WRITER: เดบร้า อาย์อิส ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: เฮจี คิม
EDITOR: สวิตตา เจริญศรีศิลป์
พระคัมภีร์กล่าวไว้ว่า มนุษย์ไม่ได้ดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาหารเพียงสิ่งเดียว แต่จะดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยทุกสิ่งที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระยาห์เวห์ (เฉลยธรรมบัญญัติ 8:3, มัทธิว 4:4) หากเราต้องการที่จะอยู่รอดในฝ่ายจิตวิญญาณ เราจะต้องดำรงชีวิตด้วยพระวจนะของพระเจ้า ก็คือพระคัมภีร์ไบเบิ้ล
แต่คนเราจะอ่านหนังสือเล่มเดิมซ้ำๆ โดยที่จะไม่รู้สึกเบื่อได้อย่างไรหล่ะ?
มีช่วงหนึ่งในชีวิตของฉันที่การอ่านพระคัมภีร์นั้นเยอะจนฉันรู้สึกว่ามันน่าเบื่อและชินชาจนเกินไป
เมื่อชีวิตมีความวุ่นวายมากขึ้น มันง่ายมากที่จะสละเวลามาอ่านพระคัมภีร์ไปทำอย่างอื่น ฉันคุ้นเคยกับพระคัมภีร์ และเคยชินจนไม่รู้สึกถึงคุณค่า เหมือนที่คนอิสราเอลเคยชินและไม่เห็นค่าของมานาที่พระเจ้าประทานให้พวกเขาในถิ่นทุรกันดาร (กันดารวิถี 11:6)
แต่ในที่สุดแล้ว มุมมองนั้นก็เปลี่ยนไป ฉันไม่สามารถระบุช่วงที่มุมมองของฉันเปลี่ยนไปได้อย่างแน่นอน แต่ฉันบอกได้ว่า ฉันเริ่มรู้สึกไม่พอใจกับการขาดความกระตือรือร้นในการอ่านพระคัมภีร์ของฉัน โดยที่รู้ว่าการอ่านพระคัมภีร์นั้น เป็นช่วงเวลาพิเศษของฉันที่มีต่อพระบิดา และพระคำของพระเจ้าก็มอบชีวิต (สุภาษิต 3:1-4) ฉันรู้ว่าชีวิตของฉันขึ้นอยู่กับการอ่านและการรู้จักพระวจนะของพระองค์
คุณคงจะถามว่า “มันหมายความว่าอย่างไรที่ชีวิตของคุณขึ้นอยู่กับการอ่านพระวจนะ?” นั่นเป็นเพราะว่าฉันอยากรู้พระประสงค์ของพระเจ้าที่มีต่อชีวิตฉัน ฉันต้องการคำชี้แนะของพระองค์นั่นเอง จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของฉันทำให้รู้ว่าคำชี้แนะของพระเจ้านั้น นำไปสู่สิ่งที่ถูกต้องเสมอ แม้ว่าฉันจะไม่ชอบผลลัพธ์ที่ตามมาในบางสถานการณ์ก็ตาม พระเยซูคริสต์ได้ตรัสไว้ว่า แกะของเราจะรู้จักเสียงของเรา (ยอห์น 10:27) และเสียงของพระองค์ก็อยู่ในพระคัมภีร์ ฉันรู้ว่าในการที่จะได้รับพระพรจากการนำของพระเจ้านั้น
ฉันจะต้องพัฒนาความหิวกระหายในพระคำของพระองค์
และนี่คือ 3 วิธีที่ฉันพบว่ามีประสิทธิภาพมากที่สุดในการอ่านพระคัมภีร์และใช้เวลากับพระเจ้า
1. จัดเวลาอ่านพระคัมภีร์โดยไม่วอกแวก
อย่างแรกเลย ฉันตั้งใจแน่วแน่ว่าจะเริ่มต้นอ่านพระคัมภีร์ ยิ่งเราอายุมากขึ้นเท่าไหร่ ความรับผิดชอบก็มากขึ้นเท่านั้น มันมีช่วงเวลาในชีวิตของฉันที่มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำ ดูเหมือนว่าเวลาก็ไม่เคยพอในแต่ละวัน ฉันจริงจังจนต้องตั้งการแจ้งเตือนกินข้าวในโทรศัพท์ของตัวเอง
ฉันเตือนตัวเองว่า ขนาดพระเยซูเป็นพระเจ้า และพระองค์ก็ยุ่งมากในระหว่างที่อยู่บนโลก แต่พระองค์ก็ยังคงใช้เวลาส่วนตัวกับพระบิดาในที่เงียบสงบ (มาระโก 1:35-37)
ฉันตั้งใจแน่วแน่ว่าจะอ่านพระคัมภีร์เป็นสิ่งแรกในตอนเช้า หากว่ามีเหตุบางอย่างที่ทำให้ไม่สามารถทำแบบนั้นได้ ฉันก็จะอ่านพระคัมภีร์ขณะที่กำลังเดินทางไปถึงที่หมาย (คุณสามารถฟังพระคัมภีร์ในขณะขับรถก็ได้นะ) บางครั้งฉันก็จะใช้ช่วงเวลาพักกลางวันเพิ่มขึ้นด้วยการใช้เวลาเงียบๆ ซ่อนตัวในออฟฟิศเพื่อทานอาหารกลางวัน หรือหาที่เงียบๆ ในสวน ฉันเริ่มที่จะจัดเวลาให้แน่ใจแล้วว่าจะไม่วอกแวกเพื่อจะสามารถจดจ่อที่พระวจนะ
2. ทูลถามพระเจ้าเพื่อความเข้าใจก่อนอ่านพระคัมภีร์
การอ่านพระคัมภีร์เฉยๆ อย่างเดียวนั้นไม่พอ (โดยเฉพาะตั้งแต่มันกลายเป็นสิ่งที่น่าเบื่อสำหรับฉัน) ฉันจึงเริ่มที่จะใช้เวลาอ่านพระคัมภีร์โดยอธิษฐานขอความหิวกระหายในพระคำจากพระองค์ (สดุดี 63)
เกือบทุกครั้งก่อนที่ฉันจะอ่านพระคัมภีร์ ฉันจะทูลถามพระเจ้าให้เปิดตาฉันเพื่อจะเห็นความอัศจรรย์ในธรรมบัญญัติของพระองค์
นับจากจุดนั้น พระคัมภีร์ได้กลายเป็นจริงในชีวิตของฉัน ฉันจะอ่านข้อพระคัมภีร์วันละหนึ่งข้อ และสามสัปดาห์ต่อมา พระคำข้อนั้นจะพูดกับฉันในรูปแบบใหม่ๆ ฉันเริ่มจะเห็นว่าพระคำของพระเจ้าสามารถปรับใช้ได้กับสถานการณ์ที่ฉันเผชิญอยู่ เหมือนในพระธรรมเยเรมีย์ 33:3 ที่พระเจ้ากล่าวว่า ‘จงทูลเรา และเราจะตอบเจ้า และจะบอกสิ่งยิ่งใหญ่ที่ซ่อนอยู่ ซึ่งเจ้าไม่รู้นั้นแก่เจ้า’ ซึ่งกลายเป็นจริงในชีวิตของฉัน
การอธิษฐานเป็นสิ่งสำคัญมากในการสื่อสารกับพระเจ้า แม้ว่าเราจะไม่ได้รับคำตอบในทันที หรือแม้พระเจ้าจะไม่ได้ตอบในสิ่งที่เราหวังไว้ เราสามารถมั่นใจได้ว่าพระเจ้าจะทรงตอบในทางและในวันเวลาของพระองค์เสมอ ฉันหนุนใจที่คุณจะยังคงอธิษฐานก่อนอ่านพระวจนะคำของพระองค์ แล้ววันหนึ่งคุณจะเห็นผลลัพธ์จากคำอธิษฐานของคุณ
3. ใคร่ครวญในข้อนั้นๆ หรือเนื้อหานั้นๆ อย่างเจาะจง
คนยุ่งส่วนใหญ่มักยืนยันว่าความคิดของเราจะยังคงแล่นต่อไป แม้ว่าเราอยากจะให้มันหยุดแล้วก็ตาม การจดจ่อใคร่ครวญนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับฉัน
ดังนั้น ในการจะเก็บรักษาการสำแดงและความเข้าใจที่ได้มาจากการอ่านพระคัมภีร์ ฉันเริ่มที่จะทบทวน และกลับไปทบทวนพระคำนั้นอีกครั้ง
วิธีหนึ่งที่ฉันเริ่มทำแบบนี้ ก็คือการอ่านสองครั้งฉันไม่ได้อ่านซ้ำทันทีหลังจากการอ่านรอบแรก บางครั้งฉันก็อ่านอีกครั้งในวันถัดไป หรือวันอื่นๆ ภายในสัปดาห์นั้น ฉันเริ่มที่จะครุ่นคิด ตั้งคำถามกับตัวเองในเรื่องที่เพิ่งได้อ่านไป เพื่อช่วยให้ฉันได้ใคร่ครวญกับความหมายของพระคำตอนนั้นๆ (สดุดี 1:2)
มีเพื่อนคนหนึ่งของฉันใช้วิธี “ข้อพระคัมภีร์หนึ่งข้อต่อสัปดาห์” เขาเอาพระคำข้อนั้นๆ ตั้งเป็นพื้นหลังหน้าจอมือถือ และทวนซ้ำๆ วันละหลายรอบจนกว่าเขาจะจำได้ อีกวิธีหนึ่งเป็นสิ่งที่ฉันได้มาจากประสบการณ์ที่ฉันเป็นนักเขียน คือ ฉันมีสมุดเล่มเล็กๆ เล่มหนึ่งที่พกติดตัวตลอดเวลาในกระเป๋า เหมือนที่ฉันจดไอเดียบทความใหม่ๆ ที่แวบขึ้นมาในขณะที่ฉันกำลังเดินอยู่บนถนน ฉันจดพระคำและสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้จากข้อพระคำเหล่านั้น เพื่อที่ฉันจะสามารถกลับไปทบทวนได้เรื่อยๆ จนกว่าจะซึมซับ เมื่อฉันใช้วิธีการเหล่านี้แล้ว ความรู้สึกเบื่อที่ฉันมีต่อพระคัมภีร์ก็ได้จางหายไป
ฉันเริ่มที่จะตั้งตารอไปกับการอ่านพระคัมภีร์ และเพลิดเพลินกับอาหารอันอุดมสมบูรณ์ที่พระเจ้าได้จัดเตรียมไว้ให้เราในพระคำของพระองค์ การอ่านพระคัมภีร์นั้น กลายเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นและรู้สึกสดใหม่กว่าเดิม
ถ้าหากว่าคุณกำลังรู้สึกแบบเดียวกันกับที่ฉันเคยเป็น และปรารถนาที่จะฟื้นฟูช่วงเวลาในการอ่านพระวจนะคำ ฉันหวังว่าสามวิธีการเหล่านี้จะช่วยคุณได้ในทางใดทางหนึ่ง ฉันยอมรับเลยว่ามันล้ำค่าและยังคงเป็นเช่นนั้นสำหรับฉัน ในการได้รับอาหารฝ่ายจิตวิญญาณผ่านทางพระวจนะคำของพระเจ้าด้วยวิธีการเหล่านี้
YOU MAY ALSO LIKE
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน
WRITER: ฉีฉี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: นิศารัตน์ มั่นเกตุEDITOR: กรชวัล เพชรเลิศอนันต์ มันเป็นอีกหนึ่งวันที่ยาวนาน ในระหว่างที่ดูแลพวกลูกๆ สะสางงานต่างๆ ก็แทบจะไม่มีเวลาให้ได้พักหายใจเลย เมื่อลูกๆ...
ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?
WRITER: เมดาลีน คาลู ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: PinkEDITOR: Thitikarn Nithiuthai (Mesy) ฉันยังจำช่วงเวลาที่ฉันเริ่มต้นความสัมพันธ์กับพระเยซูได้ ราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงที่อากาศหนาวเย็นของเดือนมกราคม ฮันนาห์...
เสียงที่ดังพอ
WRITER: GRACESaoriEDITOR: Mustard Seed Team เคยไหม? ที่ในบางครั้งเสียงของใครบางคนก็ดังกว่าเสียงของตัวเอง เสียงนี้มักดังเร้าอยู่ภายในใจ บ่อยครั้งในเมื่อเราอยู่ในช่วงที่คิดไม่ตก ฟุ้งซ่าน หาทางออกไม่เจอหลายๆ สิ่ง แต่จะมีเสียงๆ นี้แหละ ที่กลับดังขึ้นมาหัวใจ...