fbpx
WRITER: ซาราห์ โซ๊ะ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: นารดา ไทรงาม
EDITOR: สวิตตา เจริญศรีศิลป์

29 กันยายน 2010 เป็นวันที่ฉันตระหนักว่าตัวเองหมดไฟ ในฐานะคริสเตียนวัยรุ่น เป็นนักศึกษาปริญญาตรี ฉันคิดว่าตัวเองจะมีภูมิคุ้มกันจากการหมดไฟ ที่ผ่านมาฉันไม่ได้ทำทุกอย่าง “ถูกต้อง” หรอที่รับใช้ในคริสตจักรหลายแห่งและพันธกิจในมหาวิทยาลัยทุกๆ สัปดาห์?

ถึงแม้สิ่งเหล่านั้นจะเป็นสิ่งที่ดี แต่ฉันกลับไม่รู้ตัวว่าสิ่งที่กำลังเติบโตอยู่ลึกๆ ภายในฉันคือ “จิตวิญญาณอย่างมาร์ธา” ที่จดจ่อกับ “การกระทำเพื่อพระเจ้า” ซึ่งได้ดึงเอา “จิตวิญญาณอย่างมารีย์” ในการพักสงบของฉันที่ “จะได้อยู่กับพระเจ้า” ออกไป (ลูกา 10:38-42)

ผลลัพธ์ก็คือ พันธกิจของฉันเปลี่ยนจากการกระทำที่เต็มไปด้วยการขอบพระคุณ เป็นการรับใช้ที่ไร้ซึ่งความชื่นชมยินดี และความสัมพันธ์ของฉันกับพระเจ้าก็พังไปด้วย

เหมือนกับบุตรชายคนโตในคำอุปมาเรื่องบุตรน้อยหลงหาย ในพระธรมลูกาบทที่ 15 ฉันค่อยๆ มองเห็นพระเจ้าในฐานะพ่อน้อยลงไปเรื่อยๆ แต่กลับกลายเป็นเหมือนผู้ปกครองเผด็จการที่เรียกร้องจากฉันมากขึ้นเรื่อยๆ ความปรารถนาของฉันที่จะ “ทำเพื่อพระเจ้า” เข้าสู่ระดับที่เป็นพิษฝ่ายจิตวิญญาณ

สัญญาณเตือนภัย

มันเกิดขึ้นได้ยังไง? ฉันค้นพบว่าตัวการคือความเย่อหยิ่งของฉัน ในความสามารถที่พระเจ้าทรงประทานให้ ความต้องการให้ผู้อื่นเห็นชอบ และความรู้สึกไม่พอใจพระเจ้าอยู่ลึกๆ เมื่อแผนการต่างๆ ไม่เป็นไปตามใจฉัน หรือเมื่อความพยายามของฉันไม่เป็นที่ยอมรับ ฉันสรุปการรับใช้ของตัวเองว่าเป็น “พันธกิจเพื่อคนอื่น” ทั้งๆ ที่บางส่วนนั้นกลายเป็น “พันธกิจเพื่อตัวฉันเอง”

สิ่งที่ทำให้ฉันไถลลงสู่การหมดไฟยิ่งขึ้นคือ หน้ากากของความร่าเริงที่ฉันสวมใส่เพื่อปิดซ่อนสภาพจิตวิญญาณที่เจ็บป่วยของฉัน ฉันไม่ได้เล่าถึงการต่อสู้ดิ้นรนต่างๆ เมื่อถูกถามถึง การหมดไฟไม่ใช่กระบวนการชั่วข้ามคืน แต่เป็นเพราะมุมมองที่เข้าใจผิดของฉันซึ่งไม่ได้ถูกตรวจสอบจึงนำให้ฉันเข้าสู่การหมดไฟอยู่หลายปี

ผ่านทางพระวจนะและคำแนะนำของพี่เลี้ยง ฉันถ่อมใจลงในการเรียนรู้อาการต่างๆ ของการหมดไฟในฝ่ายจิตวิญญาณ

ผ่านทางพระวจนะและคำแนะนำของพี่เลี้ยง ฉันถ่อมใจลงในการเรียนรู้อาการต่างๆ ของการหมดไฟในฝ่ายจิตวิญญาณ อย่างแรกเลยคือใจที่ขมขื่นและโกรธเคืองพระเจ้า ฉันจำได้ว่าเคยเดินทางไป-กลับระหว่างมหาวิทยาลัยที่อยู่ทางตะวันตกกับโบสถ์ที่อยู่ทางตอนเหนือหลายครั้งต่อสัปดาห์ การเดินทางใช้เวลาเกือบชั่วโมงครึ่ง มันค่อนข้างกดดันเพราะฉันจะต้องทำการบ้านให้เสร็จด้วย แพ็คอุปกรณ์ทุกอย่างที่ต้องใช้ในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย และรีบกลับมาเพื่อไปให้ทันการประชุมของคริสตจักร หรือเพื่อนำกลุ่มเซล โดยที่ปกติแล้วฉันแทบจะไม่มีเวลาได้ทานอาหารเย็นเลย

ฉันมักถูกตำหนิในบางครั้งที่ไม่สามารถเข้าร่วมการประชุมของโบสถ์ในตอนเย็นได้ ฉันรู้สึกถูกเข้าใจผิดและรู้สึกโดดเดี่ยวเป็นอย่างมาก สิ่งนี้สร้างความขุ่นเคืองใจให้ฉันต่อโบสถ์และพระเจ้า ผู้ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกว่าการรับใช้นั้น “แทบจะเป็นไปไม่ได้” สำหรับฉัน

อาการที่สองของการหมดไฟที่ผุดขึ้นมาคือ ฉันแอบคาดหวังลึกๆ ที่จะได้รับการตอบแทนจากการรับใช้พระเจ้า ผ่านการที่คนอื่นยอมรับและรับรู้ความพยายามของฉัน

มันน่าจะคล้ายคลึงกับบุตรชายคนโตในพระธรรมลูกาบทที่ 15 ที่ต้องการอะไรบางอย่างจากพ่อเพื่อมาเลี้ยงฉลองกับเพื่อนๆ และเมื่อเวลาที่ไม่ค่อยได้รับคำชมต่างๆ หัวใจของฉันก็ยิ่งรู้สึกขมขื่นกับพระเจ้ามากขึ้นอีก

อาการที่สามของการหมดไฟคือ การที่เราพึ่งพาความสามารถและพละกำลังของมนุษย์ อาการนี้เห็นได้ชัดในคำร้องทูลของเอลียาห์ที่มีต่อพระเจ้า “ข้าพระองค์หวงแหนแทนพระยาห์เวห์พระเจ้าจอมทัพยิ่งนัก… ข้าพระองค์แต่ผู้เดียวเหลืออยู่” (1 พงศ์กษัตริย์ 19:10) ถ้อยคำเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเอลียาห์เกือบลืมไปแล้วว่าพระเจ้าคือแหล่งของความช่วยเหลือ เป็นแรงขับเคลื่อนในการงานทุกอย่างที่เขาทำ (1 พงศ์กษัตริย์ 19:18) คล้ายคลึงกัน ฉันเริ่มรู้สึกว่าถ้าตัวเองหยุดรับใช้ สิ่งต่างๆ ก็จะพังทลายลง แต่ก็เป็นเช่นเดียวกันในช่วงวันเวลาของเอลียาห์ การงานทุกอย่างของพระเจ้าถูกค้ำจุนโดยพระองค์ ไม่ใช่ตัวเรา

เส้นทางการกลับสู่สภาพดี

ช่วงเวลาหลายเดือนที่ฉันหมดไฟได้ช่วยแก้ไขมุมมองที่ฉันมีต่อพระเจ้า ฉันกลับมาเรียนรู้ว่าพระเจ้าไม่ได้ต้องการให้ฉัน “ทำ” แต่ต้องการให้ฉัน “เป็น” ลูกที่รักของพระองค์ (1 ยอห์น 3:1) หลังจากที่ได้ปรึกษาพี่เลี้ยงในโบสถ์และในมหาวิทยาลัย ฉันเลือกที่จะถอยออกมาจากการรับใช้ในพันธกิจของโบสถ์ ซึ่งมันทำให้ฉันมีเวลามากขึ้นที่จะรักพระเจ้าและรับใช้พระเจ้าที่มหาวิทยาลัย ในช่วงที่ฉันยังใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัย

ฉันยังฟังคำแนะนำของพี่เลี้ยงที่ให้จัดเวลาแยกเอาไว้สำหรับนัดพบพระเจ้า เป็นที่ซึ่งพระองค์ทรงย้ำเตือนฉันอย่างใจเย็นถึงพระคุณและพระเมตตาของพระองค์

ว่าทำไมฉันถึงพยายามอย่างหนักเพื่อจะได้รับการยอมรับจากมนุษย์เพียงชั่วขณะ?

ในเมื่อฉันมีคุณค่าอยู่แล้ว ครั้งหนึ่งในคำเทศนทางพอดแคสต์ ฉันได้ยินอาจารย์พูดว่า “คุณค่าของสิ่งๆ หนึ่งขึ้นอยู่กับการจ่ายราคาเพื่อให้ได้มันมา” ฉันถูกสร้างตามพระฉายของพระเจ้า ซึ่งจ่ายราคาโดยพระโลหิตของพระคริสต์ ราคาที่สูงริบนั้นคือตัววัดคุณค่าที่มากมายของฉันในสายพระเนตรของพระเจ้า ฉันเต็มล้นและครบบริบูรณ์ในพระองค์ ฉันจึงไม่จำเป็นต้องไล่ตามการเห็นชอบหรือการยอมรับของผู้คนอีก!

ฉันยังได้รับการหนุนใจจากความอดทนที่พระเจ้ามีต่อโมเสส เอลียาห์ โยบ เยเรมีย์ และโยนาห์ ตามที่เขียนในพระคัมภีร์ ทุกคนพบกับความท้อแท้และการหมดไฟจากการรับใช้พระเจ้า แน่นอน พระเจ้ารักลูกๆ ของพระองค์ และพระองค์ไม่ได้ให้งานหนักมาเพื่อเป็นภาระสำหรับเรา แต่เพื่อให้ความสัมพันธ์ของเรากับพระองค์เติบโต และทำให้เราเป็นเหมือนพระเยซูมากขึ้น เราไม่ได้ถูกเรียกให้อยู่ได้ด้วยตัวของเราเอง แต่โดยระลึกว่าพระเจ้าทรงเพียงพอสำหรับในทุกความจำเป็นของเรา (2 โครินธ์ 12:9) พระเจ้าคือ ผู้เลี้ยงที่แสนดีของเรา พระองค์ทรงรู้ถึงความอ่อนแอของมนุษย์ และเชื้อเชิญให้เราพักสงบในพระองค์ และพึ่งพาพระองค์

วันนี้ ฉันหมั่นที่จะเช็คหัวใจของตัวเองต่อหน้าพระเจ้า และแบ่งปันถึงสภาพฝ่ายจิตวิญญาณของฉันกับพี่เลี้ยงหรือที่ปรึกษาที่ฉันไว้วางใจ โดยเฉพาะเวลาที่ฉันกำลังพิจารณาที่จะมีส่วนร่วมในพันธกิจรับใช้ใหม่ๆ หรือตรึกตรองการมีส่วนร่วมในงานรับใช้ของโบสถ์และองค์กรอื่นๆ นอกโบสถ์ มันสำคัญอย่างยิ่งที่ฉันต้องถามตัวเองว่า ฉันทำสิ่งนี้เพื่อพระเจ้าหรือเพื่อตัวฉันเอง? ฉันพึ่งพากำลังของพระเจ้าหรือกำลังของตัวเอง? และฉันได้ทำสิ่งนี้จากหัวใจที่ขอบพระคุณหรือไม่?

ฉันได้เรียนรู้ว่าการรับใช้ที่ชื่นชมยินดีและมีชีวิตชีวา เกิดจากความสัมพันธ์กับพระเจ้าที่เต็มด้วยความชื่นชมยินดีและมีชีวิตชีวา

มันจะต้องถูกป้องกันจากวัชพืชของการพึ่งพาตัวเอง ต้องได้รับการรดน้ำอย่างดีผ่านการใช้เวลากับพระเจ้า เพื่อชื่นชมพระองค์และพระคำของพระองค์ การรับใช้แบบนี้เป็นทางเลือกซึ่งเกิดจากความสัมพันธ์ที่เรารักพระเจ้า รับใช้พระองค์เพียงเพื่อจะบอกว่า “ขอบคุณครับ/ค่ะ” จากสิ่งที่พระองค์ประทานแก่เรา ให้เราขอบคุณพระเจ้า พึ่งพาพระองค์ และใช้สิ่งนั้นเพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์ เพื่อในวันสุดท้าย เราจะได้ยินพระองค์พูดว่า ‘ดีมาก เจ้าเป็นบ่าวที่ดีและสัตย์ซื่อ…. มาร่วมยินดีในความสุขกับนายของเจ้าเถิด!’ (มัทธิว 25:23)

YOU MAY ALSO LIKE

กังวลจนไม่หลับไม่นอน

กังวลจนไม่หลับไม่นอน

WRITER: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ฉันนอนไม่หลับทั้งคืน บางคืนเราก็มีอาการนอนไม่หลับ หลับๆ ตื่นๆ พอเช้าตื่นมาก็ไม่สดชื่น อารมณ์ไม่ดี  การนอนไม่หลับส่งผลกระทบต่อคนส่วนใหญ่เป็นครั้งคราว แต่สําหรับบางคนอาจเจอปัญหานี้เป็นประจำ...

ทำไมเราถึงไม่กล้าปฏิเสธ

ทำไมเราถึงไม่กล้าปฏิเสธ

WRITER: ซาร่า โซ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: สุมิตรา ชามรามดาบานEDITOR: ปวีณา นิลบุตร “ถ้าใช่ก็จงบอกว่าใช่ ถ้าไม่ใช่ก็จงบอกว่าไม่ใช่” (ยากอบ 5:12) ขณะที่ฉันเขียนข้อความนี้ ฉันเพิ่งจะพูดว่า "ไม่" ที่จะฟังความขัดข้องใจของแม่เรื่องคนสนิทในครอบครัว...

พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)

พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)

WRITER: แคทเธอรีน ฟลินน์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ในปี 2003 ฉันอายุ 24 ปี และอาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษตอนที่ฉันถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยเพื่อนร่วมห้องของฉัน...

Share This