EP.1 “ทำไมโลกจึงเต็มไปด้วยความทุกข์?”

RESOURCE: มานาประจำวัน

ทีวีได้ฉายภาพสลดของการกันดารอาหารและความอดอยากในโลกที่สาม วิทยุได้ประกาศถึงความขัดแย้งระหว่างชาติที่กำลังจะปะทุขึ้นอีกครั้ง หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นได้นำเสนอข่าวเศร้าเกี่ยวกับชีวิตหนึ่งที่บอบช้ำจากความรุนแรงและการล่วงละเมิด เพื่อนบ้านได้เล่าเรื่องราวของเพื่อนที่พ่ายแพ้ในการต่อสู้กับโรคมะเร็ง ความทุกข์ทรมานดูเหมือนจะอยู่ทุกหนทุกแห่ง ซึ่งก่อให้เกิดคำถามและความรู้สึกมากมาย

เราอาจสงสัยว่าทำไมสิ่งไม่ดีจึงเกิดกับคนดีๆ และทำไมสิ่งที่ดีจึงเกิดกับคนไม่ดี อย่างไรก็ตาม สำหรับเราหลายๆ คน มันดูสมเหตุสมผลที่ผู้ก่อการร้ายจะถูกฆ่าด้วยระเบิดของพวกเขาเอง คนที่ขับรถประมาทจะเจอกับอุบัติเหตุร้ายแรง คนที่เล่นกับไฟจะถูกไฟลวก และยิ่งสมเหตุสมผลที่คนสูบบุหรี่แบบมวนต่อมวนจะเป็นมะเร็งปอด

แล้วบรรดาหญิงชายรวมถึงเด็กๆ ผู้บริสุทธิ์ที่ถูกฆ่าโดยระเบิดของผู้ก่อการร้ายล่ะ? ผู้ขับขี่วัยหนุ่มที่ต้องทนทุกข์กับอาการบาดเจ็บทางสมองอย่างรุนแรงเพราะถูกคนเมาขับรถชนล่ะ? คนที่บ้านมอดไหม้โดยไม่ใช่ความผิดของพวกเขาล่ะ? แล้วเด็กอายุ 2 ขวบที่เป็นโรคลูคีเมียล่ะ?

เราอาจไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่าทำไมคนๆ หนึ่งถึงต้องเป็นโรค แต่เราสามารถรู้ได้ในส่วนที่ว่าทำไมจึงมีโรคภัยไข้เจ็บ

ถึงแม้ว่าเราอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมเราถึงต้องเผชิญกับปัญหาบางอย่าง แต่เราสามารถรู้วิธีจัดการและการตอบสนองต่อสถานการณ์ด้วยวิธีที่ถูกต้องได้

โลกนี้จะเป็นอย่างไรถ้าปราศจากความเจ็บปวด? ตอนแรกมันอาจจะฟังดูดี ไม่มีการปวดหัว ปวดหลัง เจ็บคอหรือปวดท้อง  ไม่มีอาการปวดตุบๆ อีกต่อไปเมื่อค้อนพลาดเป้ามาตอกลงที่นิ้วหัวแม่โป้งของเรา แต่มันก็จะไม่มีความรู้สึกที่จะมาเตือนเราถึงกระดูกที่แตกร้าวหรือเส้นเอ็นที่ฉีกขาด ไม่มีสัญญาณเตือนเมื่อมีแผลที่ทำให้กระเพาะอาหารเป็นรู ไม่มีอาการเจ็บปวดมาเตือนจากก้อนมะเร็ง เราอาจจะไม่ชอบความเจ็บปวด แต่บ่อยครั้งมันก็มีจุดประสงค์ที่ดีคือ มันเตือนเราเมื่อมีบางสิ่งผิดปกติ สาเหตุของความเจ็บปวดต่างหากคือปัญหาที่แท้จริง ไม่ใช่ตัวความเจ็บปวด

เนื่องด้วยความบาป โลกที่สงบสุขงดงามและความสัมพันธ์ที่สมบูรณ์แบบของมนุษย์กับพระเจ้าจึงได้ถูกทำลายลง

แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนี้ตั้งแต่ต้น เมื่อพระเจ้าทรงสร้างโลกมันสมบูรณ์แบบ ไม่มีความเจ็บปวด ไม่มีความทุกข์ทรมาน ไม่มีความตาย ทุกอย่างสมบูรณ์อยู่ในสมดุลโดยมีพระเจ้าเป็นผู้ปกครอง และพระองค์ทรงพระสำราญอยู่ในความสัมพันธ์สนิทที่เปี่ยมไปด้วยรักกับอาดัมและเอวา ซึ่งเป็นมนุษย์ชายหญิงคู่แรก

แต่พระคัมภีร์ได้บอกกับเราว่าอาดัมและเอวาได้ปฏิเสธกฏเกณฑ์ที่ดีของพระเจ้าด้วยความดื้อดึง โดยคิดว่าตัวเองรู้ดีที่สุด พวกเขาไม่เชื่อฟังพระองค์ ต้องการที่จะถอดมงกุฎออกจากพระเศียรของพระเจ้ามาสวมใส่ไว้เอง พระคัมภีร์ได้เรียกการกบฏต่อพระเจ้าครั้งนั้นว่า “ความบาป” เนื่องด้วยความบาป โลกที่สงบสุขงดงามและความสัมพันธ์ที่สมบูรณ์แบบของพระเจ้าและมนุษย์จึงได้ถูกทำลายลง น่าเศร้าที่ท่าทีเช่นนี้ยังคงดำเนินมาจนถึงทุกวันนี้ และเราเองก็ยังคงอยู่กับผลของการกบฏครั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บปวด ความทุกข์ทรมาน และความตาย

ต้นเหตุของความทุกข์ยากทั้งหมดนี้คือการไม่เชื่อฟังของมนุษย์ ซึ่งรวมถึงอาดัม เอวา พวกเรา และทุกคนที่เหลืออยู่ ปัญหาไม่ได้เกิดจากพระเจ้า แต่ด้วยความเมตตาของพระองค์ พระองค์จึงทรงใช้ความทุกข์ทรมานของเรามาสอนเราเกี่ยวกับพระองค์ นักประพันธ์ ซี.เอส.ลูอิส ได้กล่าวไว้ว่า

“พระเจ้าทรงกระซิบกับเราในยามสุข ตรัสกับเราในจิตสำนึก แต่ทรงตะโกนพูดกับเราในยามเจ็บปวด ความเจ็บปวดคือโทรโข่งที่ทรงใช้ปลุกโลกที่หูหนวกใบนี้” 

หากเป็นเช่นนั้นแล้ว ความเจ็บปวดเตือนเราถึงปัญหาที่ใหญ่กว่าซึ่งกำลังทำลายโลกของเรา ความสูญเสีย ความทรมานทางด้านจิตใจและอารมณ์ สงคราม ความอดอยาก และโรคภัยต่างๆ ป่าวร้องว่าโลกนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่พระเจ้าทรงสร้างให้เป็น

ดูเหมือนเราจะทำให้ตัวเองเชื่อว่าเรามีสิทธิ์ครอบครองสุขภาพที่ดีและใช้ชีวิตในแบบที่เราปรารถนา แต่เมื่อเราเผชิญกับความเจ็บปวดจากการทนทุกข์ เราอาจรู้สึกอยากคร่ำครวญออกมาว่า “ไม่ยุติธรรมเลย” หลายคนเลือกที่จะปฏิเสธการมีอยู่ของพระเจ้าอย่างเปิดเผย บ้างก็ปฏิเสธพระองค์โดยแอบใช้ชีวิตราวกับว่าพระองค์ไม่ได้มีอยู่จริง แต่ถึงกระนั้นความรู้สึกไม่ยุติธรรมนั้นเองก็ดูจะเป็นการยอมรับว่าพระเจ้าทรงมีอยู่จริง อย่างไรก็ตาม ผู้คนประกาศด้วยวิธีต่างๆ ว่าต้องการโลกที่ปราศจากพระเจ้า ดังนั้นพระเจ้าจึงให้สิ่งที่เราต้องการ นั่นก็คือโลกที่ปราศจากกฏเกณฑ์อันสมบูรณ์แบบของพระองค์ ซึ่งเป็นโลกที่เต็มไปด้วยการทนทุกข์

แต่พระคัมภีร์ได้บอกกับเราว่าพระเจ้ายังคงใส่ใจกับความเจ็บปวดทรมานของเรา ซึ่งบ่งบอกถึงความรักอันลึกซึ้งของพระองค์ที่มีต่อเรา ถึงแม้เราดูเหมือนจะมุ่งมั่นทำสิ่งต่างๆ ในวิถีทางของเราและเมินพระองค์

ฉะนั้นแล้วโลกแห่งความทุกข์ทรมานนี้คือทั้งหมดที่เรากำลังตั้งตารออยู่หรือ?

#MentalHealthMatters

YOU MAY ALSO LIKE