้อยค่าและไม่ดีพอ ฉันเชื่อว่าการชื่นชมใครสักคนและเห็นพวกเขาเป็นแบบอย่างที่ผลักดันให้เราพัฒนาตนเองนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ปัญหาก็คือ ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะเผลอเอาคุณค่าของตัวเองไปผูกกับการเปรียบเทียบกับผู้อื่น ซึ่งหลายครั้งมันทำให้เรามองตัวเองด้อยค่าและผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง
เมื่อพูดถึงการเปรียบเทียบ มีประโยคนึงที่ฉันชอบมากในหนังสือ “ตอบ 12 คำถามยากๆ ในชีวิต” ของอ. ริค วอร์เรน ที่กล่าวว่า ส่วนมากแล้ว
เวลาที่เราเปรียบเทียบ เรามักจะเปรียบเทียบจุดด้อยของตัวเองกับจุดเด่นของผู้อื่น
ประโยคนี้ทำให้ฉันหยุดคิดถึงความจริงที่เรามักมองข้ามไป และย้ำเตือนฉันถึงความจริงที่ว่ามาตรฐานที่เราใช้วัดในการเปรียบเทียบนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ได้มาตรฐาน ในพระคัมภีร์ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ว่า “แต่ละคนควรสำรวจการกระทำของตนเองจึงจะมีข้อภาคภูมิใจในตัวเอง โดยไม่ต้องเอาตัวไปเปรียบเทียบกับคนอื่น” กาลาเทีย 6:4 เพราะ “…เมื่อพวกเขาเอาตัวเองเป็นเครื่องวัดกันและกัน และเอาตัวเองเปรียบเทียบกันและกันแล้ว พวกเขาก็ปราศจากความเข้าใจ” 2 โครินธ์ 10:12 เมื่อเราเข้าใจว่าพระเจ้าทรงสร้างเรามาแต่ละคนอย่างมีจุดประสงค์ เราเป็นอย่างที่เราเป็นเพราะพระเจ้าทรงมีแผนการที่เฉพาะเจาะจงสำหรับเรา เราก็จะไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร แต่เรียนรู้ที่จะขอบคุณพระเจ้าในสิ่งที่เราเป็น
วันนี้มีสิ่งใดบ้างที่ยึดคุณไว้กับความรู้สึกไม่ดีพอ? อาจจะเป็นความล้มเหลวหรือความผิดพลาดในอดีต สิ่งที่คนอื่นพูดเกี่ยวกับคุณ หรือแม้แต่ความคาดหวังของตัวเอง ไม่ว่าสิ่งนั้นคืออะไร ฉันอยากหนุนใจให้คุณนำมันมาให้กับพระองค์ เพราะสิ่งเหล่านั้นไม่ได้เป็นตัวกำหนดคุณค่าของคุณ เพราะคุณค่าที่แท้จริงของคุณคือราคาที่พระเยซูทรงจ่ายด้วยชีวิตของพระองค์เอง
YOU MAY ALSO LIKE
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน
WRITER: ฉีฉี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: นิศารัตน์ มั่นเกตุEDITOR: กรชวัล เพชรเลิศอนันต์ มันเป็นอีกหนึ่งวันที่ยาวนาน ในระหว่างที่ดูแลพวกลูกๆ สะสางงานต่างๆ ก็แทบจะไม่มีเวลาให้ได้พักหายใจเลย เมื่อลูกๆ...
ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?
WRITER: เมดาลีน คาลู ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: PinkEDITOR: Thitikarn Nithiuthai (Mesy) ฉันยังจำช่วงเวลาที่ฉันเริ่มต้นความสัมพันธ์กับพระเยซูได้ ราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงที่อากาศหนาวเย็นของเดือนมกราคม ฮันนาห์...
เสียงที่ดังพอ
WRITER: GRACESaoriEDITOR: Mustard Seed Team เคยไหม? ที่ในบางครั้งเสียงของใครบางคนก็ดังกว่าเสียงของตัวเอง เสียงนี้มักดังเร้าอยู่ภายในใจ บ่อยครั้งในเมื่อเราอยู่ในช่วงที่คิดไม่ตก ฟุ้งซ่าน หาทางออกไม่เจอหลายๆ สิ่ง แต่จะมีเสียงๆ นี้แหละ ที่กลับดังขึ้นมาหัวใจ...