fbpx
WRITER: แมดาไลน์ ทูว์นีย์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: ศุภิสรา เจริญศรีศิลป์
EDITOR: พาทินธิดา เจริญสวัสดิ์

ฉันรักที่จะนมัสการและใช้เวลาร่วมกับพระเจ้า

ทุกๆ เช้าฉันพยายามหาเวลานมัสการพระเจ้าผ่านการอธิษฐาน, ฟังเพลง, อ่านพระคัมภีร์ และจดบันทึก ในช่วงเวลาส่วนตัวกับพระเจ้านี้ ฉันได้ขอบคุณและใคร่ครวญถึงพระคำของพระองค์ ในทางกลับกัน พระเจ้าก็สถิตกับฉันจริงๆ พระองค์ทรงตอบคำอธิษฐาน ทรงทำให้ฉันสัมผัสถึงความเมตตาและความอ่อนโยนของพระองค์ ทรงเติมเต็มฉันด้วยพละกำลัง สันติสุข และเตือนใจฉันว่าพระองค์ทรงเฝ้าดูอยู่เสมอ หลังจากได้ใช้เวลากับพระเจ้าฉันจึงรู้สึกถึงความมั่นใจในรักที่พระองค์ทรงมอบให้

แต่ก็อย่างที่เรารู้กันว่า การจะหาเวลามานมัสการและมอบชีวิตของเราให้กับพระเจ้าไม่ใช่เรื่องง่าย โลกใบนี้มักจะหยิบยื่นสิ่งรบกวนต่างๆ เพื่อดึงเราให้เปลี่ยนโฟกัสออกไปจากพระเจ้าเสมอ เพราะฉะนั้น ฉันจึงถูกท้าทายให้เลือกระหว่างการใช้เวลาเพื่อนมัสการพระเจ้า กับการใช้เวลาไปตามข้อเสนอของโลกนี้

เมื่อเวลาผ่านไป ในที่สุดฉันก็ได้ข้อสรุปว่าอะไรเป็นสิ่งที่ดึงฉันออกไปจากพระเจ้ามากที่สุด ซึ่งข้อสรุปนี้เองที่ช่วยให้ฉันเปลี่ยนโฟกัสและความสนใจกลับไปที่พระเจ้าได้

ในโลกที่เต็มไปด้วยทางเลือกนี้ นี่คือ 3 อุปสรรคใหญ่ๆ ที่คอยเข้ามาขัดขวางการนมัสการพระเจ้าของฉัน และไม่แน่ว่าบางทีคุณอาจจะมีอุปสรรคบางข้อที่คล้ายกับฉันก็ได้

1. รับใช้นายสองเจ้า: เทคโนโลยีหรือพระเจ้า

ย้อนไปกว่า 20 ปีที่แล้ว ฉันจำได้ว่าจะต้องรีบไปที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะทุกครั้งที่ต้องการโทรหาใครสักคน ก่อนจะมีโทรศัพท์มือถือเครื่องแรกเป็นของตัวเอง ซึ่งก็เป็นทำนองเดียวกันกับอินเตอร์เน็ตที่ฉันรู้สึกขอบคุณพระเจ้ามากๆ สำหรับสิ่งนี้ เพราะการได้เรียนวิธีแต่งหน้าผ่าน YouTube ได้ทำให้ฉันมีอาชีพเสริมเป็นช่างแต่งหน้าฟรีแลนซ์

อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงจุดหนึ่งฉันก็รู้สึกว่าของตัวเองเสพติดการใช้เครื่องมือสื่อสาร แอปพลิเคชันและสื่อออนไลน์อย่างหนัก ฉันเริ่มพึ่งพามันมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการหาข้อมูล และการเสพสื่อบันเทิงอย่างไม่รู้จบ

น่ากลัวมากที่เรายอมให้โลกดิจิทัลเข้ามามีผลกับชีวิตมากขนาดน้ี พระเจ้าตรัสว่า เราไม่สามารถเป็นข้าสองเจ้า บ่าวสองนายได้(มัทธิว 6:24) เมื่อไหร่ที่เราไม่สามารถหยุดตัวเองให้เลื่อนหน้าฟีด Facebook, Instagram, Twitter หรือหยุดตัวเองให้เลิกเล่นเกม Candy Crush ไม่ได้ เมื่อนั้นก็อาจเรียกได้ว่าเราเสพติดการใช้เทคโนโลยีแล้ว

หลายต่อหลายครั้งที่เราเสิร์ชหาคำตอบจาก Google แทนที่จะเข้าหาพระเจ้าพระบิดาผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกของเรา พระเจ้าผู้ทรงตรัสว่าเมื่อเราแสวงหาพระองค์ เราจะพบพระองค์(มัทธิว 7:7)

กระทั่งวันที่ฉันเช็คข้อความใน WhatsApp ขณะกำลังนมัสการพระเจ้าในโบสถ์ ฉันก็ตระหนักทันทีว่าเทคโนโลยีได้กลายมาเป็นสิ่งดึงดูดสำหรับฉันมากกว่าการเข้ามาพบการทรงสถิตของพระเจ้า และมันก็ถึงเวลาแล้วที่จะต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม

ทุกวันนี้ แทนที่ตื่นเช้ามาจะหยิบมือถือเป็นอย่างแรก ฉันกลับขอบคุณพระเจ้าสำหรับวันนี้ที่พระองค์ทรงสร้าง(สดุดี118:24) และระหว่างการนมัสการส่วนตัวในตอนเช้า ฉันจะปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด หากใครต้องการติดต่อในเวลานั้นก็สามารถทิ้งข้อความเอาไว้ก่อนได้ เช่นเดียวกันกับในโบสถ์ที่ฉันก็ใช้วิธีปิดมือถือก่อนเริ่มนมัสการ เพราะนอกจากมือถือจะไม่สั่นหรือส่งเสียงใดๆ ระหว่างที่ฉันอยู่ในโบสถ์แล้ว ยังให้ฉันไม่วอกแวกและทำให้โฟกัสที่จะนมัสการพระเจ้าได้อย่างแท้จริง

2. กลัวจะพลาดอะไรไป

ทุกวันที่ฉันตื่นมา โฟกัสของฉันจะอยู่ที่การใช้เวลากับพระเจ้าในชั่วโมงแรกของวัน

อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่บ่อยเท่าไหร่ แต่บางทีตอนที่ฉันให้อาหารแมวหรือชงกาแฟอยู่ในหัวก็เริ่มนึกถึงตารางกิจกรรมประจำวัน เช่น แผนที่จะออกกำลังกาย หรือนัดเจอกับเพื่อนๆ จนฉันเริ่มกังวลกับอนาคตเพราะกลัวจะพลาดอะไรไป ซึ่งมันกลายเป็นเหยื่อล่อให้ฉันทุ่มเทในการไล่ตามตารางเหล่านั้นแทนที่จะใช้เวลาเพื่อนมัสการพระเจ้า

ทางเลือกที่มากเกินไปคือสาเหตุของความรวดเร็วในการใช้ชีวิตของคนสมัยนี้ ความกังวลว่าจะตามโลกไม่ทันทำให้เราไม่หยุดนิ่งและพยายามไล่ตามโลกที่วุ่นวายนี้อยู่ตลอดเวลา เราต่างก็ทุกข์ใจกับการ กลัวจะพลาดอะไรบางอย่างไป”

เมื่อฉันรู้ว่าตัวเองกำลังกังวลเพราะทางเลือกที่มากเกินไป และมีเวลาน้อยเกินกว่าจะเลือกมันได้ทั้งหมด ฉันจะเตือนตัวเองให้กลับไปอ่านพระคัมภีร์เพื่อหาคำตอบ

มัทธิว 6:33 หนุนใจเราให้แสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงให้ ตอนนี้ฉันกำลังเรียนรู้ที่จะกลัวการพลาดประสบการณ์ส่วนตัวกับพระเจ้าในแต่ละวันมากกว่าการไล่ตามโลกนี้

3. สิ่งล่อลวงของโลกนี้

หนึ่งในกิจกรรมที่ฉันโปรดปรานคือการเข้ายิม แม้ว่าฉันจะออกกำลังกายเพื่อให้มีสุขภาพดี แต่อีกอย่างที่ฉันต้องการก็คือหุ่นเป๊ะๆเหมือนคนในอินสตาแกรมหรือนางแบบในนิตยสาร จนบางครั้งเมื่อยกเวท ฉันก็นึกสงสัยว่า ฉันควรออกกำลังกายเพื่อเป้าหมายของตัวเองหรือควรจะพอใจในรูปร่างที่พระเจ้ามอบให้

เราต่างไล่ตามเป้าหมายที่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นหุ่นสมบูรณ์แบบ, iPhone รุ่นใหม่ล่าสุด หรือการมีวันหยุดสุดพิเศษ แต่หลายครั้งเป้าหมายก็สามารถกลายเป็นรูปเคารพ และดึงเราให้ออกห่างจากพระเจ้าได้เหมือนกัน

โรม 12:2 หนุนใจให้เราแตกต่างจากโลกใบนี้โดยการเปลี่ยนแปลงจิตใจเสียใหม่ เมื่อไหร่ที่ฉันพบว่าตัวเองตกหลุมพรางของการไล่ตามสิ่งที่ตื้นเขินแทนที่จะใช้เวลากับพระคำของพระเจ้า ฉันจะคอยเตือนตัวเองเสมอว่าสิ่งเดียวที่คุ้มค่ากับการไล่ตามคือความจริงจากพระเจ้า และความเห็นของพระเจ้าต่างหากที่สำคัญกับชีวิตของฉัน ไม่ใช่ของโลก

ในโลกที่มีแต่สิ่งล่อลวงใบนี้ การใคร่ครวญพระวจนะของพระเจ้า ทำให้ฉันจดจ่อกับพระลักษณะที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงของพระองค์

การได้รู้ว่าตัวเองถูกล่อลวงด้วยเป้าหมายของโลกทำให้ฉันเรียนรู้ที่จะจัดลำดับความสำคัญเสียใหม่ เมื่อฉันใช้เวลานมัสการพระเจ้าตามปกติ ฉันก็สามารถจะออกกำลังกายโดยมีเป้าหมายที่จะมีสุขภาพที่ดีได้ โดยไม่ต้องห่วงว่าการออกกำลังกายจะมาแย่งเวลาที่ฉันใช้กับพระเจ้าไป

พวกเราทุกคนเป็นเพียงผู้อาศัยชั่วคราวบนโลกใบนี้ แต่ความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้าเป็นสิ่งที่จะข้ามจากความชั่วคราวบนโลกไปสู่ความเป็นนิรันดร์ เมื่อเรานึกถึงเรื่องราวของพระเยซูที่ได้เลือกจะมอบชีวิตของพระองค์เองให้กับเราบนไม้กางเขน เพื่อไถ่เราให้มีอิสระ เมื่อนั้นการเลือกใช้เวลากับพระเจ้าผ่านการนมัสการและสรรเสริญพระองค์นั้นก็จะง่ายขึ้นมาก และทางเลือกของโลกใบนี้ก็จะค่อยๆ เลือนหายไป

ถ้าคุณพบว่าทางเลือกและความคาดหวังของโลกกำลังเป็นอุปสรรคในการนมัสการพระเจ้า ฉันเข้าใจดี เพราะการเลือกที่จะใช้เวลามานมัสการพระเจ้าแทนที่จะไล่ตามเป้าหมายของโลกยังเป็นสิ่งที่ฉันจะต้องเลือกและตัดสินใจในทุกๆ วันเช่นกัน

ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องเปลี่ยนวิถีชีวิต แต่อาจเริ่มจากก้าวเล็กๆ ก่อน บางทีเราอาจตื่นเช้าขึ้นอีกหน่อยเพื่อใช้เวลากับพระเจ้า หรืออาจตั้งเวลาอ่านพระคัมภีร์ไว้สัก 15 นาทีต่อวันก็ได้ ก้าวเล็กๆ เหล่านี้จะช่วยเราให้เข้าใกล้พระเจ้าได้มากขึ้น และเมื่อเราแสวงหา พระองค์ก็จะมอบความร้อนรนที่จะนมัสการให้กับเราเอง

YOU MAY ALSO LIKE

ความผิดพลาด 3 อย่างที่สอนผมเรื่องพระปัญญาและเวลาของพระเจ้า

ความผิดพลาด 3 อย่างที่สอนผมเรื่องพระปัญญาและเวลาของพระเจ้า

WRITER: ราฟาเอล ชาง ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: กาญจนา​ กาญจนพาทีEDITOR: ปวีณา นิลบุตร เมื่อตอนอายุประมาณ 20 ต้นๆ ผมได้วางแผนชีวิตว่าจะต้องเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เป็นนักดนตรี และเป็นผู้รับใช้ในคริสตจักรก่อนอายุ 25 ปี...

จากโรคบูลิเมียสู่โรคซึมเศร้า: พระเยซูทรงจับฉันไว้แน่นท่ามกลางความเจ็บป่วยทางจิตใจ

จากโรคบูลิเมียสู่โรคซึมเศร้า: พระเยซูทรงจับฉันไว้แน่นท่ามกลางความเจ็บป่วยทางจิตใจ

WRITER: เชวอง ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: ปาลีญา ธนาวัฒนเจริญEDITOR: สรสิทธิ์ ฑัมมารักขิตานนท์ เมื่อฉันมาเป็นคริสเตียนตอนอายุ 16 ไม่นานฉันก็ตระหนักได้ว่าชีวิตมันตรงข้ามกับคำสอนหลายๆ อย่างของเหล่าศิษยาภิบาล ชีวิตมันไม่ได้ง่ายเลย ความจริง...

พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)

พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)

WRITER: แคทเธอรีน ฟลินน์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ในปี 2003 ฉันอายุ 24 ปี และอาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษตอนที่ฉันถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยเพื่อนร่วมห้องของฉัน...

Share This