WRITER: แอชลีย์ แอชคราฟต์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: ฤกษ์สิน เขมสุนทร
EDITOR: สรสิทธิ์ ธัมมารักขิตานนท์
คุณรู้สึกผิดที่เป็นนักชอปปิงคริสตจักรหรือเปล่า?
นักชอปปิงคริสตจักร (Church-shopping) คือคนที่ชอบไปคริสตจักรนี้บ้างคริสตจักรนู้นบ้าง ไม่มีคริสตจักรที่อยู่เป็นหลักแหล่งหรือคริสตจักรที่ไปเป็นประจำ นี่เป็นพฤติกรรมทั่วไปท่ามกลางคนที่กำลังตั้งตัวด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก อาจจะเป็นเด็กในวิทยาลัยที่กำลังพยายามหาที่ใหม่ๆ หรือครอบครัวที่เพิ่งย้ายมาในตัวเมือง แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม เมื่อฤดูกาลแห่งการเปลี่ยนผ่านมาถึง มันก็น่ากลัวที่จะตั้งรกรากในคริสตจักรใดคริสตจักรหนึ่งเลย พฤติกรรมแบบชอปปิงคริสตจักรก็เลยตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ฉันเข้าใจถึงความน่าดึงดูดใจของการเป็นนักชอปปิงคริสตจักรนะ ฉันได้เห็นคริสตจักรมากมายที่กำลังเติบโต พ่อของฉันทำหน้าที่รักษาการศิษยาภิบาลให้กับหลายๆ คริสตจักร ฉันแทบนับไม่ถูกเลยว่ามีทั้งหมดกี่คริสตจักร และถึงแม้ว่าเราจะมีคริสตจักรที่เรารักและเรียกมันว่าบ้าน ฉันก็มักจะเลือกออกไปกับพ่อในเช้าวันอาทิตย์ เพราะว่าอยากจะเห็นความแตกต่างของแต่ละคริสตจักรว่าเป็นยังไง ฉันได้เห็นอาคารของคริสตจักรมากมาย ระบบการปกครองของคริสตจักร รูปแบบเพลงนมัสการที่หลากหลาย ชั้นเรียนรวีวารศึกษา การประชุมทางธุรกิจ .. และฉันรักสิ่งเหล่านี้ กลายว่าฉันรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับการบริหารงานของคริสตจักรต่างๆ และการที่ผู้คนเลือกว่าคริสตจักรไหนที่พวกเขาจะเรียกได้ว่าเป็นบ้าน
มันอาจดูฉลาดที่จะเช็คดูว่ามีคริสตจักรไหนดีๆ บ้าง ก่อนที่จะอุทิศตัวให้กับคริสตจักรใดคริสตจักรหนึ่ง แต่มันก็สามารถเป็นอันตรายได้หากมันกลายเป็นกระบวนการที่ยืดเยื้อยาวนาน และนี่คือเหตุผลบางส่วนว่าทำไมเราจึงควรที่จะระมัดระวังในการเป็นนักชอปปิงคริสตจักร
1. เราปล่อยให้ความชอบควบคุมเรา
หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้การเป็นนักชอปปิงคริสตจักรนั้นอันตรายมาก คือการที่มันมีแนวโน้มที่จะทำให้เราเชื่อว่าการไปคริสตจักรนั้นเป็นเรื่องของเรา เหมือนเรามองคริสตจักรว่าเป็นที่ๆ สร้างความสนุกสนานให้กับเรา หรือเติมเต็มความชื่นชอบของเรา ซึ่งนี่เป็นความคิดที่อันตรายมาก บ่อยแค่ไหนที่เราได้ยินเรื่องราวของความแตกแยกภายในคริสตจักรเกี่ยวกับความชื่นชอบในรูปแบบของดนตรีและรูปแบบของการเทศนา?
ว่ากันตามตรงก็คือการนมัสการร่วมกันนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเราและความชื่นชอบของเรา
มันควรจะเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น และมีสายใยที่เข้มแข็งกว่าแค่ความชื่นชอบทางดนตรีที่จะยึดและเชื่อมต่อผู้คนในคริสตจักรท้องถิ่นเข้าด้วยกัน
การเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวหมายถึงคุณจะไม่ได้สิ่งที่คุณต้องการเสมอไป และนั่นก็ไม่ใช่ปัญหา
ฉันจำได้ถึงตอนที่อยู่ที่คริสตจักรเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ศิษยาภิบาลเพิ่งลาออกไป และรักษาการศิษยาภิบาลคนใหม่ถูกเรียกตัวมาเพื่อทำหน้าที่แทน เราไม่ได้ชื่นชอบรูปแบบการเทศนาของคนๆ นี้เลย แต่เราก็ไม่ได้ออกจากคริสตจักร อย่าเพิ่งเข้าใจฉันผิดนะ ถ้าหากว่ามีพฤติกรรมที่ผิดหรือมีการสอนที่ผิดเพี้ยนไปจากพระคัมภีร์เกิดขึ้นในคริสตจักร นั่นก็เป็นเหตุผลสมควรที่ควรออกจากคริสตจักรนั้นไป หรืออย่างน้อยที่สุดก็คือการเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นที่คริสตจักรนิ้ เมื่ออาจารย์เทศนาเขาไม่ได้สอนหรือทำอะไรผิด เพียงแค่มันไม่ใช่รูปแบบที่เราชอบแต่เราก็ตัดสินใจที่จะอยู่ต่อ
มันไม่ได้เป็นการตัดสินใจที่ง่ายนัก คริสตจักรเป็นอะไรที่มีความหมายต่อเรามากกว่าแค่รูปแบบการเทศนา คริสตจักรเป็นที่ๆ เกี่ยวกับพระเจ้าและประชากรของพระองค์ จริงๆ แล้วมันไม่ได้เกี่ยวกับตัวเราเลย และเราก็ยังคงก้าวเดินต่อไปในคริสตจักรเล็กๆ แห่งนั้น และฉันก็รู้สึกดีใจมากที่เราตัดสินใจแบบนั้น การเติบโตที่แท้จริงในชีวิตของพวกเราเกิดขึ้นเมื่อเราอยู่ที่คริสตจักรแห่งนั้น เราได้รับโอกาสให้ร่วมนำและร่วมรับใช้ ถ้าหากเราตัดสินใจย้ายคริสตจักรเพียงเพราะความชื่นชอบของเรา เราคงพลาดสิ่งดีๆ ทั้งหมดนี้ไป
ในเอเฟซัส บทที่ 2 อาจารย์เปาโลได้เตือนใจเราว่าพระคริสต์ทรงเป็นศิลามุมเอก (หรือศิลาหัวมุม) ของคริสตจักร ศิลามุมเอกนั้นเป็นศิลาหรือหินก้อนแรกที่จะถูกก่อไว้เมื่อกำลังจะทำการสร้างอาคาร และหินหรืออิฐทุกๆ ก้อนจะต้องถูกก่อขึ้นรอบๆ ศิลามุมเอกนี้ นี่เป็นความจริงของพระคริสต์และคริสตจักร คริสตจักรนั้นเป็นเรื่องของพระองค์ ไม่ใช่เรื่องของเรา ทุกๆ สิ่งที่เราทำนั้นเป็นเพราะพระองค์
2. เราสูญเสียโอกาสในการรับใช้
การเป็นนักชอปปิงคริสตจักรที่ยืดเยื้อยาวนานนั้น หมายถึงการที่เราจะไม่มีทางได้อุทิศตัวเองเข้าสู่ชุมชนของคริสตจักรที่แท้จริง เราจะไม่มีทางได้มีหลักแหล่ง เราจะไม่ได้รับใช้ในคริสตจักร เพราะเราแค่ทำการ “เดินชอปปิง” เท่านั้น และนี่เป็นปัญหาหลัก อาจารย์เปาโลอธิบายอยู่ในหลายๆ ตอนว่า คริสตจักรนั้นเป็นร่างกายเดียวที่ถูกสร้างขึ้นจากสมาชิกหลายๆ คนรวมกัน อาจารย์เปาโลกล่าวไว้ใน 1 โครินธ์ 12:14 ว่า “เพราะว่าร่างกายไม่ได้ประกอบด้วยอวัยวะเดียว แต่ด้วยหลายอวัยวะ” ถ้าหากว่าคำกล่าวนี้เป็นความจริง แบบนั้นการเป็นนักชอปปิงคริสตจักรก็เท่ากับว่าเรากำลังแยกตัวเราเองออกจากการเป็นส่วนหนึ่งในพระกายของพระคริสต์ ซึ่งไม่ได้ส่งผลดีต่อตัวเราเลย
มันยังหมายถึงการที่เรากีดกันพระกายของพระคริสต์จากของประทานและการรับใช้ที่จำเป็นสำหรับการเติบโตไปสู่ความบริบูรณ์อีกด้วย
ที่คริสตจักรของเราในปัจจุบัน ฉันรู้สึกขอบคุณพระเจ้าสำหรับครูที่สอนในชั้นเรียนของลูกสาวของฉัน ขอบคุณสำหรับหญิงสาวผู้แสนดีที่ทำงานหนักในการเสิร์ฟกาแฟ ขอบคุณสำหรับคนที่ต้อนรับและทักทายฉันที่หน้าประตูด้วยรอยยิ้ม ฉันรู้สึกขอบคุณที่ฉันได้สอนชั้นเรียนของบรรดาสาวๆ ในคริสตจักรของเรา ฉันรู้สึกขอบคุณสำหรับสามีของฉันที่ได้ดูแลเครื่องเสียง ไม่มีของประทานหรือตำแหน่งในการรับใช้ไหนที่ดีมากไปกว่าคนอื่นๆ บางคนอาจมีชื่อเสียง มีคนรู้จักมากกว่าคนอื่น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขามีความสำคัญมากกว่า คนถ่ายเอกสาร คนเปิดประตู คนเปลี่ยนผ้าอ้อม คนตัดกระดาษ คนส่งคำเทศนา คนเหล่านี้ทั้งหมดต่างมีความสำคัญและจำเป็นสำหรับงานภายในชุมชนของคริสตจักร
3. เราพลาดโอกาสจากความรับผิดชอบ
หลายๆ คนเลือกที่จะชอปปิงคริสตจักรเพียงเพราะว่ามันง่ายที่จะหายตัวไป (ไม่มาคริสตจักร) บางทีอาจเป็นเพราะเรากลัวที่จะเสี่ยงหรือกลัวที่จะเป็นตัวของตัวเอง บางทีอาจเป็นเพราะว่าเรากลัวที่จะอุทิศตัวในการรับใช้หรืออาจเป็นเพราะว่าเราเคยมีประสบการณ์ที่เจ็บปวดจากคริสตจักรเดิมของเราที่ทำให้เราระมัดระวังในการที่จะเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนของคริสตจักร
มีอยู่ครั้งหนึ่งในชีวิตของฉันที่ฉันเป็นพวก “มนุษย์ล่องหน” จากการไปคริสตจักร ตอนนั้นสามีและฉันพึ่งแต่งงานกันได้ไม่นาน และพวกเราพึ่งจะย้ายมาอยู่ในเมือง สามีของฉันกำลังหางาน ส่วนฉันก็กำลังจะเรียนจบ และมันก็เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมากสำหรับพวกเรา ดังนั้นในขณะที่เราเชื่อว่าการไปคริสตจักรนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ มันจึงเป็นการง่ายกว่าสำหรับเราที่จะเข้าไปในคริสตจักรเพื่อนมัสการ และออกมาในแต่ละสัปดาห์โดยไม่มีใครเห็นหรือรู้จักชื่อ
มันเป็นอะไรที่ง่ายมาก แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลดี?
ในตอนนั้นเราเองควรที่จะมีคนที่ไว้วางใจได้ และช่วยตักเตือนอยู่รอบๆ ตัวเรา แต่เราไม่มี
สุดท้ายแล้วเราไม่ได้พึงพอใจกับการไปคริสตจักรในรูปแบบนี้เลย ชีวิตเรามีบางอย่างที่ขาดหายและเราก็ต่างรู้ดีว่าคืออะไร ซึ่งในที่สุดพระเจ้าก็ได้ทรงเรียกเราออกมาจากการทำตัวไร้ตัวตนแบบนี้ พระองค์ยืนยันกับเราว่าการเป็นมนุษย์ล่องหนนั้นห่างไกลเหลือเกินจากพระประสงค์ของพระองค์ที่มีต่อคริสตจักร
แล้วอะไรคือพระประสงค์สำหรับคริสตจักรล่ะ? ในกิจการ 2:42 เราพบว่าคริสเตียนในยุคแรกนั้น “อุทิศตัวเพื่อฟังคำสอนของบรรดาอัครทูตและร่วมสามัคคีธรรม รวมทั้งหักขนมปังและอธิษฐาน” ในพระธรรมตอนนี้ทำให้เราได้พอที่จะมองเห็นภาพว่าคริสตจักรในยุคแรกเริ่มนั้นเป็นยังไง การมีคำสอนที่ถูกต้องจากพระคัมภัร์ การมีชุมชน และการอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ ทั้งหมดนี้ควรที่จะเป็นส่วนหนึ่งของคริสตจักรท้องถิ่นทุกๆ ที่
พระเยซูได้ตรัสถึงคริสตจักรด้วยความรักและความเมตตา พระองค์ทรงรักคริสตจักร และเพราะว่าคริสตจักรเป็นสิ่งที่สำคัญกับพระคริสต์ คริสตจักรก็ควรเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับเราด้วย เราต้องยืนหยัดในการ “เป็น” คริสตจักร เราต้องการคนที่ปรารถนาการหยั่งรากลึก การตั้งหลักแหล่ง และทำงานหนักในฐานะที่เป็นประชากรของพระเจ้า ในฐานะที่เป็นคริสตจักรของพระองค์
YOU MAY ALSO LIKE
ถึงหนุ่มๆ คริสเตียนทุกคนที่ยังโสดอยู่
WRITER: เจฟฟรี่ เซียว ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI TRANSLATOR: สรสิทธิ์ ธัมมารักขิตานนท์ EDITOR: ธัญธร จันทสุทธิบวร การอยู่เป็นโสดไม่ใช่เรื่องผิด ใช่ คุณอ่านถูกแล้ว มันไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไรถ้าหากคุณยังไม่แต่งงานหรือผูกพันธ์กับใคร หรือยังไม่เคยคบหาดูใจกับใครเลย...
เหตุผล 3 ประการว่าทำไมการเป็นคริสเตียนถึงดีจริงๆ
WRITER: แดเนียล ไรอัน เดย์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI TRANSLATOR: ณัฐพร ชังเจริญ EDITOR: Mustard Seed Team แดเนียลแต่งงานกับคนรักที่คบกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลายและเป็นคุณพ่อลูกสาม เขาเป็นผู้เขียนหนังสือที่มีชื่อว่า แล้วอะไรต่อ: งานในฝันของคุณ การทรงเรียกของพระเจ้า...
3 เคล็ดลับในการฟื้นฟูช่วงเวลาเฝ้าเดี่ยวของเรา
WRITER: เดบร้า อาย์อิส ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI TRANSLATOR: เฮจี คิม EDITOR: สวิตตา เจริญศรีศิลป์ พระคัมภีร์กล่าวไว้ว่า มนุษย์ไม่ได้ดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาหารเพียงสิ่งเดียว แต่จะดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยทุกสิ่งที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระยาห์เวห์ (เฉลยธรรมบัญญัติ 8:3, มัทธิว 4:4)...